15 พ.ค. 2021 เวลา 13:25 • ข่าว
#ญี่ปุ่นระส่ำ
#ยอดคนมาฉีดวัคซีนต่ำกว่าเป้าจนใจหาย
#รัฐบาลช้าvsคนญี่ปุ่นกลัววัคซีน
2
รัฐบาลญี่ปุ่นหันรีหันขวางเสียแล้ว เมื่อพบตัวเลขของผู้ที่มาลงทะเบียนฉีดวัคซีนน้อยจนน่าใจหาย มีชาวญี่ปุ่นได้รับวัคซีนไปแล้วไม่ถึง 3% ของประชากร น้อยที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วระดับแถวหน้าของโลก แม้จะได้รับวัคซีนล็อตแรกก่อนใคร แถมเจอการระบาดรอบใหม่ จนยอดผู้เสียชีวิตด้วย Covid-19 ในญี่ปุ่นพุ่งทะลุ 11,000 คน
2
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศในเอเชีย ที่ประสบปัญหากับการแพร่ระบาดของ Covid-19 มากที่สุดประเทศหนึ่งในย่านเอเชียตะวันออก ล่าสุดพบการระบาดระลอกใหม่ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 7,000 คน และที่หนักกว่านั้นคือ ญี่ปุ่นมีโจทย์ใหญ่ คือการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคในช่วงเดือนกรกฎาคมปีนี้ ที่ต้องเลื่อนจากปี 2020 เพราะปัญหาการระบาด Covid-19 ทั่วโลก แต่จนถึงวันนี้สถานการณ์ในญี่ปุ่นกลับดูจะหนักกว่าเดิม แม้ว่าจะเริ่มมีวัคซีนทั้ง Pfizer และ Moderna เข้ามาในประเทศแล้วก็ตาม
7
แต่เริ่มเดิมที รัฐบาลญี่ปุ่นเคยตั้งเป้าหมายว่า จะต้องฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง คือชาวญี่ปุ่นที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปให้ครบภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ และญี่ปุ่นจะได้วัคซีนถึง 100 ล้านโดสภายในเดือนมิถุนายน และได้จองไว้แล้วถึง 360 ล้านโดส กำหนดส่งภายในสิ้นปี ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าวัคซีนจะขาด สามารถฉีดให้ชาวญี่ปุ่นได้ครบทุกคนแน่นอน
1
แต่ว่า ตั้งแต่ญี่ปุ่นเริ่มโปรแกรมฉีดวัคซีนช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนนี้ พฤษภาคม มีประชากรฉีดวัคซีนเข็มแรกไปเพียง 2.6 % และหากเจาะดูข้อมูลเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการให้ฉีดก่อน ก็พบว่า มาฉีดเข็มแรกไปเพียง 3.3 แสนคน จากประชากรสูงวัยในประเทศที่มีอยู่ถึง 37 ล้านคน
1
แต่เมื่อเทียบเปอร์เซ็นต์ต่อประชากร กับประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่ม G7 ด้วยกันที่เริ่มฉีดวัคซีนไปแล้ว อย่างอังกฤษที่ฉีดไปแล้ว 40% เยอรมัน 15% ฝรั่งเศส 15% หรือถ้าจะเทียบกับเกาหลีใต้ ที่เริ่มฉีดวัคซีนช้าพอๆกับญี่ปุ่น ก็ฉีดไปแล้วเกิน 5% ของประชากร จึงก็นับว่าญี่ปุ่นฉีดวัคซีนได้ช้ามาก
2
ซึ่งหากรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงทั้งประเทศให้ครบโดส ก่อนงานโอลิมปิคฤดูร้อนปีนี้ ก็ต้องฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านคนต่อวัน!!
4
อะไรเป็นสาเหตุทำให้โครงการวัคซีนของญี่ปุ่นหลุดเป้าได้ถึงขนาดนี้แม้จะมีวัคซีนอยู่ในมือแล้วก็ตาม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย ทาโร่ โคโนะ รัฐมนตรีญี่ปุ่นผู้รับผิดชอบโครงการฉีดวัคซีนออกมายอมรับเองว่า ที่การฉีดวัคซีนในญี่ปุ่นทำได้ช้า ส่วนหนึ่งเกิดจากความล่าช้าของการอนุมัติใช้วัคซีนของหน่วยงานรัฐบาลเอง
โดยยกตัวอย่างวัคซีน Pfizer หลังจากที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้เริ่มอนุมัติการใช้วัคซีน Pfizer ในกรณีฉุกเฉินได้ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งหลายชาติที่ได้รับวัคซีน Pfizer ก็อนุมัติให้ใช้ฉุกเฉินได้เลยทันทีตามสหรัฐอเมริกา
แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ต้องขอข้อมูลเพิ่มเติม ขอทดลองในกลุ่มย่อยให้เห็นผลก่อน ที่ใช้เวลานานถึง 2 เดือนกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะสามารถอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินได้
นั่นก็ถือว่าเป็นการลัดขั้นตอนสุดๆแล้วตามระเบียบมาตรฐาน อย. ญี่ปุ่น เพราะเคสปกติอาจต้องใช้ระยะเวลานานถึง 1 ปี
1
ซึ่งวัคซีน Moderna ก็เจอปัญหาอย่างเดียวกันและเพิ่งได้รับอนุมัติจากรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ส่วนวัคซีน AstraZenca ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอยู่เลย
3
และด้วยระเบียบขั้นตอนที่ยุ่งยาก ซับซ้อน แม้จะปรับให้เร็วแล้วก็ตาม เลยทำให้การเริ่มฉีดวัคซีนของญี่ปุ่นช้ามาก มากกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ได้วัคซีนก่อนใคร แล้วรีบดำเนินการฉีดทันทีที่ได้รับวัคซีน
แต่เหตุผลเรื่องความล่าช้าของระบบราชการอาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้คนญี่ปุ่นฉีดวัคซีนกันได้น้อย
1
เรื่องปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การฉีดวัคซีนล่าช้า เพราะหากดูเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 1 ใน 3 ของประชากรก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคม หรือราวๆ 40 ล้านคนนั้น ต้องเกณฑ์แรงงาน บุคลากรการแพทย์ อาสาสมัคร เป็นจำนวนมาก เพื่อมาทุ่มให้กับโครงการวัคซีนแห่งชาติ
3
แต่มาวันนี้ ญี่ปุ่นกำลังเจอปัญหาการระบาดระลอกใหม่ ทำให้ผู้ติดเชื้อรายวันพุ่ง และตอนนี้มียอดผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่ทั่วประเทศเกือบ 1 แสนคน ก็ทำให้บุคลากรการแพทย์ไม่เพียงพอ แถมญี่ปุ่นยังเจอปัญหาสังคมผู้สูงวัย คนหนุ่มสาววัยทำงานมีจำนวนจำกัด การดำเนินงานจึงช้าอย่างที่เห็น
4
และอีกสาเหตุสำคัญคือ คนญี่ปุ่นกลัววัคซีน!
3
สังคมญี่ปุ่นค่อนข้างอ่อนไหวเรื่องมาตรฐาน และความปลอดภัยสูงกว่าชาติอื่นๆ กลัวความเสี่ยง เลี่ยงความสูญเสีย นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นเคยมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับโครงการฉีดวัคซีนของรัฐบาลญี่ปุ่นมาก่อน ที่อาจสามารถอธิบายเหตุผลได้เกือบทั้งหมดว่า ทำไมการฉีดวัคซีนในญี่ปุ่นถึงได้ช้ามากถึงขนาดนี้
4
ในช่วงราวๆปี 1990 ญี่ปุ่นเคยมีโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนทั่วประเทศทั้งวัคซีนโรคหัด คางทูม ที่เป็นเหมือนโครงการสาธารณสุขภาคบังคับให้ประชาชนมาฉีด แต่ปรากฏว่าพบอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีน แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนที่ฉีดให้หรือไม่ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ยกเลิกโครงการฉีดวัคซีนนั้นไป
5
และต่อมาในปี 1992 ศาลญี่ปุ่นได้กำหนดว่ารัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่ออาการแพ้ และผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนของรัฐบาล
4
จากคำสั่งศาลครั้งนั้น ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องแก้กฏหมายยกเลิกการฉีดวัคซีนภาคบังคับไป นั่นหมายความว่า การฉีดวัคซีนในญี่ปุ่น เป็นความสมัครใจของผู้ฉีดเอง ดังนั้นจึงต้องยอมรับความเสี่ยงเอง โดยรัฐบาลไม่เกี่ยวข้อง เลยทำให้ความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนของคนญี่ปุ่นลดลงอย่างมาก แม้จะมีการยืนยันว่าผลข้างเคียงน้อยมากแค่ไหนก็ตาม
2
ทุกวันนี้ ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในชาติที่มีผลความเชื่อมั่นในวัคซีน Covid-19 น้อยที่สุดในโลก จากการสำรวจพบว่ามีชาวญี่ปุ่นเพียง 30% ที่เชื่อมั่น และพร้อมจะไปฉีดวัคซีน แม้จะเป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องความเชื่อมั่นแต่อย่างใด
2
มิหนำซ้ำ ด้วยสังคมอนุรักษ์นิยมของญี่ปุ่น เขาจะมั่นใจให้หมอ หรือพยาบาลฉีดวัคซีนให้เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มทันตแพทย์ญี่ปุ่น ออกมาอาสาช่วยฉีดวัคซีนให้ก็ยังทำไม่ได้
2
ซึ่งแตกต่างจากสหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับโครงการฉีดวัคซีน ที่เกณฑ์บุคลากรอย่างกว้างขวาง ทั้งเภสัชกร ทีมเทคนิคการแพทย์ กลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับการฝึกมาแล้ว ก็สามารถฉีดวัคซีนให้ได้
3
ดังนั้น ทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นที่กล้าๆ กลัวๆ ในการออกนโยบายเรื่องวัคซีน คนทำงานแถวหน้าก็น้อย คนจะฉีดวัคซีนให้ได้ก็มีจำกัด แถมคนญี่ปุ่นก็ไม่อยากเสี่ยงกับวัคซีนอีก เลยไปกันใหญ่ ฉีดได้ไม่ถึงไหน ทั้งๆที่มีวัคซีนยอดนิยม ที่ทั่วโลกอยากได้อยู่พร้อมแล้ว ประเทศที่อยากได้ ไม่มีให้ฉีด แต่ประเทศที่มีให้ฉีดแล้ว กลับไม่อยากได้ ช่างตลกร้ายจริงๆนะโลกเรา 😅
9
แหล่งข้อมูล
โฆษณา