18 พ.ค. 2021 เวลา 05:37 • การศึกษา
ประตูมิติ...
วันนี้ Jasmineได้มีโอกาสออกไปเดินรอบๆบริเวณวัดกับน้อง มีการสร้างรูปปั้นจำลองนรก มุมเล็กๆมา
ส่วนใหญ่ตลอดเวลาจะอยู่ในห้องกระจกตลอด
ช่วงนี้เลยออกมาข้างนอกบ้างพร้อมทั้งเดินจงกรมรอบนอก
สิ่งที่ได้พบคือ ขณะที่เดินจงกรม ด้านหนึ่งของทางที่เดินจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปวางเรียงเป็นแนว ใต้ฐานพระจะมีรูปและอัฐิผู้ตายบรรจุอยู่ ส่วนอีกด้านก็จัดสร้างเป็นเจดีย์บรรจุอัฐิเลย
ในช่วงที่เดินจงกรมได้สักพัก เห็นมีดวงจิต ใส่ชุดสีขาวมานั่งพนมมือเป็นแถว 2 ข้างทางที่เดิน มองไปก็คือดวงจิตของผู้ที่อัฐิของเค้าที่บรรจุอยู่นั้นแหละ ราวกับช่องที่บรรจุอัฐิเหล่านั้น คือประตูเชื่อมระหว่างมิติ ของโลกมนุษย์กับมิตินรก เลยถามขึ้นว่านี่พวกท่านติดอยู่ที่นี่หรือ
ท่านมัจจุราช ท่านตอบคำถามแทน (เพราะมีรูปปั้นท่านสร้างไว้เป็นสื่ออยู่) ท่านว่า ข้าอนุญาตให้พวกเค้าขึ้นมาเอง
จากนั้น ก็นำมาเรียนครู ครูท่านเลยอธิบายว่า ช่องที่เจ้าเห็นบรรจุอัฐิที่ในที่นั่น ในสภาาวะนี้ที่จริงก็คือ ประตูทางขึ้นมาจากข้างล่าง คล้ายเป็นประตูเชื่อมระหว่างมิติโลกมนุษย์กับมิติทิพย์ นั่นเอง
โดยธรรมชาติ ดวงจิตที่ถูกบรรจุอยู่จะมี 3 ลักษณะ
ลักษณะแรก คือ พวกที่ลงไปรับการพิพากษาข้างล่าง แต่ทางโลก ลูกหลานญาติเอาอัฐิมาไว้ เพราะเชื่อว่าผู้ตายจะได้บุญ จะใกล้พระ เหตุที่ขึ้นมาได้เพราะพวกเจ้ามาฝึก และท่านมัจจุราชเปิดโอกาสให้
ลักษณะที่ 2 คือ พวกที่ดวงจิตยังไม่ถึงวาระที่จะหมดอายุขัย แต่ถูกกรรมตัดรอนเสียก่อน แต่ด้วยลูกหลานนำมาบรรจุไว้ในฐานพระหรือสร้างเจดีย์ให้ จึงกลายเป็นที่พักช่วงคราวก่อนจะถูกลงไปพิพากษา ไม่ต้องกลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนรอเวลา
ลักษณะสุดท้าย คือ พวกที่จิตยังติดอยู่กับสถานที่นี้ เช่นนี้เพราะเคยสร้างพระไว้เมื่อตายลูกหลานเอาอัฐิมาบรรจุไว้ ตนก็ยังติดว่าเป็นพระที่ตนสร้างและนำมาถวายวัด เป็นศรัทธาที่ยังยึดติดจนจิตไม่ได้ไปไหน ก็คล้ายกับพวกที่สร้างวัด สร้างเจดีย์ เมื่อตายแล้วจิตก็ยังวนเวียนอยู่กับสถานที่ที่ตนสร้างไว้ เฝ้าอยู่ที่นั้นตลอดไม่ได้ไปตามวัฎจักรธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น
ดังนั้น ก่อนจะพิจารณาสร้างที่บรรจุอัฐิ ควรจะศึกษาและมีความรู้เรื่องนี้เสียก่อน จะมีประโยชน์แก่บรรพบุรุษเจ้าของอัฐิด้วย
โฆษณา