17 พ.ค. 2021 เวลา 06:27 • สุขภาพ
เรากำลังวางยาเด็กๆ โดยไม่ตั้งใจหรือเปล่า?
ปัญหาสารเคมีตกค้างและผลกระทบที่อันตรายกว่าที่คิด
ปัญหาผลกระทบของสารเคมีที่มีต่อทารกและเด็ก (Poisoning our Children) เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เราไม่มีเวลาที่จะเสียไปอีกแล้วเพราะปัญหาเหล่านี้กำลังใหญ่ขึ้นทุกนาที บทความนี้จะมาพูดคุยเกี่ยวกับผลกระทบของสารเคมีที่มีต่อสุขภาพของเด็กๆ
ลูกๆ ของเราเป็นสิ่งมีค่า ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ และเป็นอนาคตของพ่อแม่ แต่เด็กๆเหล่านี้กำลังได้รับอันตรายจากสารพิษในสิ่งแวดล้อมรวมถึงสารเคมีทางการเกษตรจากชีวิตประจำวัน สิ่งนี้ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคเรื้อรังชนิดไม่ติดต่อไปทั่วโลก
****รู้หรือไม่?****
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการตรวจสอบ (peer review) แล้วและได้รับการตีพิมพ์จำนวนมากแสดงให้เห็นว่าการได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในทารกและเด็กวัยกำลังเติบโตเชื่อมโยงกับภาวะเหล่านี้ : มะเร็ง ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน ไอคิวต่ำ โรคสมาธิสั้น ออทิสติก โรคเบาหวาน การสูญเสียอารมณ์ ปัญหาการจัดการความโกรธ ภาวะไบโพลาร์ อาการซึมเศร้า ปัญหาระบบย่อยอาหาร โรคหัวใจและหลอดเลือด ปัญหาการสืบพันธุ์ (ในวัยผู้ใหญ่) ความผิดปกติของระบบอวัยวะเพศและทางเดินปัสสาวะ การเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญ รวมถึงโรคอ้วนในวัยเด็ก และโรคเบาหวาน
องค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่า โรคไม่ติดต่อ (NCDs) เหล่านี้เป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของโลก การแพร่ระบาดที่มองไม่เห็นนี้เป็นสาเหตุของความยากจนและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของหลายประเทศ ภาระจากปรากฏการณ์นี้ จำนวนผู้คน ครอบครัว และชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนกำลังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
เราไม่สามารถติดโรคเหล่านี้จากคนอื่นได้ เราจะไม่เป็นมะเร็ง โรคหัวใจ หรือเบาหวานจากการนั่งข้างคนที่เป็นโรคเหล่านี้ สาเหตุหลายประการที่ส่งผลต่อการเกิดโรคจริงๆ คือสิ่งแวดล้อมซึ่งหมายความว่าเราสามารถป้องกันโรคเหล่านี้ได้โดยการเปลี่ยนนิสัย อาหาร เครื่องดื่ม และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษที่ทำให้เกิดโรค
ขณะนี้มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าสารเคมีตกค้างในอาหารของเราเป็นสาเหตุสำคัญของการแพร่ระบาดนี้และคนที่กำลังเสี่ยงมากที่สุดก็คือลูกๆ ของเรา น่าเสียดายที่เด็กส่วนใหญ่ยังต้องสัมผัสกับสารประกอบที่เป็นพิษจำนวนมากเนื่องมาจากหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆจำนวนมากที่เชื่อมโยงปัญหาสารเคมีตกค้างกับการเพิ่มขึ้นของโรคและผลกระทบต่อพฤติกรรมเด็ก
การศึกษาทางสถิติชิ้นสำคัญที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเกี่ยวกับโรคมะเร็งระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งจำนวนกว่าสองร้อยคนแสดงให้เห็นว่าส่วนผสมของสารเคมีทั่วไปซึ่งรวมไปถึงยาฆ่าแมลง มีบทบาทสำคัญในการก่อให้เกิดโรคมะเร็งทั้งในวัยเด็กและส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันเมื่อทารกคลอดออกมา เด็กจะต้องเผชิญกับมลพิษจากยาฆ่าแมลง วัตถุเจือปนอาหารและสารเคมีอันตรายอื่น ๆ และระบบการกำกับดูแลในปัจจุบันล้มเหลวในการปกป้องทารกในครรภ์และเด็กๆที่กำลังเติบโตจากความเสี่ยงนี้
นักวิทยาศาสตร์พบสารเคมีตกค้างหลายชนิดในถุงน้ำรังไข่ น้ำคร่ำ เลือดมารดา เลือดจากรก สายสะดือ น้ำนมแม่ อุจจาระของทารกแรกเกิด และในปัสสาวะของเด็ก คณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯพบสารเคมีมากถึง 232 ชนิดในเลือดจากสายสะดือของทารก
****ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในเด็ก****
เด็กมีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะได้รับอันตรายจากสารเคมีและเป็นผู้ที่ได้รับสารกำจัดศัตรูพืชในระดับสูงสุดเมื่อคำนวณจากปริมาณการบริโภคเทียบกับน้ำหนักตัว สิ่งที่น่ากังวลก็คือทารกในครรภ์และทารกแรกเกิดมีความเข้มข้นของโปรตีนที่ใช้ในการปกป้องร่างกายต่ำกว่าผู้ใหญ่ดังนั้นจึงไม่สามารถล้างพิษจากสารเคมีได้แม้จะเป็นพิษในปริมาณที่น้อยที่สุด ผลที่สำคัญของเรื่องนี้คือความไวต่อการเกิดโรคมะเร็งและความเป็นพิษต่อระบบประสาทที่สูงขึ้นในเด็ก
เด็กๆ มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการถูกรบกวนด้วยสารเคมีที่ส่งผลต่อต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) เนื่องจากเนื้อเยื่อและอวัยวะของเด็กอาศัยสัญญาณฮอร์โมนที่สมดุลเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายกำลังพัฒนาตามลำดับอย่างเป็นระบบ การหยุดชะงักเพียงเล็กน้อยในสัญญาณฮอร์โมนเหล่านี้โดยสารเคมีที่รบกวนต่อมไร้ท่อสามารถเปลี่ยนแปลงการพัฒนาของส่วนต่างๆของร่างกายและระบบเผาผลาญได้อย่างมีนัยสำคัญ ผลกระทบที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เพียงจะคงอยู่ไปตลอดชีวิตเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งต่อไปยังคนรุ่นหลังได้อีกด้วย ผลก็คือการถูกรบกวนในวัยเด็กนี้จะทำให้เด็กมีสุขภาพที่ไม่ดีไปตลอดชีวิต
เด็กส่วนใหญ่ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจากสารตกค้างในปริมาณที่อนุญาตในอาหาร พวกเขาอาจได้รับสารเคมีที่เป็นพิษโดยตรงจากอาหารของแม่ผ่านทางรกเมื่ออยู่ในครรภ์หรือทางน้ำนมแม่ นอกจากนี้สารกำจัดศัตรูพืชที่ใช้ในบ้าน สวน สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ และทางเท้าล้วนเป็นพื้นที่สำคัญอื่นๆ ที่เด็กๆ ต้องสัมผัสกับสารเคมีตกค้าง
****หลีกเลี่ยงสารพิษ : การป้องกันดีกว่าการรักษาเสมอ****
รายงานจากงานวิจัยหลายๆ ฉบับแสดงให้เห็นว่ามะเร็งราว 80 เปอร์เซ็นต์เกิดจากการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อม (รวมถึงแอลกอฮอล์และบุหรี่) โดยเฉพาะสารเคมีที่เป็นพิษ การกำจัดการสัมผัสสิ่งเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็ก (เนื่องจากความเสียหายส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อทารกยังอยู่ในมดลูกหรือเมื่อกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว) เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารออร์แกนิกเป็นวิธี่ที่ลดการได้รับสารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตรายได้อย่างรวดเร็ว และช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพหลายอย่างที่เกิดจากสารกำจัดศัตรู นอกจากนี้การศึกษาที่แสดงผลเปรียบเทียบระหว่างอาหารออร์แกนิกกับอาหารทั่วไปแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอาหารออร์แกนิกมีคุณค่าทางโภชนาการและดีต่อสุขภาพเนื่องจากมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันโรคในระดับที่สูง
****ความจริงเกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ****
เราได้รับข้อมูลจากรัฐบาลและอุตสาหกรรมต่างๆ ว่าปริมาณสารกำจัดศัตรูพืชในอาหารของเราอยู่ในระดับที่ปลอดภัยและไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตามเกณฑ์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในการจำกัดการใช้สารกำจัดศัตรูพืชในปัจจุบันอิงอยู่กับข้อมูลที่ล้าสมัยและมีข้อบกพร่องแทนที่จะใช้ข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ล่าสุด ดังนั้นข้อความต่อไปนี้ที่พบได้บนฉลากสินค้าจริงๆแล้วหมายถึง
1. "ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด"
สูตรยาฆ่าแมลงที่จำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่นั้นไม่ได้รับการทดสอบความปลอดภัยและไม่มีการทดสอบเฉพาะสำหรับผลกระทบที่มีต่อเด็กในครรภ์ ทารกแรกเกิด และเด็กวัยกำลังพัฒนา
2. "ปริมาณสารเคมีน้อยมาก"
แม้แต่สารเคมีตกค้างในปริมาณเล็กน้อยก็อาจเป็นอันตรายได้ สารเคมีจำนวนมากเหล่านี้ขัดขวางระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) และเด็กโดยเฉพาะทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนาเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด
3. "ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ"
สารกำจัดศัตรูพืชหลายชนิดมีพิษมากกว่าเดิมเสียอีกเมื่อมันย่อยสลายทางชีวภาพ
4. "หน่วยงานกำกับดูแลที่เชื่อถือได้"
หน่วยงานกำกับดูแลส่วนใหญ่เพิกเฉยและมีขั้นตอนการตรวจสอบที่ไม่สอดคล้องกับข้อมูลจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆที่น่าเชื่อถือจำนวนมากซึ่งแสดงให้เห็นถึงอันตรายที่เกิดจากสารกำจัดศัตรูพืช
****ความก้าวหน้าทางการวิจัยที่สำคัญ****
ในทศวรรษ 1990 หนังสือหลายเล่ม เช่น Our Stolen Future และ The Feminization of Nature แสดงให้เห็นผลของสารเคมีตกค้างต่อการขัดขวางกระบวนการสืบพันธุ์และระบบฮอร์โมนของสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์รวมถึงมนุษย์
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการตรวจสอบ (peer-review) ตามที่สรุปไว้ในหนังสือแสดงให้เห็นว่าสารเคมีหลายชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสารเคมีทางการเกษตร มีลักษณะเลียนแบบฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน ส่งผลให้ภาวะเจริญพันธุ์ในมนุษย์ลดลงอย่างมาก โดยไปลดปริมาณและคุณภาพของการผลิตอสุจิและทำลายระบบทางเดินปัสสาวะที่อวัยวะเพศ สารเคมีตกค้างมีส่วนสำคัญในการเพิ่มขึ้นอย่างมากของมะเร็งในเนื้อเยื่อทางเพศ เช่น มะเร็งเต้านม เยื่อบุโพรงมดลูก มดลูก รังไข่ ช่องคลอด อัณฑะ และมะเร็งต่อมลูกหมาก การหยุดชะงักของต่อมไร้ท่อไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการสืบพันธุ์ของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเกือบทั้งหมดรวมทั้งพืชและสัตว์เนื่องจากฮอร์โมนชนิดเดียวกันเป็นพื้นฐานของการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศทั้งหมด
เราสามารถช่วยลดผลกระทบนี้ได้โดยการเปลี่ยนระบบเกษตรกรรมมาใช้แนวทางเกษตรอินทรีย์เพื่อการผลิตอาหารที่มีคุณภาพสำหรับเลี้ยงประชากรที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นพิษ เกษตรกรรุ่นใหม่จำนวนมากกำลังทำสิ่งนี้อยู่แล้ว แต่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนเงินทุนที่ใช้ไปทุกปีในการวิจัยทางการเกษตรเกี่ยวกับสารเคมีที่เป็นพิษและสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) ไปสู่การวิจัยเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์และระบบนิเวศที่ยั่งยืน ปัญหามากมายนี้อาจทำให้รู้สึกหนักใจแต่พวกเราแต่ละคนสามารถเป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่ออนาคตที่ดีกว่าได้
โฆษณา