ยาโก อัสปาส "พ่อมดแห่งโมอาญา"
แฟนบอลหลายคนอาจจะจดจำอัสปาสได้ในสีเสื้อของลิเวอร์พูล พร้อมกับฟอร์มสุดฝืด แต่ที่เซลต้า บีโก้ ดาวเตะหมายเลข 10 คนนี้คือว่าที่ตำนานสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย
ยาโก อัสปาสเกิดวันที่ 1 สิงหาคม 1987 ที่เมืองโมอาญา เมืองเล็กๆทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นกาลิเซียในประเทศสเปน
เขาเข้าสู่อคาเดมีของเซลต้า บีโก้ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ทำให้มีโอกาสฝึกฝนและพัฒนาตัวเอง ก่อนจะถูกส่งไปเก็บประสบการณ์กับ ราปิโด เด บูซาส ทีมในเมืองบีโก้เมื่ออายุ 17 ปี
เมื่ออายุ 19 ปี อัสปาสได้ขึ้นไปเล่นให้กับเซลต้า บีโก้ บี และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ตลอด 3 ฤดูกาล เขายิงไป 11 ประตูจากการลงเล่น 84 เกม
อัสปาสประเดิมเกมแรกให้กับทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2007/08 และยิงประตูแรกได้ในการลงเล่นเกมที่ 2 ในวันที่ 6 มิถุนายน 2009 ในวันนั้นดาวเตะชาวสเปนลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 59 ก่อนจะยิง 2 ประตูพาทีมเปิดบ้านอัดอลาเบส 2-1 จนกลายเป็นที่รักของแฟนๆ
ในวัย 22 ปี อัสปาสถูกดึงขึ้นชุดใหญ่ในฤดูกาล 2009/10 และกลายเป็นนักเตะคนสำคัญในทันที อัสปาสยิง 6 ประตูจากการลงเล่น 43 นัดรวมทุกรายการ
ส่วนปีที่เจ้าตัวแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวคือฤดูกาล 2011/12 ดาวรุ่งชาวสเปนยิงในลีกไปถึง 23 ประตู จนคว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวมาครอง และช่วยให้เซลต้าคว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ
ในฤดูกาลต่อมา อัสปาสซัดไป 12 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดรอดตกชั้นหลังจากต้องลุ้นจนถึงนัดสุดท้าย
ฟอร์มของเขาได้ไปเข้าตา เบรนดัน ร็อดเจอร์ส กุนซือของลิเวอร์พูลในเวลานั้น และได้เซ็นสัญญาย้ายมาอยู่กับหงส์แดงด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์เมื่อเดือนมิถุนายน 2013
ก่อนย้ายทีม เซลต้าได้จัดงานขอบคุณอัสปาสที่ทุ่มเทให้กับทีมมาตลอด แสดงถึงความสำคัญของเขาที่มีต่อทีม โดยตลอด 4 ปีกับทีมชุดใหญ่ เขายิงไป 50 ประตูจาก 153 เกม
อัสปาสประเดิมเกมแรกในพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ในเกมกับสโต๊ค ซิตี ก่อนที่จะแอสซิสต์ ช่วยให้หงส์แดงเปิดแอนฟิลด์ชนะ 1-0 และยิงประตูแรกในเกมกับโอลส์แฮม ซิตี้ในถ้วย FA Cup และช่วยให้ลิเวอร์พูลชนะ 2-0
แต่ปัญหาในการสื่อสารภาษาอังกฤษและการปรับตัวบนเวทีพรีเมียร์ลีกทำให้ฟอร์มของอัสปาสไม่สวยงามนัก เจ้าตัวยิงได้เพียง 1 ประตูจาก 15 นัดในทุกรายการ
ในฤดูกาล 2014/15 ลิเวอร์พูลปล่อยยืมให้กับเซบีย่า 3 ปี พ่วงด้วยสัญญาซื้อขาด ในเวทีลาลีกา อัสปาสกลับมาทำผลงานได้อย่างสวยงามคือยิง 9 ประตูจากการลงเล่น 21 นัด
ในเกม Copa del rey กับซาบาเดล อัสปาสยิงแฮตทริกได้ทั้งไปทั้งกลับ โดยเฉพาะในเกมที่ 2 เจ้าตัวโชว์โหดยิง 3 ประตูใน 4 นาที ก่อนจะคว้ารางวัลดาวซัลโวร่วมกับเนย์มาร์
ฤดูกาลต่อมาเซบีย่าตัดสินใจซื้อขาดก่อนจะขายต่อให้กับต้นสังกัดเก่าอย่างเซลต้า บีโก้ในราคา 5 ล้านยูโร เจ้าตัวตอบแทนต้นสังกัดทันทีด้วยการกด 2 ประตูช่วยให้ทีมเปิดบ้านอัดบาร์เซโลน่า 4-1 ก่อนจะยิงไปทั้งหมด 18 ประตูจาก 40 นัดรวมทุกรายการ
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรหยุดเขาได้ ตั้งแต่ปี 2015-2020 อัสปาสยิงไปถึง 95 ประตูจาก 173 เกม โดยเขาเป็นนักเตะคนที่ 4 ที่ยิงครบ 100 ประตูเร็วที่สุดตั้งแต่สงครามกลางเมืองสิ้นสุด จากการลงเล่น 209 เกม
และปัจจุบัน อัสปาสเป็นนักเตะที่ยิงประตูในลีกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเซลต้า บีโก้ โดยยิง 149 ประตูจาก 378 เกม เขายังเป็นนักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสรอีกด้วย
อัสปาสเป็นนักเตะที่จบสกอร์เฉียบคม ส่งบอลชาญฉลาด มีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม และครองบอลได้ดี
แต่นอกจากฟอร์มในสนาม สิ่งที่ทำให้อัสปาสกลายเป็นสัญลักษ์ของสโมสรคือ ความกล้าหาญ ความใจสู้ และ อารมณ์ร่วมกับเกม
1 ในเกมที่แฟนบอลเซลต้าลืมไม่ลงคือเกมกับบียาร์เรอัลในปี 2019 ก่อนหน้านั้นอัสปาสเจ็บยาว 2 เดือน เมื่อขาดนักเตะคนสำคัญ เซลต้าก็ฟอร์มหลุดโดยเก็บได้เพียงแต้มเดียวจาก 5 นัด ทำให้ร่วงมาอยู่อันดับ 18
ก่อนเริ่มเกม "โอส เซเลสเตส" ตามหลังบียาร์เรอัล ทีมอันดับ 17 ถึง 4 แต้ม ในครึ่งแรกบียาร์เรอัลขึ้นนำก่อน 2-0 แต่เมื่อ "พ่อมดแห่งโมอาญา" ลงสู่สนามในครึ่งหลัง อัสปาสซัด 2 ประตูช่วยให้เซลต้าพลิกชนะ 3-2 ได้อย่างปาฏิหารย์
เมื่ออัสปาสถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 90 เสียงปรบมือของบรรดาแฟนๆชาวเซลต์ดังลั่นสนาม และเมื่อเดินมาถึงที่ม้านั่งสำรอง ศูนย์หน้าชาวสเปนวัย 31 ปีถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ผู้คนจำนวนมากต่างพากันชื่นชมภาพที่พวกเขาได้เห็นจากเจ้าของเสื้อเบอร์ 10 ผู้นี้ เพราะนี่คือจิตวิญญาณในโลกฟุตบอลที่เราพบเห็นได้ยากในยุคนี้
หลังจากนั้นอัสปาสยิง 8 ประตูจาก 8 นัด และแพ้แค่เกมเดียว ก่อนจะช่วยให้เซลต้ารอดพ้นจากการตกชั้นได้ในที่สุด
จากความทุ่มเทที่อัสปาสมอบให้เซลต้า บีโก้ตลอดมา ไม่แปลกที่แฟนบอลจะรักและยกย่องให้เป็นตำนานของสโมสร
และนี่คือเรื่องราวของ ยาโก้ อัสปาส พ่อมดแห่งโมอาญา
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
