ช่วงนี้ เศรษฐกิจไม่ค่อยดี อะไรๆก็ดูแพงไปหมด รายได้ก็ลดลง เงินที่เก็บไว้ก็ต้องแอบเอาออกมาใช้ก่อน เป็นกันไหมคะ
วันนี้เลยจะมาแชร์บันทึก bullet journal ในส่วนที่เกี่ยวกับการเงิน ประกอบไปด้วย wish list และ saving ค่ะ
ลองวางแผนหน้ากระดาษคร่าวๆก่อน. ก็จะมีส่วนของ
wish list, saving, quotes ให้กำลังใจ, และตกแต่งนิดหน่อย
ด้วยความที่ content ในหน้านี้น้อย ค่อนข้างว่างเปล่า ไม่อยากให้กระดาษขาวจนเกินไป ก็เลยแปะกระดาษตกแต่งลงไปเป็นแบคกราวก่อนเลยค่ะ
เลือกกระดาษลายวินเทจ มีความเป็นตั๋วเก่าๆอะไรซักอย่างโทนสีน้ำตาล นำมาฉีกแล้วแปะที่มุมขวาบน และซ้ายล่างค่ะ
มาดูส่วนของcontentกัน
🤍wish list : คือ”ของที่อยากได้” ค่ะ ทุกๆเดือนจะต้องมีของที่เราต้องการจะซื้ออยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ. การจดบันทึกในส่วนนี้ก็จะช่วยให้เราเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่เราอยากซื้อค่ะ
ยิ่งใครที่มีนิสัย ”ซื้อเก่ง” เอะอะ cf เอะอะกดใส่ตระกร้า ควรอย่างยิ่งในการทำบันทึก wish list ค่ะ เพราะก่อนที่เราจะเขียนลงไปในสมุด จะมีเวลาซักแปปนึงให้เราได้ไตร่ตรอง ว่าสิ่งนี้จำเป็นที่จะต้องซื้อจริงๆหรือเปล่า? หรือถ้าเราอยากได้จริงๆ งบที่เรามีเพียงพอที่จะซื้อหรือเปล่า?
🔆ถ้าเป็นไปได้ลองเรียงสิ่งที่จำเป็นที่สุดไว้ข้อแรกๆ และอย่าลืมจดราคาของสิ่งที่อยากได้ลงไปด้วยนะคะ
🤍saving : คือ “เงินเก็บค่ะ” ไม่มีอะไรมากเลย แค่จดวันที่ และจำนวนเงินที่เราเก็บเท่านั้นเองค่ะ สำหรับคนที่เก็บเป็นเงินสดใส่กล่อง หรือใส่กระปุก วิธีนี้ก็ช่วยให้ง่ายต่อการนับยอดด้วยนะคะ
🔆 ควรจะตั้ง target หรือเป้าหมายเอาไว้ด้วยนะคะ ว่าอยากเก็บให้ได้เท่าไหร่ สร้างแรงผลักดันกันหน่อยค่า
ต่อไป มาตกแต่งกัน~
อยากจะตกแต่งอะไรที่เกี่ยวกับการเงินหน่อย จะวาดกระปุกหมูออมสินก็จะเดิมๆไป เลยเปลี่ยนเป็นกระปุกแมวละกัน
วาดแมวหน้าง่วงบนกระดาษน้ำตาลแล้วตัดมาแปะค่ะ
จากนั้นก็ใช้สติกเกอร์วงกลมสีๆ มาตกแต่งเป็นเหรียญสำหรับหยอดกระปุกแมวค่ะ เลือกสีโทนน้ำตาล เข้าตีม
ออกมาเป็นแบบนี้😺
เหลือที่ว่างอีก ต้องใส่ “quotes” ค่ะ ถ้าการเก็บเงินมันยากนัก ก็ต้องหาquotes มาสร้างแรงผลักดันให้ตัวเองค่ะ
quotes ที่เลือกมาคือ “if you’re saving, you’re succeeding”. หมายความว่า ถ้าคุณกำลังเก็บเงินอยู่แปลว่าคุณกำลังก้าวสู่ความสำเร็จ ประมาณนี้ค่ะ
เป็นquotes จากหนังสือ “I want more pizza” ที่เขียนโดยคุณ Steve Burkholder เป็นหนังสือที่สอนเกี่ยวกับการเงินสำหรับ นักเรียนนักศึกษา ใครเคยอ่านมาแชร์กันด้วยนะคะ
พออ่าน quotes นี้ก็จะมีกำลังใจเก็บเงินขึ้นมา เก็บนิดๆหน่อย หลักสิบ หลักร้อย เดี๋ยวซักวันก็จะกลายเป็นหลักพันหลักหมื่นเองแหละเนอะ
บันทึกหน้านี้ก็จะออกมาเป็นแบบนี้ค่า
ลองเริ่มเขียนบันทึกการเงินในแบบของตัวเองกันดูนะคะ
พูดถึงเรื่องการเก็บเงินฟังดูเหมือนจะง่ายใช่มั้ยคะ แต่ทำไมเก็บไม่ถึงไหนซักทีนะ? เก็บบ้าง ลืมบ้าง ทนไม่ไหวเอาออกมาใช้ก่อนบ้าง แบบนี้เมื่อไหร่จะถึงเป้าล่ะเนี่ย
วันนี้ก็เลยมีวิธีตามหลักจิตวิทยาง่ายๆเกี่ยวกับการเก็บเงินมาฝากกันค่ะ
1. การตั้งค่าโอนเงินอัตโนมัติ
ยุคนี้ ส่วนใหญ่ก็คงมีแอพพลิเคชั่นของธนาคารกันใช่มั้ยคะ ทุกคนรู้หรือเปล่าว่าเราสามารถตั้งโอนเงินอัตโนมัติได้
แทนที่เราจะรอโอนเก็บจากยอดที่เหลือในบัญชีของเรา เปลี่ยนมาเป็นการตั้งโอนอัตโนมัติไปยังบัญชีเงินเก็บของเรา ทุกๆต้นเดือน เท่านี้ก็จะตัดปัญหา “ใช้เงินเกิน จนไม่เหลือเงินเก็บ” ได้แล้ว
แถมยังไม่ต้องมานั่งคำนวณว่า เดือนนี้เก็บเท่าไหร่ดีน้าาา? มีอะไรที่อยากซื้อบ้างน้าาาา? แก้ปัญหาด้วยการตั้งอัตโนมัติหักไปเลยทุกเดือน เป็นจำนวนเดิม แค่นี้เงินออมก็จะมีระบบมากขึ้นแล้วค่ะ
มีบทความของ Nava Ashraf, Dean Karan และ Wesley Yin ที่ลงในนิตยสาร The quarterly journal of Economics เกี่ยวกับการทดลองให้ลูกค้าเปิดบัญชีออมเงินอัตโนมิติกับธนาคารในฟิลิปปินส์ ผลการทดลองสรุปว่า ค่าเฉลี่ยเงินคงเหลือในบัญชีเงินเก็บของลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นถึง 81% ภายใน 1 ปี!!
รีบไปตั้งอัตโนมัติกันด่วนๆ
2. ติดตามการเงินของตัวเองอยู่เสมอ
พูดง่ายๆก็คือ การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ที่เรารู้จักนั่นแหละค่ะ การที่เราอัพเดตยอดเงินคงเหลือในบัญชีของเราเป็นประจำทำให้เราเข้าใจสถานการ การเงินของตัวเองเป็นอย่างดี
พอเห็นนอดเงินปุ๊ป เราก็จะเริ่มคิดไตร่ตรอง ยับยั้งชั่งใจก่อนการใช้จ่ายด้วย
ในยุคแห่งความสะดวกสบายแบบนี้ ก็มีตัวช่วยทำให้การติดตามสถานการการเงินง่ายขึ้น นั่นคือ... แอพพลิเคชั่นทำบัญชี รายรับ-รายจ่าย มีให้เลือกดาวน์โหลดไปใช้มากมาย ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ซึ่งผู้เขียนเองก็ใช้อยู่เหมือนกันค่ะ
การศึกษาเกี่ยวกับ “พฤติกรรมทางเศรฐกิจในยุคดิจิตอล” ของ Shlomo Benartzi และ Yaron Levi พบว่า กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาที่ใช้แอพลิเคชั่น ในการติดตามสถานการณ์การเงินมีแนวโน้มในการ “ลดค่าใช้จ่าย” ลงถึง 16%!!
3. ความสุขเล็กๆ จากการตั้งเป้าหมายจนเป็นนิสัย
อย่างที่เรารู้กันค่ะ ไม่ว่าจะทำอะไร การตั้งเป้าหมายไว้ก่อน เป็นการสร้างแรงผลักดันให้ตัวเรา เช่น “เดือนนี้จะลดน้ำหนักลงให้ได้ 3กิโล” หรือ “เทอมหน้าจะต้องได้ A วิชานี้” พอมี Goal ก็มีไฟแห่งความอยากเอาชนะลุกพรึ่บขึ้นมาทันที
ในแง่ของการเก็บเงิน ก็ใช้หลักของการตั้งเป้าหมายได้เหมือนกันค่ะ แต่ที่สำคัญที่สุด!! คือ!! ตั้งแล้วต้องทำให้ได้!!
ในหนังสือ “The Power of Habit“ ที่เขียนโดย Chales Duhigg ได้กล่าวไว้ว่า เวลาที่มนุษย์เราทำสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ สมองจะหลั่ง “โดปามีน(Dopamine)” ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์พึงพอใจ และปิติยินดีออกมา
สมองจะหลั่งสารนี้อย่างเป็นปกติเมื่อถูกกระตุ้นด้วยพฤติกรรมเดิมซ้ำๆ หมายความว่าถ้าเราตั้งเป้า แล้วทำสำเร็จ บ่อยๆ สมองก็จะหลั่ง โดปามีน ทำให้เรามีความสุข ในทางตรงกันข้าม ถ้าทำไม่สำเร็จบ่อยๆ ก็จะทำให้กลายเป็นคนหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนได้เหมือนกันนะคะ
ลองตั้ง Goal เล็กๆ ง่ายๆ เช่น “สัปดาห์นี่จะเก็บเงินให้ได้ 300฿” แล้วทำให้สำเร็จ ต่อจากนั้นค่อยเพิ่มระดับความยากของเป้าหมายไปเรื่อยๆ สมองของเราจะจำแพททเทิร์น แล้วสร้างนิสัยที่เป็นไปในเชิงบวกของเราออกมาค่ะ
ใครอยาก เก็บเงินเก่งจนเป็น “นิสัย” ลองทำดูนะคะ
หวังว่าทุกคนจะลองเอาวิธีต่างๆที่เอามาแชร์ในวันนี้ไปลองทำควบคู่กับการเขียน Bullet journal นะคะ นี่เป็นบทความแรกที่ทำการบ้านมาพอสมควร ยังไง ฝากรีแอค คอมเมนต์ และติดตามกันด้วยนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันค่ะ
ที่มา
www.scimath.org : โดปามีน
www.hustleescape.com : The psychology of saving money. what does the research tell us?
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
