23 พ.ค. 2021 เวลา 00:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ปีที่สามของการลงทุน
เทพขึ้นมากแต่ยังยากจะรวย
มันต้องมีอะไรที่ผิด? ไม่งั้นเราคงทำเงินจากตลาดหุ้นได้แล้ว ผมนั่งทบทวนตัวเองในสวนหลังบ้าน หลังจากลงทุนมาเกือบสามปี
พอร์ตผมโตขึ้นจากวันแรก 30,000 บาท และมาวันนี้ 300,000 บาทแล้ว หากมองขนาดพอร์ตที่โตขึ้นคงเอาไปเขียนบทความในชื่อ "พอร์ตโตสิบเท่าในสามปี" ให้เพื่อนๆได้อ่านกันแล้ว แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นแม่แต่น้อย
จากความเชื่อมั่นในแนวทาง VI ผมเติมเงินที่ได้มาจากการทำงานทุกเดือนลงไปในพอร์ตเกือบทั้งหมดด้วยความหวังที่จะให้เงินนั่นงอกเงยและย้อนกลับมาสร้างดอกผลเลี้ยงตัวเองในวันเกษียน
พอร์ตที่โตขึ้นเป็นสิบเท่า มาจากเงินที่ผมเติมลงไปเป็นส่วนใหญ่ ผลตอบแทนที่เพิ่มจากการลงทุนจริงๆได้มาเฉลี่ยปีละ3%เท่านั้นเอง นี่เป็นเหตุผลที่วันนี้ต้องเดินเข้าสวนมานั่งใต้ต้นไม้เพื่อทบทวนตัวเอง เผื่อว่าออกซิเจนจากสวนจะช่วยให้สมองผมได้แนวคิดดีๆ
ผมนั่งคิดแบบเลื่อนลอยไป นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาปนความท้อแท้เล็กๆ เพราะเป้าหมายที่ผมตั้งไว้มันยังดูห่างไกลเหลือเกิน
ผมไม่เคยซื้อหุ้นปั่น ศึกษางบการเงินและธุรกิจของบริษัทที่จะซื้อเป็นอย่างดี หลายๆตัวที่ผมเคยซื้อราคาขยับขึ้นไป 2-3 เท่าตัว แต่วันนี้หุ้นตัวนั้นไม่ได้อยู่ในพอร์ตของผมแล้ว มันน่าเสียดายและน่าเจ็บใจเป็นที่สุด แต่มันก็ทำให้ผมเริ่มมองเห็นจุดเด่นของตนเองและสะท้อนภาพปัญหาบางอย่างในการลงทุนของผมขึ้นมา
1
ผมเปิดเข้าไปใน streaming และย้อนดูหน้าสรุปรายการซื้อขายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา (ซึ่งเป็นหน้าที่ผมไม่เคยสนใจดูเลยตลอดสามปีที่ผ่านมา) พอร์ตผมมีหุ้นทั้งหมดที่เคยซื้อขายมานับได้ไม่ต่ำกว่า 40 ตัว มูลค่าการซื้อขายรวม 5.2 ล้านบาท ระยะเวลาถือหุ้นเฉลี่ยที่ได้กำไรเฉลี่ย 62วัน ส่วนหุ้นที่ขาดทุนเฉลี่ย 88 วัน กำไรเฉลี่ยตอนขายอยู่ที่ 7% ส่วนตอนขายขาดทุนอยู่ที่ 9%
ตัวเลขทางสถิติเริ่มบอกตัวตนของผมในมุมของนักลงทุนที่อ่อนหัด มันบอกผมว่าผมอดทนที่จะเห็นหุ้น มีกำไรได้แค่ 62 วันแต่กลับทนเห็นหุ้นขาดทุนได้ตั้ง 88 วัน ผมทนเห็นหุ้นมีราคาขึ้นได้แค่ 7% แต่ทนเห็นหุ้นราคาลดต่ำลงได้ถึง 9%
แม้ว่าการควบคุมอารมณ์ในการซื้อขายของผมจะดีขึ้นมากนับจากปีแรก แต่ข้อมูลสถิติยังสะท้อนตัวตนของผมว่าเป็นนักลงทุนแบบไหน โอกาสที่ผมจะเป็นแมงเม่าในกองไฟยังมีอยู่อีกมากโข
คำว่า VI ยังห่างไกลจากตัวผมเสียเหลือเกิน ผมเลือกหุ้นแบบ VI แต่ยังคงซื้อขายแบบนักเทรดสมัครเล่นผมคงต้องฝึกฝนตัวเองให้มากขึ้น นั่นคือการบ้านข้อยากสำหรับผม
หากผมยังมีอารมณ์แบบนักเทรดอยู่ สิ่งที่ผมคงต้องปรับปรุงตนเอง และฝืนกับอารมณ์ตนเองให้มากขึ้นอีก หากวันใดที่ตัวเลขสถิติเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม คือรอบการซื้อขายเปลี่ยนตัวหุ้นลดน้อยลง ถือหุ้นที่มีกำไรได้นานกว่าหุ้นที่ขาดทุน และอดทนเพื่อให้เห็นหุ้นมีกำไร%สูงๆก่อนจะขาย (เอาแบบ100%ไปเลย) ส่วนหุ้นที่ขาดทุนถ้าจะขายก็ไม่ควรรอให้%ขาดทุนสูงๆ(เอาแค่ 10%ก็พอ) ซึ่งหากทำได้ผลลัพท์ของการลงทุนน่าจะเปลี่ยนไป
"เหตุที่เปลี่ยนไปจะต้องทำให้ผลลัพท์ต่างออกไปอย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าก็สอนไว้แล้ว" ผมพูดกับตัวเอง
จากนั้นผมเดินออกจากสวน กลับเข้าบ้าน พร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขตัวเองใหม่
"ถึงผมจะเป็นนักลงทุนแบบ VI ยังไม่ได้ แต่จะไม่ขอเป็นนักลงทุนที่อ่อนหัดอีกต่อไป " ผมยังต้องค้นหารูปแบบที่เหมาะกับผมให้เจอ ไม่สิ..ผมจะต้องฝึกฝนการลงทุนให้มีรูปแบบที่ถูกต้องและทำกำไรอย่างเป็นกอบเป็นกำให้ได้ในปีต่อไปหลังจากนี้
เพราะผมยังเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่า"ตลาดหุ้นที่เป็นเหมือนกองไฟจะยังเต็มไปด้วยโอกาสให้คนที่ยังคงมุ่งมั่นอยู่เสมอ.."
1
แล้วเจอกันวันสำเร็จนะครับเพื่อนๆ
โฆษณา