15 พ.ค. 2021 เวลา 11:41 • ปรัชญา
หากคุณก็เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลองอ่านกฎการใช้ชีวิต 10 ข้อ ของ Tim Ferriss ผู้ประสบความสำเร็จได้ด้วยการใช้ชีวิตในแนวทางอันสุดขบถของตัวเอง
เมื่อคุณอ่านโพสต์นี้จบ ผมเชื่อว่าคุณจะ Blow Mind ทึ่งไปกับความตรงไปตรงมาของเจ้าของแนวคิด และกลับมาตั้งคำถามในชีวิตตัวเองว่า “ที่ผ่านมา เราทำอะไรอยู่”
1
กฎทั้ง 10 ข้อ ผมกร่อนมาจากหนังสือ The 4-Hour Workweek
สวัสดีทุกคนครับ พบกันอีกครั้งแล้ว สุขสันต์วันผ่ากลางประจำเดือนอย่างวันที่ 15 นี้ เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมครับ?
ล่าสุดผมหยิบหนังสือ The 4-Hour Workweek ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง มันเป็นหนังสือค่อนข้างหนา ถ้าหากใครอยากอ่านอะไรที่จะช่วยเปิดมุมมองทางความคิดในรูปแบบใหม่ ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้เลย อย่างผมก็ใช้เวลาช่วงเช้าและก่อนนอนของทุุกวัน อ่านทีละนิดๆ ๆ
ตอนนี้ผมอ่านมาถึงหัวข้อ กฎ 10 ข้อ ที่ Tim Ferriss ยึดถือ ตัวเขาอธิบายกฎเหล่านี้ว่า มันจะเป็นกฎที่ทำให้คุณแตกต่างไปจากคนอื่น เพราะหากคุณทำอะไรที่เหมือนกับคนทั่วไป ผลลัพธ์ทั่ว ๆ ไปก็จะเกิดกับคุณ
แต่หากคุณทำอะไรที่แตกต่างจากคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำตามกฎ 10 ข้อของ Tim Ferriss คุณก็มีแนวโน้มที่จะทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และสนุกสนานกว่าที่เคย
“การทำอะไรแบบเดิม ๆ ก็เท่ากับกำลังทำเรื่องโง่ ๆ อยู่นั่นแหละ” -Tim Ferriss said
คงจะอยากรู้แล้วล่ะสิ ว่าไอ้เจ้ากฎที่ว่ามันจะขนาดไหนกันเชียว เขาถึงได้เคลมนักเคลมหนาว่าดีเลิศประเสริฐศรี มนีส่องแสง
ถ้าอยากรู้แล้ว ตามผมมาได้เลยครับ เริ่มกันที่...
1. วางแผนเกษียณอายุไปก็ไร้ค่า
การวางแผนเกษียณอายุก็เหมือนการทำประกันชีวิต ด้วยเหตุผลคือทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจก็เท่านั้น นั่นคือ เมื่อคุณเกิดพิการจนทำงานอะไรไม่ได้ขึ้นมา เจ้าเงินบำนาญก็จะมาช่วยให้คุณมีเงินใช้
หากแต่ แนวคิดในการที่เราต้องมาชดเชยด้วยชีวิตเช่นนี้ ไม่เข้าท่าเลย ด้วยเหตุผลดังนั้น
● มันชี้ว่า คุณไม่ได้ชอบชีวิตในตอนนี้ ต้องจำยอมทำงานเพื่อที่จะได้มีความสุขหลังวันเกษียณ
● แม้คนเกษียณ ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตดังที่ปรารถนา เพราะต้องเบียดเสียดเงินบำนาญที่ได้เพื่อใช้ให้ตลอดรอดฝั่ง เพราะไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ ถ้าเงินหมดก่อนที่จะตาย คุณจะทำยังไง?
● ถ้าคุณมีเงินมากจากการวางแผนเกษียณ นั่นเท่ากับว่าคุณต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้มาซึ่งสิ่งนั้น ต้องทำงานถวายชีวิต ชนิดขายวิญญาณให้ซาตาน หากคุณทำเช่นนั้น ก็ไม่พ้นสุขภาพทรุดโทรมหนัก และพอหลังเกษียณ คุณจะอดทนกับชีวิตสุดว่างเปล่าไหวเหรอ?
Tim Ferriss บอกว่า การวางแผนเกษียณไม่ใช่เรื่องผิดอะไร มีก็ดี แต่ไม่ควรตั้งเป็นเป้าหมายในชีวิต เพราะชีวิตของคุณจะไร้ค่ามากด้วยเหตุผลดังที่กล่าวไปข้างต้น
2. ตระหนักว่า ร่ายกายของคุณทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ทุกวัน
การตระหนักเช่นนี้ จะทำให้คุณเริ่มหันมามองดูชีวิตตัวเอง หากคุณเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป นั่นคือคุณทำงาน 9 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น (ของไทยคือ 6 โมงเย็น)
แน่นอนว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ คุณจะหมดแรง หรือจนกว่าคุณมีเงินมากพอที่จะเลิกทำงานอย่างถาวร แล้วชีวิตคุณล่ะ?
ชีวิตควรมีมากกว่าแค่ทำงานอย่างเดียวหรือเปล่า
กิจกรรมอื่น ๆ อย่างการทำงานอดิเรก พักผ่อน ไปเที่ยวผจญภัย ทานอาหารอร่อย ๆ จิบไวน์ชั้นเลิศ และอื่น ๆ ที่เป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบ
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนต้องการ “ร่างกาย” ที่เปี่ยมด้วยกำลังวังชา เพื่อให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์อันแนบแน่น
หากคุณคิดได้แล้ว “การเกษียณขนาดย่อม” คือทางออกของคุณ คุณควรได้มีชีวิตที่สนุกสนานไปตลอดชั่วอายุ แทนที่จะรวบยอดเอาการพักผ่อนและความผ่อนคลายในชีวิตไปกองไว้ในช่วงวัยเกษียณ วัยที่สมรรถภาพโดยรวมย่อหย่อนไปหมดแล้ว ไม่มีทางสัมผัสความสุขได้มากเท่ากับการที่คุณทำตั้งแต่ช่วงเยาววัย
ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้น คุณลองมองหากิจกรรมที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำซักทีดูสิครับ
3. ทำน้อยแต่ได้มาก
ทำน้อยไม่ได้แปลว่าขี้เกียจ
ทำน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มากคือคนฉลาด
ส่วนคนขี้เกียจจริง ๆ คือคนที่ทนใช้ชีวิตที่ไม่พึงปรารถนา ปล่อยให้สถานการณ์หรือคนอื่น ๆ มาตัดสินให้ตัวคุณ ว่าคุณควรจะมีชีวิตแบบไหน
การทำงานออฟฟิศ 8 ชั่วโมง แต่ได้งานน้อยกว่าคนทำที่บ้าน 1 ชั่วโมง ถ้ามองผิวเผิน คนขยันคือคนแบบแรก แต่ความจริงแล้วเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
คนขยัน คือคนที่มองหาวิธีทำงานที่ให้ผลลัพธ์มากที่สุด ไม่ใช่สักแต่ทำไปวัน ๆ อย่างไร้จุดหมาย หากคุณก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่เป็นแบบนี้ เลิกเถอะครับ เพื่อชีวิตของคุณเอง
ผม (ก้าง) เชื่ออย่างหมดใจว่า การเลือกทำแต่สิ่งสำคัญ และเลิกทำสิ่งไม่สำคัญ เป็นเคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบไม่ต้องสืบ
1
4. เริ่มทำตั้งแต่ตอนที่ไม่พร้อม
เวลาเหมาะ ๆ มันไม่เคยมีหรอก มีแต่ว่าทำ ๆ ไป ค่อย ๆ ปรับปรุงไปเรื่อย ๆ แล้วความสำเร็จจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาคุณเอง
คุณทิมเคยถามผู้ให้กำเนิดว่า “ช่วงก่อนผมจะเกิด แม่รู้ได้ยังไงว่าตัวเองพร้อมจะมีลูก?” แม่ของทิมตอบมาอย่างสบายอารมณ์ว่า “มีอะไรแบบนั้นที่ไหนล่ะ แม่อยากจะมีก็มี ตอนนั้นตัดสินใจว่า จะผลัดไปอีกทำไม ในเมื่อยังไงก็ไม่มีเวลาที่เหมาะที่จะมีลูกอยู่แล้ว”
ผลลัพธ์ก็คงรู้ ๆ กันว่ามีคนอื่น Tim Ferriss ขึ้นมาบนโลกแล้ว
เป็นเรื่องบ้าบอคอแตกที่จะถามหาเวลาเหมาะ ๆ ที่จะลาออกจากงาน หากคุณคิดได้แล้วว่าคุณต้องการอะไรแล้วละก็ ตัดสินใจด้วยด้วยเองซักตั้งเลยสิครับ
5. จะทำอะไรทำเลย
หลายคนกลัวผิดพลาด เลยมักปรึกษา หรือขออนุญาตคนใกล้ตัวอยู่เสมอ แต่กฎข้อนี้ปฏิเสธแนวทางนั้น คุณไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น ทำไปเลย ถ้าทำแล้วดีก็ค่อยบอก หรือถ้าล้มเหลวก็แค่ขอโทษ มันจะมีปัญหาอะไรกันนักหนาเชียว
จงอย่าลืมว่า ชีวิตคุณ คุณเป็นคนกำหนด อย่าปล่อยให้ใครมาบังคับบังเหียญในชีวิตคุณ เพราะหน้าที่นี้ต้องให้คุณทำเท่านั้น
6. ชูจุดเด่น อย่าเน้นแก้ไขจุดอ่อน
นี่เป็นเรื่องผิดพลาดอันดับต้น ๆ ของสังคมเลย การที่คนส่วนมากเน้นลบจุดอ่อนของตัวเอง เพียงเพื่อต้องการให้สังคมยอมรับ ท้ายที่สุดคุณก็ทำสิ่งนั้นได้แค่ปานกลาง หรือถ้าดีก็คงต้องใช้พละกำลังในการเคี่ยวเข็ญตัวเองเป็นอย่างมาก
1
จะดีกว่าไหม ถ้าคุณจะทุ่มทรัพยากรไปกับจุดเด่น จุดที่คุณทำได้ดีกว่าใคร ๆ เพราะนั่นนอกจากจะทำให้คุณมีความสุขที่ได้ทำแล้ว ความสามารถด้านนั้น ๆ ของคุณจะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนยากที่จะมีใครต่อกรได้
1
7. อะไรที่มากไป ย่อมไม่ดีทั้งนั้น
นักสันติภาพกลายเป็นคนกระหายสงคราม
นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพกลายเป็นทรราช
พรกลายเป็นคำสาป
ความช่วยเหลือกลายเป็นตัวถ่วง
มากกลายเป็นน้อย
ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พอมันมีมาก สุดท้ายผลร้ายย่อมเกิดกับตัวคุณ เป็นสัจธรรมที่ไม่มีข้อกังขาใด ๆ
8. เงินอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ
กิจกรรมที่เรารู้สึกว่าไม่โอเค แต่ถ้าได้เงินมาก คุณจะทำไหมครับ?
กฎข้อนี้บอกว่าไม่ต้อง คุณไม่ควรทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบ หรือไม่ถนัด เพียงเพื่อจะให้ได้มาซึ่งเงินตรา
อย่าหลอกลวงตัวเองว่าเงินสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง หากคุณบอกว่าคุณทำงานเพียงเพื่อให้ได้เงิน แต่ไม่สนว่างานนั้นเป็นงานอะไร นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังติดอยู่ในบ่วงของการทำงานนหาเงินแล้ว
หากเป็นเช่นนั้น คุณจะมองไม่เห็นเลย ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นไร้จุดหมายแค่ไหน
9. เงิน + เวลา
รายได้ 100,000 บาทต่อเดือน แต่ต้องทำงาน 8 ชั่วโมงทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
รายได้ 30,000 บาทต่อเดือน แต่ทำงานแค่สัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง
คุณว่าคนไหนรวยกว่ากันครับ?
ถ้าว่ากันตามนิยามทั่วไป ก็คงจะเป็นแบบแรก
แต่เศรษฐีแนวใหม่ ผู้มองหาอิสรภาพ คงเลือกแบบที่ 2
มีเงินแต่ไม่มีเวลา จะไปมีค่าอะไร สู้หางานที่ทำให้คุณมีเวลาใช้เงินด้วย แบบนั้นไม่ทำให้ชีวิตมีสีสันมากกว่าหรือ?
10. กดดันได้ แต่อย่ากังวล
ความกดดันเป็นสิ่งที่ดี มักกระตุ้นให้คุณได้ทำงานจนสำเร็จลุล่วง
แตกต่างจากความกังวล นอกจากจะผลาญพลังชีวิตแล้ว มันยังไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย
ทั้ง 2 อย่างคล้ายคลึงกันมาก เรียกรวม ๆ ว่าเป็น "ความเครียด"
ซึ่งความกดดันคือความเครียดที่ดี ส่วนความกังวลเป็นความเครียดที่ร้าย
ความเครียดที่ดี จะทำให้คุณทำสิ่งดี ๆ สู่ความสำเร็จ เช่น ออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน อ่านหนังสือเพื่อจะสอบได้คะแนนดี
ส่วนความเครียดที่ร้าย จะกระตุ้นให้คุณอ่อนแอ หมดความมั่นใจ และไร้ความสามารถ เช่น คำวิจารณ์แง่ลบ เจ้านายใจโหด เป็นต้น
จงพยายามสร้างความเครียดที่ดี และพยายามลดความเครียดที่ร้าย เพื่อชีวิตที่รุ่มรวยไปด้วยความสุข
สรุปกฎ 10 ข้อ ของ Tim Ferriss
1. วางแผนเกษียณอายุไปก็ไร้ค่า
2. ตระหนักว่า ร่ายกายของคุณทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ทุกวัน
3. ทำน้อยแต่ได้มาก
4. เริ่มทำตั้งแต่ตอนที่ไม่พร้อม
5. จะทำอะไรทำเลย
6. ชูจุดเด่น อย่าเน้นแก้ไขจุดอ่อน
7. อะไรที่มากไป ย่อมไม่ดีทั้งนั้น
8. เงินอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ
9. เงิน + เวลา
10. กดดันได้ แต่อย่ากังวล
โดยสรุป Tim Ferriss บอกกับผู้อ่านว่า อย่าพยายามเป็นเหมือนคนทั่วไป แต่ให้ทำตามกฎทั้ง 10 ข้อของเขา แล้วชีวิตคุณจะเป็นชีวิตที่น่าอิจฉา เหมือนดังที่ตัวเขาเองก็มีชีวิตที่ดีจนคนอิจฉากันถ้วนหน้า
--
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับกฎชีวิต 10 ข้อ ของ Tim Ferriss ถูกใจหรือไม่เห็นด้วยกับข้อไหน ลองคอมเมนต์บอกกันได้นะครับ
หากคุณอ่านแล้วรู้สึกสนใจ ลองหาซื้ออ่านตามร้านหนังสือชั้นนำ หรือสะดวกทางออนไลน์ก็ได้เช่นกัน เดี๋ยวผมทิ้งลิงก์ไว้ให้
สนับสนุนผม เพื่อให้มีกำลังใจทำผลงานต่อไปได้ที่
ผมจะลงบทความทุกวันที่เลข 3 หารลงตัว ฝากติดตามกันนะครับ 😁
1
โฆษณา