16 พ.ค. 2021 เวลา 17:43 • ท่องเที่ยว
แบ็คแพ็ค 7 ประเทศ 1 เดือน (2) - ขึ้นรถไฟไป Summer Palace ขึ้นรถเมล์ไปกำแพงเมืองจีน
ตึกสมัยเก่าของจีนที่อยู่ใน Summer Palace
วันที่ 2
แพลนเดิมของวันที่ 2 คือจะไปกำแพงเมืองจีนแต่เมื่อวานทำท่าเหมือนจะไม่สบาย วันนี้เลยเปลี่ยนแผน มาเที่ยวในเมืองก่อน ไปชม Summer Palace กัน
บรรยากาศยามเช้าแถวๆ Leo Hostel ก็มีคนจีนเดินกันพลุกพล่าน เป็นซอยที่คึกคัก
เริ่มต้นวันด้วยการกินโจ๊กรสต้มยำ ตอนอยู่เมืองไทยโจ๊กซองแบบนี้ฉันแทบไม่แตะเลย แต่พอออกมากนอกประเทศแค่ 2-3 วัน นี่มันรสชาติจากสรวงสวรรค์ชัดๆ
รสชาติจากสวรรค์
ที่เห็นถ้วยทรงแปลกๆ เพราะว่าฉันประหยัดพื้นที่และลดน้ำหนักของในกระเป๋า เลยเอาแก้วที่เป็นได้ทั้งแก้วน้ำและถ้วยต้มมาม่าไป จะกินกาแฟ กินมาม่าหรือโจ๊กก็ใช้แก้วเดียว
บรรยากาศภายใน Leo Hostel
กินเสร็จก็เดินไปที่สถานี Quienmen ที่เสาจะมีป้ายบอกข้อมูลเอาไว้ให้เราดูว่าเราต้องขึ้นรถไฟที่ชานชลาฝั่งไหน
วิธีเดินทางก็นั่ง Subway line 2 จาก Qianmen ไปลงสถานี Xizhimen ก่อนเพื่อไปเปลี่ยนสายไป Line 4 แล้วก็ไปลงสถานี Beigongmen แล้วออกทางออก D เดินตามคนไป ไปซื้อตั๋ว Summer Palace ที่ ticket office
ค่าเข้า Summer Palace ราคา 30 หยวน ซึ่ง Summer Palace ร่มรื่นมาก ต้นไม้เยอะ ทะเลสาบ Kunming สวยและกว้างมาก หลังจากที่เมื่อวานโดน UV เผาใน Forbidden City วันนี้ Summer Palace กลายเป็นที่เยียวยาร่างกายและจิตใจไปเลย
Summer Palace มี 2 ที่ มี Old summer palace ที่จะถูกเรียกว่า Yuanmingyuan Park ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน สามารถนั่ง subway ไปได้ แต่ฉันเที่ยวแค่ Summer Palace อันใหม่นี้เพราะมันกว้าง เดินตั้งแต่เช้ายันเย็นถึงจะทั่ว คือถ้าคนไม่ได้ชอบแนวธรรมชาติ ที่นี่จะไม่ใช่ไฮไลท์ แวะแป็ปเดียวแล้วไปต่อที่อื่นก็ได้เพราะในปักกิ่งมีอีกหลายที่ๆ น่าไป แต่ฉันชอบธรรมชาติเลยอยู่ที่นี่ทั้งวันเลย
เดินไปนั่งพัก ดูต้นไม้ใบหญ้าโดนลมพัดไปเรื่อยๆ สงบดี คือวันนั้นทั้งวันเดินชิลๆ นั่งพัก นั่งเล่น นั่งกิน ไปรอบทะเลสาบคุณหมิง ก็น่าจะ 6 กิโลกว่า คนจีนเองก็มาเที่ยวกันเยอะ มาเป็นครอบครัวมาชมธรรมชาติกัน
ด้านในก็เป็นมีส่ิงปลูกสร้างแล้วก็อาคารแบบจีนให้เดินชมไปเรื่อยๆ
พอเดินรอบทะเลสาบเสร็จ ก็ไปถ่ายรูปสนามกีฬารังนก จาก Beigongmen line 4 ก็หาวิธีไป Olympic Sport Center ที่อยู่บน line 8 สีเขียวกัน ไปลงที่สถานี Olympic Sports Center ขอจบวันนี้ด้วยภาพนี้
ตอนแรกก็กะจะรอดูตอนมืดที่เขาจะเปิดไฟ มันก็คงสวยไปอีกแบบ แต่ไม่อยากนั่งรอ อยู่คนเดียวเพราะไม่มีอะไรทำ หนังสือก็ไม่ได้พกไป เลยกลับ Hostel ไปพักเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะเดินทางไปกำแพงเมืองจีน
วันที่ 3
วันนี้จะไปกำแพงเมืองจีนด่านมู่เถียนอวี้ ซึ่งกำแพงเมืองจีนมีให้ไปเที่ยวชมได้หลายด่าน ด่านที่ทัวร์ชอบพาไปคือ ด้านปาต้าหลิงอยู่ใกล้ปักกิ่งที่สุด นักท่องเที่ยวก็จะเยอะที่สุดด้วย
แบ็คแพ็คเกอร์สาวชาว Holland 2 คน ที่พักอยู่ห้องเดียวกับฉันก็ไปกับทัวร์ของ hostel จ่ายคนละ 300 หยวน ประมาณ 1,300 บาท
แต่ฉันไม่อยากไปด่านที่คนเยอะ เลยจะนั่งรถเมล์ไปที่ด่านมู่เถียนอวี้ (慕田峪长城) ที่อยู่ไกลออกไปจากปักกิ่งอีกหน่อย
Credit: www.travelchinaguide.com
การไปเองก็นั่ง subway ไป Dongzhimen ประมาณ 4-5 หยวน นั่งรถเมล์สาย 916 ประมาณ 5 หยวน ต่อรถเมล์สาย H23 อีกประมาณ 2.5 หยวน รวมแล้วก็ตก 40 บาท ไปกลับก็ 80 บาท (ราคาโดยประมาณเพราะตัดบัตรเลยไม่แน่ใจว่ากี่หยวนแน่)
ออกจาก Dongzhimen ให้ออก Exit B เพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ Dongzhimen Public Transport Hub ตึกนี้อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า Dongzhimen เลย พยายามตื่นเช้าๆ ไปให้ถึง Dongzhimen Public Transport Hub ก่อน 7 โมงเช้า เอาขนม น้ำดื่ม ติดตัวไปกินบนรถได้
ฉันไปต่อแถวรอขึ้นรถตอน 6:30 น. สนุกดีแย่งขึ้นรถกับฝรั่งและคนจีน ตอนขึ้น Beijing 916 Express ต้องมีคำว่า 916快 ซึ่งคำว่า 快车 ไคว่เชอ แปลว่ารถเร็ว ย้ำมาก เพราะถ้าไม่ express จะหวานเย็นมากๆ ได้ อันนี้เป็นข้อมูลที่หามาจากเน็ตอีกที แต่ฉันก็ทำตามอย่างเคร่งครัดเพราะไม่อยากหวานเย็น
ลงที่ป้ายสถานีถนนไหวโหรวเหนือ หรือ ไหวโหรวเป่ยต้าเจีย (怀柔北大街) ซึ่งเป็นสถานีที่ 14 คอยดูบนจอไฟวิ่งๆของรถเมล์ก็ได้ ตื่นเต้นนิดหน่อยแต่ก็สนุกดี
พอลงปุ๊ปก็ข้ามถนนไปรอรถเมล์ H24 อีกฝั่งหนึ่งของถนน ตรงนั้นก็จะมีคนจีนมาชวนนักท่องเที่ยวไปขึ้น taxi นักท่องเที่ยวที่มาเจอกันก็มาจอยกัน 4 คนคิดคนละ 10 หยวน พวกฝรั่งขึ้น taxi กับ minivan ไปกันหมด
แต่ฉันเลือกรอรถเมล์เพราะเจอคนอินเดีย 2 คนที่มาเรียนที่ปักกิ่ง ฉลองเรียนจบด้วยการมาเที่ยวกำแพงเมืองจีน ฉันเลยรอกับพวกเขาเพราะเขาพูดจีนและพูดอังกฤษได้ ก็ยังดีมีเพื่อนรอ รอสาย H24 ค่อนข้างนานประมาณ 20 นาที ถ้าอยู่คนเดียวคงทำไรไม่ถูกเหมือนกัน
พอรถมาก็นั่งไปลงที่ป้ายกำแพงเมืองจีนมู่เถียนอวี้ (慕田峪长城) ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดจากตอนรอขึ้น 916 จนถึงด่านมู่เถียนอวี้ ก็ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที (ไม่นับตอนยื่นรอรถ H24) รถเมล์จะมาส่งที่ป้ายข้างถนน แล้วต้องเดินเข้าไปอีกหน่อยเพื่อซื้อตั๋ว
ฉันถ่ายรูปที่รอรถเมล์ฝั่งตรงข้ามเก็บไว้ด้วยจะได้จำได้ว่าต้องมารอรถเมล์กลับตรงนี้ เพราะจริงๆเป็นคนจำทาง จำสถานที่ไม่ค่อยได้ ถ้าไม่มี Google Map ชีวิตฉันคงลำบากมาก
ทางขวาคือจุดนั่งรอรถเมล์สำหรับกลับเข้าเมือง
ฉันซื้อตั๋วแบบ cable car เพื่อขึ้นไปที่กำแพง ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อขึ้น cable car ไปป้อม 14 แล้วเดินไปป้อม 4 เพื่อลงด้วย Toboggan รถนั่งเล็กที่ให้เราไหลลงมาเรื่อยๆน่าสนุกดี
1
แต่ดันซื้อผิดจ่ายไป 180 หยวน ซื้อแบบขึ้นลงด้วย cable car ที่ป้อม 14 ทั้งหมด ซึ่ง 180 หยวนจะรวมค่าขึ้นและลง cable car 120 หยวน ค่ารถบัสขึ้นและลงจากป้อม 14 อีก 15 หยวน ค่าตั๋วกำแพงเมืองจีน 45 หยวน
กระเช้า Cable Car
พอนั่ง cable car มาถึงด้านบนก็ต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นไปอีกก่อนจะได้เห็นกำแพงเมืองจีน
ถึงแล้ว เย้ๆ
แล้วฉันก็ได้มาเห็นกำแพงเมืองจีนจริงๆสักที หลังจากที่เคยเห็นแต่ในรูปถ่ายและในหนัง
กำแพงเมืองจีนนนนนนนนนนนน
ยาวสุดลูกหูลูกตา
ขอสัมผัสสักนิด เก็บไว้ในความทรงจำ
เดินไปไม่นานแดดเริ่มออก บนกำแพงเริ่มร้อน ขนาดเตรียมหมวก แว่น เสื้อแขนยาวไปครบ ก็ยังเดินไม่ไหว
การซื้อตั๋วผิดจึงกลายเป็นข้อดี เพราะถ้าเดินจากป้อม 14 ไปถึงป้อม 4 เพื่อลงด้วย Toboggan ฉันอาจจะโดนแดดเผาแล้วละลายอยู่บนกำแพงเมืองจีนได้
เดินไปได้แค่ 3 ป้อมก็เดินกลับเพราะได้ฟีลว่ามาฉันได้มาถึงกำแพงเมืองจีนแล้ว พอใจแล้วดังนั้นหาที่หลบแดดดีกว่า
หลบแดดด้านในป้อม ในป้อมก็จะเจาะหน้าต่างแบบนี้ไว้
พอลงมาจากกำแพง เดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็เจอทางเดินร่มรื่น เลยเดินสำรวจสักหน่อย
ศาลาเหมือนในหนังจีนเลยถ้าฝนตกคงฟิน
แล้วก็บังเอิญเดินไปเจอพิพิธภัณฑ์หิน ที่ไม่มีคนเลย มีแค่ฉันคนเดียว เงียบดี ฉันชอบนะ สงบดี ไม่วุ่นวาย แล้วในนั้นก็มีหินแปลกๆให้ดูเยอะเลย สำหรับคนที่ชอบหินอยู่แล้วแบบฉัน เป็นความบังเอิญที่ทำให้มีความสุขมาก
หินหน้าตาแปลกๆ ในพิพิธภัณฑ์
แล้วก็ได้เห็นภาพจากหินเป็นครั้งแรก คือหินจะมีลวดลายเฉพาะตัว หินลายสวยๆก็จะถูกเอามาทำภาพแขวนติดผนังแบบนี้ ดูสวยสง่าดี ภาพวาดจากธรรมชาติที่แท้จริง
ภาพวาดจากหิน
เดินออกมาแล้วเลี้ยวไปอีกทาง ก็เจอถ้ำหินงอกหินย้อยที่มีการจัดแสดงไฟสีๆไว้ สวยมาก ไม่ค่อยมีคนเดินอีกเช่นเดิม มีแค่คู่รักจีนที่เดินดูก่อนหน้าฉัน 1 คู่แค่นั้นเอง
สวยเหมือนฉากในละครเวที
ตอนกลับออกมาก็เจอป้าย China Stone Musuem ป้ายมันอยู่ตรงนี้นี่เอง
จากนั้นฉันก็เดินไปรอรถเมล์สาย H23 กลับไปลงตรงจุดเดิมแล้วก็ขึ้น 916 กลับ Dongzhimen เพื่อไปที่หอสักการะฟ้าเทียนถัน หรือ Temple of heaven ต่อ แต่ตอนที่ไปถึงก็เย็นแล้วประมาณ 5 โมงเย็น หอปิดไปแล้ว เลยไม่ได้เข้าไปข้างในหอสักการะฟ้า ทำได้แค่เดินดูสวนด้านนอก ค่าตั๋วแบบเดินชมสวน 15 หยวน
ลาก่อนพระอาทิตย์พรุ่งนี้เจอกันใหม่
จบวันสงบๆด้วยการนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ขอบหลังคา จากนั้นก็กลับ Hostel เตรียมแพ็คกระเป๋าอีกครั้ง เพราะพรุ่งนี้จะนั่งรถไปสายทรานมองโกเลียไป มองโกเลียกัน
่อ่านต่อทริปของวันพรุ่งนี้คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลย 👇👇
โฆษณา