17 พ.ค. 2021 เวลา 10:36 • ปรัชญา
ความจน
หากถามหลายๆ คนว่า สถานะทางสังคมนั้นสำคัญสำหรับพวกเขาหรือไม่? คำตอบที่ได้คงไม่ต่างกันนั่นก็คือสำคัญ แล้วเพราะเหตูใดมันจึงสำคัญ? เราเคยคิดถึงข้อนี้กันบ้างหรือไม่? ผมว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่สมควรถามและหาคำตอบให้กับตัวเอง
ความรวยความจนถูกยกมาตัดสินคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าเราจะยอมรับมันหรือไม่ ไม่ว่าเราจะอยู่สถานะใด จะปานกลาง ยากจน หรือ ร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้ เราย่อมถูกตัดสินจากสิ่งๆ นี้ คนที่ศึกษาและถามคำถามนี้กับตัวเองว่าสถานะมันสำคัญหรือไม่นั้น มักจะไม่ค่อยมีปัญหากับเรื่องราวเหล่านี้เมื่อเขาถูกตัดสิน แต่ไม่ใช่ทุกคนในสังคมจะตั้งคำถามนี้กับตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวันที่ต้องสู้จนไม่มีเวลาฉุกคิดหรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม
ประเทศประชาธิปไตยส่วนใหญ่นั้น ด้วยความที่เป็นระบบทุนนิยมนั้นทำให้คนในประเทศเพียง 1% เท่านั้นที่ร่ำรวยเกินกว่าคนอื่น ส่วนอีก 99% นั้นเป็นเพียงคนที่มีฐานะปานกลางไปจนถึงยากจน นั้นแน่นอนทำให้คนหลายๆ คนพยายามเหลือเกินที่จะได้เป็น 1% นั้นจนเรียกได้ว่าติดกับดักความคิดโดยที่ไม่รู้ตัว
แน่นอนการมีเงินเยอะย่อมดีกว่า และเป็นดั่งความฝันที่ทุกคนต้องการ เพราะการไม่มีเงินหรือยากจนนั้นช่างลำบาก และหดหู่เหลือเกิน แต่การมองไปที่ความเป็นจริงและใช้ชีวิตดำเนินตามความเป็นจริงนั้น อาจจะทำให้เราหลุดพ้นจากกับดักและเข้าใจถึงกลไกของการเงินนี้ก็ได้
ชีวิตความเป็นจริงหากคนหนึ่งคนจะร่ำรวยได้ต้องมีหลายอย่างมากมายประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งต้องมีความรู้ความสามาถ ประจวบกับอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จะสามารถแสดงสิ่งที่ตัวเองมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถมีได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเพียงแค่ 1% ที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ตัวเลขต้องมากกว่า 1% อย่างแน่นอน แต่ความจริงนั้นมันไม่ใช่แบบนั้น
ความสามารถไม่ใช่ว่าทุกคนนนั้นเกิดมามีเท่ากัน เพราะเกิดมาก็คนละรูปแบบแล้ว หากคนๆ หนึ่งมาจากครอบครัวที่มีฐานะย่อมได้รับการศึกษาที่ดีกว่าคนที่มาจากครอบครัวที่ยากจนใช่หรือไม่? เพราะอย่างนั้นทำให้ความสามารถของคนนั้นไม่สามารถมีเท่ากันได้ แล้วเราจะร่ำรวยเหมือนกันทุกคนได้อย่างไร
แน่นอนว่าการที่เกิดมายากจนนั้นไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างได้ เพราะอย่างไรชีวิตทุกคนนั้นก็ต้องต่อสู้ฝ่าฝันเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตเช่นกัน แต่หากเรามองข้ามความอยากร่ำรวยนี้ไป และ มองหาความพอดีในชีวิตนั้นจึงจะสามารถพูดได้ว่าเหมาะสมดีกว่าหรือไม่? การอยู่ในชนชั้น 99% นั้นก็ไม่ได้ย่ำแย่นักถ้าเกิดว่าเราเข้าใจแก่นของความรวยจนนี้
แก่นของเงินตราก็คือเราสามารถนำมาใช้จับจ่ายใช้สอยซื้อข้าวของอาหารที่เราต้องการได้ เงินต่อให้มีมากมายเท่าไหร่ในธนาคารแต่เราไม่ได้กดเงินออกมาใช้มันก็เป็นเพียงตัวเลขที่ล่องลอยอยู่ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นเงินจะมีค่าก็ต่อเมื่อเราใช้จ่ายสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตที่ถูกต้องคือการเข้าใจว่าชีวิตเราต้องการอะไร ที่จะตอบสนองการใช้ชีวิตเราได้ หากเราคิดว่าการอยู่บ้านหรูราคาแพง ขับรถสปอร์ต กินอาหารชั้นหรู ก็ไม่ผิดอะไรเพียงแต่การใช้ชีวิตของคุณก็จะต้องยากตามไปด้วย
สมมุติวันนี้มีคนมอบเงินให้คุณ 1 ล้านบาท ให้คุณกินอาหารที่คุณชอบได้อย่างเต็มอิ่ม ต่อให้อาหารที่คุณกินนั้นเป็นอาหารราคา 1 ล้านบาท ถึงแม้ว่าวัตถุดิบจะดีกว่าอาหารที่คุณเคยกินมาทั้งชีวิตรวมกัน คุณก็อิ่มเท่ากันกับอาหารมื้อที่สุดแสนจะธรรมดา คุณไม่สามารถกินได้เยอะไปกว่าที่คุณกินเมื่อวานเท่าไหร่
จะยากจนร่ำรวยนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ การเลือกเส้นทางที่เราจะใช้ชีวิตและการทำความเข้าใจถึงทางเลือกของเรานั้นที่จะเป็นตัวตัดสินความสุขที่เราจะสามารถมีได้ ไม่ว่าจะเป็นสุขราคาถูกหรือราคาหนึ่งล้านบาท มันก็คือความสุขเหมือนกันแต่การที่จะได้มานั้นแตกต่างกันนัก ผมขอให้ทุกท่านมีความสุขกับเส้นทางความสุขที่ท่านเลือกและหวังว่าทุกคนจะไม่เหนื่อยเกินไปนัก
โฆษณา