20 พ.ค. 2021 เวลา 02:35 • การศึกษา
เมื่อยืนอยู่หน้าลิฟท์
เราจะเลือกไปขึ้นลิฟท์ไหนระหว่าง
"High Zone กับ Low Zone"
EP. 3 "ยิ่งเลื่อน...ยิ่งเรียนรู้ ,ยิ่งโต...ยิ่งเข้มแข็ง"
ชีวิตคนเรานั้นสามารถเลือกเส้นทางความฝันของเราได้เอง เพียงแต่ว่าใครจะมีความกล้ามากพอที่จะเริ่มต้นเส้นทางท้าทายในการสร้างฝันให้เป็นจริง
การฝันขึ้นที่สูง ก็มิได้น่าขบขันอะไรหากตั้งใจทุ่มเทอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนก็คุ้มค่าที่ฝันแล้ว
มีแนวทางการก้าวสู่"High Zone" ให้ลองปรับใช้ ด้วยการไต่บันได3ขั้น ดังนี้คือ
ขั้นที่หนึ่ง:: ต้องรู้จักตนเองให้ดีมากพอ
เมื่อคนเราจะทำสิ่งใด ต้องประเมินตนเองตามจริงให้ชัดเจน แล้วค่อยวางแนวทางไปอย่างเหมาะ จึงบรรลุได้จริงมิใช่ฝัน เพราะสิ่งที่เผชิญนั้นล้วนต้องหันกลับมาตั้งที่การจัดการตนเอง หาใช่สนใจที่ผู้อื่น
การรู้จักตนเองเพื่อจัดการตนเอง มีอย่างน้อย6ประการ ดังนี้
@จงเริ่มต้นอย่างมีเป็าหมาย ว่าเราจะทำอะไร เพื่ออะไรให้ชัดเจน ก่อนเสมอ
@จงเป็นในสิ่ง"ที่ตัวเราดีที่สุด"เท่าที่เรา"จะเป็นได้" ไม่ใช่มุ่งให้ดีกว่าผู้อื่น เพราะเราจะหลงทาง
@จงรักษาชื่อเสียงความเป็นตัวตนของเรามากกว่าการสร้างภาพลักษณ์ในสิ่งที่คนอยากให้เป็น สิ่งนี้ก็เพื่อให้เราคงรักษาเส้นทางที่ถูกต้องอย่างมั่นคง
@จงค้นพบจุดวิกฤติให้เจอ ก่อนที่จะมาถึงตัวเรา การป้องกันย่อมดีกว่ามานั่งแก้ไขในภายหลัง
@จงเรียนรู้ที่จะรักและยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะล้วนคือโอกาสสร้างความสำเร็จ
@จงสู้เพื่อชนะ ไม่ใช่ยอมแพ้อย่างง่ายดายในสนามจริงของชีวิต
ขั้นที่สอง:..ต้องรู้จักวิถีทางเดินที่ตรงจุด
ทุกการเดินทางย่อมมีอุปสรรคและความยากลำบากรออยู่เบื้องหน้าเสมอ จึงต้องพร้อมเผชิญได้ในทุกสถานการณ์
ทุกองค์กรต่างมีบันไดที่เป็นลักษณะเฉพาะของตนเอง จึงต้องทำความเข้าใจอย่างสอดคล้องกับรูปแบบในวัฒนธรรมการจัดการ
ก่อนที่จะขึ้นลิฟท์จงเรียนรู้ที่จะขึ้นลงในบันไดหนีไฟให้ได้เสียก่อน ยามฉุกเฉินย่อมคุ้นเคยเอาตัวรอดปลอดภัยได้
วิถีที่ควรเลือกปฏิบัติตน เพื่อก้าวขึ้นสู่ขั้นที่เหนือจากเดิมมี 6 ประการ ดังนี้
@ จงรู้ว่า ที่ไหนจึงเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด อย่าตัดสินตามความต้องการหรือตามความเห็นของใคร
สิ่งที่เราทำได้ถนัดดีที่สุด นั่นคือ สินทรัพย์ที่ติดตัวเราให้ไปถึงที่สูงได้ง่ายกว่า
@จงออกแบบหนทางไปอย่างไร้ขีดจำกัด
เมื่อคิดก้าวกระโดดออกจากกล่องที่คุ้นเคย เราไม่จำเป็นต้องสร้างหรือประดิษฐ์ตัวเราใหม่ทั้งหมด เพียงเริ่มต้น"ปรับจูนตนเอง"ให้แรงอย่างสอดคล้องกับเส้นทางก็เกินพอ
@จงคิดว่าเรานั้นทำได้และเชื่อมั่นในตัวเรา
เพราะเส้นทางไม่ใช่ถนนทางเรียบ หรือทางด่วนให้วิ่งเร็ว แต่คือเส้นทางขึ้นเทือกเขาสูงเสียดฟ้า ซึ่งไม่มีเวลามากพอให้หยุดท้อ และถอยลงมาไม่ได้ในระหว่างทาง
@จงใช้พลังเชิงบวกและมุ่งมั่นในสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ ความเพียรพยายามด้วยมุมานะ คือปัจจัยความสำเร็จและถือเป็นแก่นคุณลักษณะของผู้นำบนยอดเขา
@จงรู้จักจังหวะที่ลงตัวของตนเอง ในทุกสถานการณ์ที่ต้องจัดการตรงหน้าเสมอ ดุจดั่งนักกอล์ฟต้องเรียนรู้วงสวิงที่เหวี่ยงของตนเองว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน
@จงเอาชนะความกลัวด้วยความกล้า ตลอดเส้นทาง ล้วนมีบทพิสูจน์มาทดสอบอยู่เสมอ สิ่งสำคัญอย่าคิดว่า เรากำลังเข้ารอบ"Battle"กับใคร
การขึ้นที่สูงคือกระบวนการที่ต้องทำให้เป็นไปตามธรรมชาติ จึงควรมีความสุขในระหว่างที่ได้เดินทาง
ขั้นที่สาม: ต้องรู้จักสร้างแรงหนุนที่ทรงพลัง
พื้นฐานของความสำเร็จของคนที่จะก้าวขึ้นไปสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงได้นั้น ปฏิเสธได้เลยว่า ไม่มีใครสามารถก้าวขึ้นมาได้ด้วยตนเองเพียงลำพัง
คนที่ขึ้นมาได้อย่างสง่างามนั้นล้วนต้องมีแรงหนุนที่ทรงพลัง คือ จะต้องมี
"นายดึง...ลูกน้องดัน...เพื่อนหนุน..และคนยอมรับ"
ดังนั้นการสร้างแรงหนุนอันทรงพลังจากคนรอบด้านจึงต้องใช้เวลาตามสมควร ไม่มีหนทางลัดแน่นอน สิ่งที่ควรสร้างอย่างสม่ำเสมอมี5ประการ ดังนี้
@จงหมั่นรักษา การติดต่อกับคนสำคัญรอบด้าน ด้วยการให้ความสนใจความเป็นไปของบุคคลและองค์กรอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งทำตนเสมือนเป็น"Gate way"ในการสื่อสัมพันธ์ระหว่างกัน ในหลากหลายช่องทาง
@จงเชื่อมั่นและวางตนให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี บางทีเพียงแค่รอยยิ้มก็สามารถสร้างความรู้สึกอบอุ่นในน้ำใจต่อกันได้โดยแทบมิต้องพูดใดๆเลย
@จงพัฒนาสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนอยู่เสมอ
การมีเครือข่ายสายสัมพันธ์ที่ดีนี้ บางครั้งอาจต้องเลือกให้ดี เพราะบางกลุ่มอาจพาให้ต้องจมลงในวังวนด้วยเต็มไปด้วยเรื่องบั่นทอนใจเชิงลบ
กลุ่มที่ดีหน่อยคือกลุ่มที่เป็นเสมือน"ห่วงชูชีพ" มักมีสิ่งสร้างสรรค์เชิงบวกคอยช่วยพยุงกันได้
แต่ที่ดีที่สุดคือกลุ่มที่มีพลังคิดและทำอย่างProactive มีคำแนะนำดีๆ พลอยให้เชื่อมั่นและไม่ทอดทิ้งกัน
@จงวางตัว ให้มีความเสมอต้นเสมอปลาย แม้ในยามที่เป็นใหญ่และได้ดีแล้ว เพราะอย่าลืมว่าเราก้าวขึ้นมาถึงยอดเขาได้ ก็เพราะมีคนช่วยเหลือคอยส่งเสบียงและอุปกรณ์ให้เราอย่างดี
บางทีเขาเปรียบเสมือนเรือจ้างที่พายเรือมาส่งเราถึงฝั่ง จงอย่าถีบส่งหัวเรือไปอย่างไม่เคารพ
@จงเรียนรู้ทักษะสุนทรียภาพในการสนทนาและการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สัมพันธ์ดีมาจากการรู้จักรับฟังสิ่งที่คนอื่นพูด ไม่ใช่ฟังสิ่งที่ตนเองคิด ความเข้าใจนั้นมาจากการเปิดการสัมผัสฟังกันด้วยใจ ด้วยความระมัดระวังคำพูดทุกคำก่อนพูดเสมอ
เวลาพูดควรพูดให้เข้าใจง่ายและสามารถเห็นภาพตามได้ ก็ยิ่งได้รับการยอมรับเป็นแรงหนุนที่มั่นคง
เมื่อใดก็ตามที่เราเลือกอยากจะได้ขึ้นลิฟท์High Zone..จงพร้อมวางแผนชีวิตเพื่อก้าวข้ามไปสู่โอกาสที่ใฝ่ฝัน แม้เป็นเพียงบันไดแค่3ขั้น
ทุกขั้นล้วนไม่ง่ายนักแต่ก็ไม่มีวันยากจนเกินไปสำหรับผู้ที่ตั้งใจ และเตรียมความพร้อมไว้เผื่อ..ความฝันหยิบยื่นมาวางถึงตรงหน้า
ขออวยพรให้ทุกคนไปถึงฝันของตน..."LL&L20/5/64
โฆษณา