18 พ.ค. 2021 เวลา 11:21 • หนังสือ
หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์
ในประวัติศาสตร์วงการวรรณกรรมไทย อาจจะนับได้ว่าหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ ทรงเป็นนักประพันธ์ไทยท่านแรกๆที่ทรงเขียนนวนิยายไทยเลยทีเดียว
หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ ถือกำเนิดมาในราชสกุลรพีพัฒน์ โอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ พระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ประสูติเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448 หม่อมมารดาของท่านคือหม่อมอ่อน ซึ่งมีโอรสธิดากับกรมหลวงราชบุรีถึง 11 ท่านด้วยกัน และทุกท่านมีพระนามคล้องจองกัน มีความหมายเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ซึ่งมาจากส่วนหนึ่งของพระนาม ’รพี’ ของเสด็จพ่อ โดยหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง ทรงเป็นโอรสองค์ที่ 6
ในวัยเด็กเมื่อท่านพ่อทรงแยกทางกับหม่อมแม่ ท่านชายได้ทรงออกจากวังมาอยู่กับหม่อมแม่ที่บ้านริมคลองบางจาก พร้อมกับพระขนิษฐา คือหม่อมเจ้าหญิงดวงทิพโชติ์แจ้งหล้า และเริ่มต้นรับการศึกษาที่โรงเรียนอัญสัมชัญเป็นที่แรก ก่อนที่ต่อมาจะย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งที่นี่คือที่แรกที่ท่านได้ทรงเริ่มแสดงความสามารถทางด้านการประพันธ์
ทรงแปลเรื่องสั้นลงในหนังสือของโรงเรียนเทพศิรินทร์ชื่อ ‘เอนีวา ซองครัวต์’ และ ’ชีวิตนักรบ’ ขณะพระชันษาได้เพียง 18 ปีเท่านั้น และเมื่อทรงสอบตกการศึกษาชั้นมอ 7 ได้ทรงถูกส่งไปศึกษาต่อทางด้านกฏหมายที่ประเทศอังกฤษ แต่ด้วยความชอบส่วนพระองค์จึงทรงเข้าไปคลุกคลีกับแวดวงหนังสือพิมพ์แทนการศึกษาทางด้านกฎหมายอย่างที่ตั้งพระทัยไว้แต่แรก
และเนื่องจากพระพลานามัยไม่สู้ดี ทรงประชวรหนักจนแพทย์ให้พักการเรียนราว 1 ปี ประกอบกับไม่ได้สนพระทัยวิชากฎหมายจึงทรงย้ายไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาแทน แต่สุดท้ายไม่ได้ทรงสำเร็จการศึกษาจากสถาบันใดอีกเช่นกัน จึงทรงเดินทางกลับเมืองไทยหลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศได้ประมาณ 5 ปี พร้อมกับประสบการณ์ชีวิตในต่างแดนที่ถือว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับอาชีพนักประพันธ์
เมื่อกลับมาเมืองไทย หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ ได้ทรงเข้ารับราชการในกรมไปรษณีย์ และกรมสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ตามที่เสนาบดีมหาดไทย สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงสนับสนุน แต่ความสนพระทัยอย่างแท้จริงอยู่ที่การประพันธ์
ดังนั้นในปีพ.ศ. 2472 ‘ละครแห่งชีวิต’ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในบรรณภิภพ ในรูปแบบของหนังสือนวนิยายที่มีราคาแพงเป็นประวัติการณ์ มีราคาสูงถึง 2 บาท ผิดกับหนังสือนิยายสมัยนั้นที่ราคาเล่มละ 35 สตางค์เท่านั้น และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการวรรณกรรมเมื่อหนังสือขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หนังสือจำนวน 2,000 เล่ม หมดลงภายในเวลาอันรวดเร็ว จนถึงกับต้องพิมพ์ครั้งที่สองและครั้งที่สามตามมาในระยะเวลาอันสั้น ส่งผลให้ชื่อเสียงของหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ เป็นที่รู้จักในแวดวงวรรณกรรมไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
‘ละครแห่งชีวิต’ เป็นเรื่องของคนไทยผู้หนึ่ง ซึ่งมีโชคชะตาหมุนเวียนเปลี่ยนกลับไปมาอย่างประหลาดและพิสดาร พาผู้อ่านเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆทั่วโลกเช่น ลอนดอน ปารีส สหรัฐอเมริกา สมาคมกับคนทุกชนชั้น ทุกภาษา ความโศก ความรัก ความหวานหอมและความขมขื่นแห่งชีวิตของตัวสำคัญในเรื่อง ทำให้ ‘ละครแห่งชีวิต’ กลายเป็นเรื่องที่อ่านสนุกด้วยเนื้อหาและภาษาที่กินใจ
และถ้าใครได้อ่าน ’ละครแห่งชีวิต’จบลงแล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะอ่าน ’ผิวเหลืองผิวขาว’ อีกเล่มหนึ่งด้วย ถึงจะถือว่าจบแบบครบสมบูรณ์ ’ผิวเหลืองผิวขาว’ คือนวนิยายเรื่องที่สองของหม่อมเจ้า อากาศดำเกิงรพีพัฒน์ เป็นเสมือนภาคสองของ ’ละครแห่งชีวิต’ และเรื่องเล่าของนายวิสูตร ศุภลักษณ์ ณ อยุธยา ต่อจากเล่มแรก
สิ่งหนึ่งที่แอบแฝงและสะท้อนออกมาในงานประพันธ์ของหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง คือการแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจในการตกต่ำของเจ้านายไทยในสมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยได้ทรงบรรยายไว้ใน ’ผิวเหลืองผิวขาว’ว่า “ผู้ใดเกิดมาเป็นเจ้า แต่ต้องแบกเกียรติยศ ซึ่งเป็นภาระอันหนักยิ่งเนื่องด้วยความไม่มีทรัพย์นั้น เป็นผู้ที่มีบุพกรรมที่ร้ายกาจที่สุด เจ้าไม่มีศาลเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ในอินเดีย ในรัสเซีย ในประเทศไทย ฯลฯ ข้าพเจ้ารู้สึกสังเวช "เจ้า" พวกนี้มาก และรู้สึกแค้นแทนในความทารุณและความอยุติธรรมของธรรมชาติ การเป็นคนจนอยู่ในหมู่ยาจกนั้น เป็นสิ่งที่อาจหาความสบายได้ แต่ถ้าจะเป็นยาจกอยู่ในหมู่เศรษฐี หรือผู้มีเกียรติยศนั้น...ข้าพเจ้าจะหยุดอยู่แต่เพียงนี้ อย่าให้ข้าพเจ้าเปรียบต่อไปอีกเลย"
และชีวิตของท่านชาย คงเป็นชีวิตที่อาภัพและรันทดจริง เพราะถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงจากผลงานทางด้านการประพันธ์แล้ว หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ ทรงประสบกับความผิดหวังในเรื่องความรักและชีวิต เนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจตกต่ำจนถึงกับต้องเสด็จหนีไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฮ่องกงในปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2474 ดำรงชีวิตด้วยการเขียนบทความภาษาอังกฤษลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฮ่องกง และสุดท้ายสิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2475 ตามเอกสารฮ่องกงระบุว่าเสียชีวิตด้วยไข้มาเลเรีย แต่มีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเป็นการเปิดแก๊สฆ่าตัวตาย และปิดฉากละครแห่งชีวิตด้วยพระชนม์มายุเพียง 28 ชันษา
วันนี้…18 พฤษภาคม คล้ายวันสิ้นชีพิตักษัยของหม่อมเจ้า อากาศดำเกิง รพีพัฒน์ เลยขอนำผลงานที่ได้รับความนิยมที่สุดของท่าน มานำเสนอเพื่อเชิดชูพระเกียรติและพระปรีชาสามารถทางด้านการประพันธ์อีกครั้งกันในวันนี้
โฆษณา