13 พ.ค. 2021 เวลา 08:20 • ท่องเที่ยว
Backpack ที่จันทบุรี
หลายคนคงคุ้นเคยกับการดูรายการท่องเที่ยวต่างๆ จนได้ยินคำว่า Backpackerบ่อยๆ ซึ่งความหมายของคำว่า Backpacker คือ ผู้ที่แบกกระเป๋าไว้บนหลังแล้วออกเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆโดยเน้นความประหยัด
อันนาก็เป็นหนึ่งคน ที่ได้ยินเรื่องราวการเดินทางแบบBackpacker แต่กลับไม่เคยได้ออกเดินทางในรูปแบบนี้จริงๆสักครั้ง จนกระทั่ง! เพื่อนสาวขาลุยสายBackpack ตัวจริงมาชวนไปกางเตนท์ อันนาผู้ที่ชอบการเที่ยวเป็นชีวิตอยู่แล้ว ไม่รีรอที่จะตอบตกลงในทันที อาจเพราะเรามีจุดหมายเดียวกัน คือจันทบุรี นั่นเอง
จันทบุรี เป็นเมืองรอง ที่นี่มีความน่าสนใจ เป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวไม่ได้เยอะมาก และเมืองจันท์ก็ดูมีเสน่ห์ มีทั้งน้ำตก ทะเล ภูเขา ตลาดชุมชน ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวที่มาจังหวัดเดียวแต่เที่ยวครบมากๆ
วันแรกของการเดินทางเรานัดกันที่สถานีขนส่งเอกมัย เพื่อขึ้นรถมินิบัสเข้าสู่เมืองจันทบุรี พอมาถึงจึงทำการนัดรับมอเตอร์ไซค์ที่ได้ติดต่อเช่าไว้ก่อนมาถึงด้วยราคา 300 บาท ที่สำคัญ ผู้ให้เช่าอัธยาศัยดีมากๆ ไว้คราวหลังไปจะติดต่อไปเช่าอีกแน่นอน
เมื่อได้พาหนะเดินทางของทริปนี้เรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายแรกทันที นั่นคือ ชุมชนริมน้ำจันทบูร ต้องขอบอกว่าที่เลือกมาที่นี่ เพราะตั้งใจมาตามหาพี่นักวาดโปสการ์ดที่อันนาสะสม ซึ่งเปิดร้านกาแฟอยู่ที่นี่ ชื่อร้านว่า “บางเวลา กาแฟ และแกลลอรี่” โอ้โห แค่ชื่อก็ยาวแล้วใช่ป่ะ แต่ขอบอกเลยว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะมีแกลลอรี่ผลงานของพี่น้อยหน่า ผู้เป็นเจ้าของร้านและนักเขียนการ์ตูนขายหัวเราะให้ได้ชมด้วย สรุปคืออันนาก็ได้เจอพี่น้อยหน่าสมใจที่รอคอยมาหลายปี แถมได้ดื่มกาแฟซื้อโปสการ์ด ชมแกลลอรี่ตามคอนเซปต์ชื่อร้านเลย
ชุมชนริมน้ำจันทบูร มีเสน่ห์ของความเป็นวิถีชุมชมริมน้ำ มีร้านอาหารเล็กๆน่ารัก ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น อาหารในหลายร้านก็ราคาถูกและอร่อยด้วย สถานที่นี้ยังคงไว้ซึ่งวิถีชุมชนของคนริมน้ำได้อย่างลงตัว ในยุคสมัยที่โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ตอนนี้ก็ถึงเวลาไปทานอาหาร ที่เป็นเป้าหมายของเพื่อนสาวผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ สำหรับร้านนี้ มีชื่อว่า “ส้มตำ ยำกั้ง” ก็บอกตามตรงว่ามาตามรีวิวนั่นแหละ และก็ไม่ไกลจากชุมชนริมน้ำจันทบูรด้วย อันนาอยากจะเล่าว่า จังหวะที่ขับรถไปจอดหน้าร้านก็สามารถรู้ได้เลยว่า เราต้องนั่งรออาหารร้านนี้กันอีกยาวนานแน่นอน ซึ่งก็คิดไม่ผิด ถึงจะได้โต๊ะแล้ว ถ่ายรูป ถ่ายคลิป กระทั่งนั่งเล่นเกมต่อเพลงกันก็แล้ว อาหารก็ยังไม่มีวี่แววจะมา กว่าจะได้กินก็ครบ 1 ชั่วโมงพอดี นี่ก็ไม่รู้ว่าอาหารที่สั่งมาอร่อย หรือเพราะเรา2คนหิวกันแน่ เพราะหมดเกลี้ยงชั่วพริบตากันเลยทีเดียว แต่บอกเลยว่ากั้งเค้าเด็ดจริงตัวใหญ่จริง ต้องไปลองค่ะ
พอกินอิ่มก็ถึงเวลาเดินทางไปกางเตนท์ ซึ่งจุดหมายของทริปนี้ คือ อุทยานน้ำตกพลิ้ว เดิมชื่อว่า อุทยานแห่งชาติเขาสระบาปและเป็นบริเวณแหล่งต้นน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาให้แก่เขต อำเภอเมือง อำเภอแหลมสิงห์ และอำเภอขลุง “น้ำตกพลิ้ว” เกิดจากธารน้ำสองสายทิ้งตัวมาบรรจบกันก่อนจะทิ้งตัวจากผาสูง 20 เมตรลงสู่แอ่งน้ำ
ซึ่งน้ำใสมากจนเห็นตัวปลาเลย อันนาได้ลงไปเดินในน้ำบริเวณที่มีปลาว่ายชุกชุม เจ้าปลาต่างก็มาตอดที่เท้า และน้ำก็เย็นชื่นใจมาก อันนาสัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่ มันช่างรู้สึกดีจริงๆ อันนากับเพื่อนหลังจากมาถึงที่อุทยาน ประมาณเกือบห้าโมงเย็นแล้ว ก็ได้ติดต่อขึ้นไปกางเตนท์ ซึ่งทางอุทยานก็มีพื้นที่สำหรับกางเตนท์ไว้ให้นักท่องเที่ยว พอกางเตนท์กันเสร็จ พวกเราสองสาวก็พากันบึ่งมอเตอร์ไซค์ เพื่อที่จะไปเที่ยวเก็บรูปในสถานที่ต่อไป
ซึ่งจุดหมายต่อไปคือ สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือเรียกอีกชื่อว่าสะพานแหลมสิงห์ มีความยาวระยะทาง1,060เมตร ซึ่งเป็นถนนสายท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลที่ยาวที่สุดในภาคตะวันออก มีจุดชมวิวที่สวยงามซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักมาถ่ายรูปกับวิวพระอาทิตย์ตก นั่นแหละค่ะ จุดที่เราจะไปถ่ายรูปกัน
ระหว่างทางที่ขี่รถไป ก็เกิดฝนตกลงมา ดีที่เราใส่ชุดกันฝนไว้พร้อมแล้ว จึงขับรถลุยฝ่าสายฝนไปยังจุดชมวิวของสะพาน ซึ่งขอบอกว่ามาถึงตรงสะพานนั้น ไม่มีวี่แววว่าฝนได้ตกลงมาเลย
ก็เลยแชะภาพใส่ชุดกันฝนไป 1 รูป
วิวที่มองจากสะพานในช่วงเย็นคือสวยมากๆ ในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตก แต่นี่ก็ยังไม่ใช่จุดที่เราจะดูพระอาทิตย์ตก
อันนาและเพื่อนสาวพากันขี่รถไปที่หาดแหลมสิงห์ ซึ่งเราก็มาทันได้ดูพระอาทิตย์ ดวงกลมโต กำลังคล้อยต่ำ ลงสู่ทะเลเบื้องหน้า เป็นภาพที่สวยงามมากๆ สำหรับ 1 วันกับทริปจันทบุรี เป็นวันที่คุ้มค่าจริงๆ เพราะการได้มาSlowlife กับการนั่งดูพระอาทิตย์ตก ทำให้รู้สึกว่า เก่งมากที่ใช้ชีวิตผ่านมาได้อีกหนึ่งวัน จนได้เห็นความสวยงามของธรรมชาตินีั
พรุ่งนี้แสงของตะวันก็จะขึ้นมาใหม่ เราคงได้เริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง การเดินทางที่เรียกว่า ความหวังของชีวิต
โฆษณา