14 พ.ค. 2021 เวลา 16:22 • ท่องเที่ยว
ขับรถเที่ยวแจกกาแฟ แต่!! ไม่มีใครกล้ามากินด้วย จากกทม - นครศรีฯ(บ้านคีรีวง) 6วัน6คืน ระยะทางกว่า 1,800 กิโลเมตร
บรรยากาศยามเช้า ณ บ้านคีรีวงกับกาแฟดริป
บทนำ
เอาล่ะก่อนอื่นเลยต้องท้าวความก่อนว่าผมมีเพื่อนอยู่คนนึงชื่อพจน์ พจน์เป็นผู้ที่หลงในในการทำกาแฟมาก เริ่มทำเองทุกขั้นตอนตั้งแต่เลือกเมล็ด คั่วเอง บ่มเอง บดเอง ท้ายที่สุดจะเอาไปดริป หรือทำเป็นเอสเพรสโซ่ก็แล้วแต่ มีครั้งนึงผมเคยไปช่วยพจน์นั่งคัดเมล็ดกาแฟด้วยกัน แถมยังมีโอกาสได้ไปชิมกาแฟที่บ้านพจน์อยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าการลองชิม ลิ้มรสหรือการคอมเม้นถึงกลิ่นและรสชาติของกาแฟที่พจน์ได้ทำนั้นมันจำกัดอยุ่ในวงแคบแค่ตัวพจน์กับผมเท่านั้น แต่ตัวพจน์นั้นปราถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้คนในเรื่องกาแฟของเค้ามากขึ้น ผ่านการท่องเที่ยวไปด้วย แล้วก็ชวนคนมากินกาแฟแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน จึงบันดาลให้เกิดทริป ขับวินเที่ยว x บาริสต้าฝึกหัดขึ้น
และต่อจากนี้คือเรื่องราวการเดินทางของพวกเราตลอด 6วัน6คืน
วันที่ 1 : เราเริ่มต้นออกเดินทางช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 1 เมษายน จนถึงจุดหมายแรกของเราที่ไกลออกไปกว่า 800 กิโลเมตร ในวันที่ 2 เมษายน ในสถานที่ๆขึ้นชื่อว่าอากาศดีอันดับต้นๆของประเทศไทย ที่หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยล้ามากๆ มันคือการเดินทางรวดเดียวจากกทมถึงบ้านคีรีวงซึ่งเป็นจุดไกลสุดที่เราตั้งใจมาแล้วจะเที่ยวย้อนกลับขึ้นกทม พอมาถึงนั่งกันได้สักพักก็ลุกลี้ลุกรนลงไปเล่นน้ำกัน ฮ่าๆๆ คืนนี้กางเต็นท์ฟรีนอนแถวๆริมน้ำด้วย
วันที่ 2 : "ก็อกแก๊กๆ" เสียงพจน์กำลังวุ่นวายกับการจัดโต๊ะทำกาแฟแต่เช้ามืด เช้านี้พวกเราดริปกาแฟกินกันแต่เช้าตรู่พลางมองไปรอบๆกะจะหาชักชวนผู้คน แขกไปใครมามานั่งกินกาแฟด้วยกัน แต่อาจจะเพราะหน้าตาพวกเราคงฉาวโฉดเกินไป ไม่มีใครกล้าเข้ามาเดินวนเวียนใกล้ๆเราด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆ
บ้านคีรีวงยามเช้า+บอลลี่+สหาย+กาแฟดริป = ความสุข
หลังจากนั้นช่วงสายๆ พวกเราเก็บของแล้วออกเดินทางต่อไปยัง อ.ขนอม มีจุดหมายปลายทางคือจะไปเที่ยวที่ถนนเลียบชายหาดขนอม-สิขล อันโด่งดัง แต่ว่าก่อนหน้านั้นก็แวะกินของขึ้นชื่ออย่างเช่นขนมจีนป้าเขียว กับพวกขนมท้องถิ่นในตัวเมืองนครศรีฯด้วย
อร่อยมาก 2 คนกินขนมจีนไป 2 โลกว่า จุกๆเลย ฮ่าๆๆ
ขนมที่เรียกเป็นภาษาใต้ว่า ยาร่วงหัวครก เป็นการเอาน้ำตาลกับมะม่วงหิมมะพานผสมกันแล้ววางบนใบมะม่วงหิมพานตากแห้งอีกที
ขนมปาดัง
โขดหินตรง มูน โรตีแอนด์คาเฟ่
ถนนเลียบชายหาดขนอม-สิชล
ที่พักเย็นนี้ หาดเลย่าแคมปิ้ง ผมหุงข้าวกินกับกับข้าวที่เราเตรียมกันมา
จุกๆเลยคืนนี้
วันที่ 3 : เช้าวันนี้พวกเราตื่นกันสายมาก เพราะว่าเจ้าเพื่อนกอล์ฟตัวแสบที่บ้านมันอยู่แถวนี้ดันมาหาสะดึกเลย ทำให้เม้ากันสะดึกดื่น ดึกสะจนขี้เกียจลากตัวเองเข้าไปนอนในเต็นท์ คือกางเต็นท์เสร็จสับละนะ แต่ว่านอนหน้าเต็นท์ ฮ่าๆๆๆ
นอนยาวจนแดดปลุกเลยเช้านี้
หลังจากตื่นสายกัน จนแดดไล่ เราก็เก็บของเดินทางต่อไปอีก 300 กิโลเมตร(เดินทางทั้งวัน) สู่หาดลับแลอันอยู่ในซอกหลืบที่ผมเคยสำรวจเจอตอนขับมอไซค์ตามถนนเลียบชายหาดเมื่อเกือบสองปีก่อน ลับแลขนาดที่ว่าผมเคยบ่นพึมพรำกับตัวเองว่าหาดสวยขนาดนี้ทำไมไม่ดังวะ และยังสัญญากับตัวเองว่าจะมากางเต็นท์นอนที่นี่ให้ได้สักครั้ง เอ้ออ อีกอย่างหาดนี้แทบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
ระหว่างทาง GPS ก็พาเราเข้าป่าอย่างที่เห็น 555
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจGPS
มาถึงแล้วหาดลับแลที่ว่า เดี๋ยวเฉลยชื่อหาดในวันถัดไป
หาดทรายที่นี่สวยมาก ทรายละเอียดสีขาว บวกกับน้ำทะเลใสกิ๊ง สวยขนาดนั้ไม่ดังได้ยังไง งงมากกกก!!
วันที่ 4 : ก่อนจะเล่าเรื่องราวของเช้านี้ก่อนอื่นต้องเล่าเรื่องของเมื่อคืนก่อน คือว่าฝนตกลงมาหนักมากหนักจนสุดท้ายพวกเราต้องย้ายเข้ามานอนในบาร์ ของร้าน happy bar แล้วก็ตกยันเช้าเลย กว่าฝนจะหยุดแล้วเริ่มต้นทำอะไรได้ก็เกือบสาย
แต่หลังจากที่ฝนหยุดพวกเราแทบไม่รอช้ารีบขึ้นจุดชมวิวประจำหาดนี้ นั้นก้คือจุดชมวิวยอดเข้าทุ่งยาง ประจำหาดทุ่งยาง ซึ่งทางขึ้นนั้นเอาเรื่องมากๆ แต่วิวนั้นโคตรคุ้มมากๆเช่นกัน
วิวที่นี่แบบปังมากอ่า โคตรสวยบอกเลยยย!!
จุดนี้ที่พี่ดำคนพาขึ้นเรียกว่าจุดโรยตัว นับเป็นจุดที่โหดและชันที่สุด ใครที่จะขึ้นติดต่อพี่ดำที่ happy bar ได้ครับ
สภาพหลังลงมา ให้ภาพมันบรรยายความพัง 555 (โคตรเหนื่อยอาจจะเพราะผมอ้วน ถ้าคนแข็งแรงคงสบายๆ)
พังมากวันนี้ ใช้แรงเกือบทั้งหมดของวันไปกับการปีนเขา ฮ่าๆๆ
หลังจากลงจากจุดชมวิวพวกเราก็นั่งพักสักแปป แล้วก็ไปเล่นน้ำทะเลต่อ หาดทรายสวยมากขาวละเอียด แถวน้ำทะเลก็ใสมากๆ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะลงไปเล่นด้วยกันทั้งคู่ หลังจากนั้นก็อาบน้ำเก็บของแล้วเดินทางต่อไปยังจุดพักสุดท้ายของทริปที่ อุทยานแห่งชาติหาดวนกร จ.ประจวบฯ
อาณาจักรของพวกเรา ณ หาดวนกร
มื้อเย็นวันนี้ วันนี้หุงข้าวได้สวยสุดละ ฮ่าๆๆ นอกนั้นคือข้าวแฉะ
วันที่ 5 : ฝนตกอีกแล้วว!! ช่วงเช้ามืดประมาณตี4 ผมต้องลุกลี้ลุนรนออกมาช่วยพจน์ย้ายเต็นท์เข้าที่กำบัง ก่อนจะกลับเข้ามาหลับต่อในเต็นท์ท่ามกลางสายฝน(เต็นท์ผมกันฝนอยู่แต่เต็นท์พจน์ไม่ไหว)
เช้าวันนี้ผมกับต้องพบกับความประหลาดใจเมื่อเปิดหน้าเต็นท์ออกมาในช่วงเช้าแก่ๆ พบว่ามีชายนิรนามท่านนึงมานั่งอยู่กับพจน์กำลังนั่งทำกาแฟพร้อมสนทนากันอย่างสนุกสนาน "มีคนมากินด้วยแล้วโว้ยยย" เสียงผมตะโกนลั่นขึ้นในใจด้วยความดีใจ สืบทราบทีหลังว่าคือพี่น้อยซึ่งเพิ่งเคยออกผจญโลกนอนกางเต็นท์คนเดียวครั้งแรกในชีวิต
แววตาของพจน์นั้นบอกได้ถึงความสุขเมื่อเค้ารับรู้ได้ว่ามีคนเข้าใจในสิ่งที่เค้าใส่ใจลงไปในกาแฟ ความปราณีตและละเอียดอ่อน
ตอนที่นั่งบดกาแฟกันหน้าเต็นท์
สุดท้ายฝนก็ตกมาอีกรอบ ต้องเข้ามานั่งหลบกันต่อ
หลังจากช่วงสายฝนก็ยังไม่หยุดตก พวกเราจำใจต้องเก็บอุปกรณฺและของต่างๆท่ามกลางสายฝนที่จกปรอยๆตลอดเวลา แล้วออกเดินทางต่อไปยังจุดแวะสุดท้ายที่เพชรบุรี ซึ่งมีเหล่าพี่ๆสายกินที่เมื่อผมผ่านที่นี่ครั้งไหน เป็นต้องได้กินของอร่อยร่ำไป ขอบคุณพี่ป่านกับพี่เก่งอีกครั้งที่พาไปกินของอร่อยนะครับ
จุดพักรถเพชรบุรี ไม่ใช่สถานที่แต่คือผู้คนและของกิน แฮร่!!
อร่อยจนต้องคาราวะไป 1 จอก
แล้วหลังจากแวะเพชรบุรีตอนช่วงเย็นๆเป็นที่สุดท้ายหลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับถึง กทม. ในช่วงค่ำๆ อย่างสวัสดิภาพ นับเป็นการจบทริป ที่ทั้งเหนื่อยแล้วก็สนุก ตลอด 6วัน6คืน กว่า1,800กิโลเมตร กับเพื่อนซี้ ที่ผมจะไม่มีวันลืม
หากใครสนใจติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่ เฟสบุ๊คแฟนเพจ : ขับวินเที่ยว หรือที่ลิงค์ https://web.facebook.com/khabwintiaw
หรืออีกช่องทางนึงคือทริปนี้ผมมีคลิปเรื่องราวคร่าวๆระหว่างทริปไว้ให้ชมด้วยนะครับ ตามลิงค์นี้ได้เลย : https://youtu.be/wj78VHNj9r0
โฆษณา