[Histofun Deluxe] 🇬🇧 รวม 10 โบราณวัตถุที่อังกฤษ (ขโมย) มาจากประเทศต่าง ๆ 1) เพชรโคอินัวร์ (Kohinoor Diamond)

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Histofun Deluxe

ยืนยันแล้ว

•

17 พ.ค. 2021 เวลา 12:09 • ประวัติศาสตร์

🇬🇧 รวม 10 โบราณวัตถุที่อังกฤษ (ขโมย) มาจากประเทศต่าง ๆ

ภาพประกอบจากเพจ India.in.pixels

1) เพชรโคอินัวร์ (Kohinoor Diamond)

เพชรที่ถูกขนานนามว่าเป็นเพชรแห่งอาถรรพ์และเป็นอดีตเพชรที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก (หนักกว่า 105.6 กะรัต) เพชรโคอินัวร์ได้ถูกขุดพบที่เหมืองกอลลูร์ (Kollur) รัฐอานธรประเทศ ในช่วงศตวรรษที่ 12

จนกระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 19 เพชรโคอินัวร์จะตกอยู่ภายใต้การครอบครองของอังกฤษ ก่อนที่จะถูกนำมาประดับบนมงกุฎพระราชินีแห่งอังกฤษมาจนถึงตอนนี้

2) แหวนของสุลต่านติปู (Tipu's Ring)

ภายหลังจากที่อังกฤษบุกยึดครองอาณาจักรไมซอร์ (Mysore) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ทรัพย์สมบัติอันมีค่าของสุลต่านติปู (Sultan Tipu) จึงได้ตกเป็นของอังกฤษไป โดยประกอบไปด้วยดาบและแหวนขององค์สุลต่าน

โดยดาบของสุลต่านติปูได้กลับคืนสู่อินเดียในปี 2004 หลังจากที่มีมหาเศรษฐีชาวอินเดียได้ประมูลไปด้วยราคา 1.57 ล้านรูปี ในขณะที่แหวนที่มีคำจารึกว่า "ราม" ของพระองค์ก็ยังคงอยู่ที่ British Museum มาจนถึงตอนนี้

3. พระพุทธรูปสุลต่านกันจ์ (Sultanganj Buddha)

พระพุทธรูปสุลต่านกันจ์ เป็นพระพุทธรูปโลหะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความสูงกว่า 2.3 เมตรและหนักกว่า 500 กิโลกรัม ถูกสร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรคุปตะ (ราว ค.ศ. 500-700)

พระพุทธรูปนี้ถูกค้นพบในปี 1862 โดยวิศวกรรมรถไฟ อี. บี. ฮาร์ริส (E.B. Harris) ระหว่างที่เขาขุดพื้นที่เพื่อสร้างเส้นทางรถไฟสายตะวันออก ปัจจุบันพระพุทธรูปสุลต่านกันจ์ถูกจัดแสดงอยู่ที่ Birmingham Museum and Art Gallery

4) ชุดประติมากรรมอัมราวตี

(Amravati Marbles)

เป็นชุดประติมากรรมและจารึกทำจากหินปูนจำนวนกว่า 120 ชิ้น อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี โดยถูกค้นพบที่เมืองอัมราวตี รัฐอานธรประเทศ อังกฤษครอบครองประติมากรรมชุดนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1840 ปัจจุบันถูกจัดแสดงอยู่ที่ British Museum

5) หุ่นกลเสือของสุลต่านติปู (Tipu's Tiger)

นอกจากดาบและแหวนแล้ว อีกหนึ่งสิ่งของล้ำค่าของสุลต่านติปูที่อังกฤษได้มานั้น ก็คือหุ่นกลไม้ขนาดเกือบเท่าตัวจริง โดยเป็นรูปของเสือที่กำลังขย้ำร่างชายยุโรปคนหนึ่ง

เชื่อกันว่าสุลต่านติปูสั่งให้สร้างหุ่นกลไม้นี้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับพระองค์ในการต่อสู้กับทหารอังกฤษ (หุ่นกลนี้ยังมีกลไกพิเศษที่ทำให้ชายยุโรปที่นอนอยู่สามารถส่งเสียงร้องและยกแขนได้อีกด้วย)

6) เพชรนาซศักดิ์ (Nassak Diamond)

เพชรหนัก 43.38 กะรัต อายุเก่าแก่กว่า 600 ปีนี้ ได้ถูกค้นพบที่บริเวผรวิหารตริอัมพเกศวรมนเทียร (Trimbakeshwar) ที่เมืองตริมบัก รัฐมหาราษฏระ

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เปชวาบาจิราวที่ 2 (Peshwa Bajirao II) เสนาบดีของจักรวรรดิมราฐา (Maratha) ได้มอบเพชรนาซศักดิ์ให้กับอังกฤษ ภายหลังจากที่มราฐาพ่ายแพ้การรบให้กับอังกฤษในสงครามครั้งที่ 3 ปัจจุบันเพชรดังกล่าวไม่ได้อยู่กับอังกฤษแล้ว แต่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ในเลบานอน

7) ถ้วยไวน์หยกของจักรพรรดิซาห์จาฮาน

(Royal Jade Wine Cup of Shah Jahan)

เป็นถ้วยใส่ไวน์ทำมาจากหยกแท้ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1657 โดยมีเจ้าของคือจักรพรรดิซาห์จาฮานแห่งจักรวรรดิมุคัล (Shah Jahan of Mughal) หลังจากที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมอังกฤษ ถ้วยหยกนี้ก็ได้ตกเป็นอังกฤษ ปัจจุบันถูกจัดแสดงอยู่ที่ Victoria and Albert Museum ในกรุงลอนดอน

8) เครื่องสำริดเบนิน (Benin Bronze)

เป็นชุดประติมากรรมและเครื่องสำริด (ส่วนใหญ่ทำจากทองแดง) ที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 13 ถึง 18 อังกฤษนำชุดประติมากรรมนี้ออกมาจากพระราชวังในเบนิน ก่อนที่จะถูกแยกย้ายนำไปจัดแสดงทั้งใน British Museum และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในยุโรปและสหรัฐฯ

9) สมบัติเมืองมัคดาลา (Maqdala Treasure)

หลังจากชัยชนะในการรบที่อังกฤษมีเหนือต่อเอธิโอเปียในปี 1868 อังกฤษก็ได้ขโมยสิ่งของล้ำค่าหลายพันรายการจากเมืองมัคดาลา (Maqdala) มีการบันทึกว่าอังกฤษต้องใช้ช้างมากถึง 15 ตัวในการขนสมบัติมีค่าเหล่านี้ ปัจจุบันสมบัติแห่งเมืองมัคดาลาถูกจัดแสดงถึง Victoria and Albert Museum

10) ศิลาโรเซตต้า (Rosetta Stone)

เป็นหินจารึกอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ซึ่งถูกเขียนโดยอักขระสามชนิด ด้านบนเขียนด้วยอักขระเฮียโรกลิฟฟิก (Hieroglyphics) ตรงกลางเขียนด้วยอักขระเฮียราติก (Hieratic) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอักษรของอียิปต์ที่ใช้งานง่ายกว่าอักขระเฮียโรกลิฟฟิก และด้านล่างเขียนด้วยอักขระกรีกโบราณ ด้วยเหตุนี้หินจารึกนี้จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการศึกษาวิชาอียิปต์วิทยา

ในปี 1799 กองทัพฝรั่งเศสภายใต้การนำของนโปเลียนได้ค้นพบหินจารึกนี้ที่เมืองโรเซตต้า บริเวณใกล้ปากแม่น้ำไนล์ จนกระทั่งปี 1801 อังกฤษชนะกองทัพฝรั่งเศสในอียิปต์ หินโรเซตต้าจึงตกเป็นอังกฤษ และถูกนำมาจัดแสดงที่ British Museum มาจนถึงปัจจุบันนี้

*** Reference

- ภาพประกอบและเนื้อหาบางส่วนจากเพจ India.in.pixels

https://www.facebook.com/indiainpixels

- https://propakistani.pk/lens/6-major-historical-treasures-that-britain-stole-from-the-subcontinent/

- https://www.history.com/news/british-museum-stolen-artifacts-nigeria

- https://edition.cnn.com/style/article/return-stolen-treasures-geoffrey-robertson/index.html

#HistofunDeluxe

โฆษณา

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน