Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นักเรียนหมอเสเพล
•
ติดตาม
20 พ.ค. 2021 เวลา 12:39 • คริปโทเคอร์เรนซี
ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงติดดอย? รู้จัก loss aversion ทฤษฎีที่อธิบายการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผลของคน
https://www.istockphoto.com/illustrations/money-gone
สมมติคุณเลือกได้ระหว่างได้เงิน 50 บาทฟรีๆ กับมีโอกาส 50% ที่เราจะได้ 100 บาท หรือไม่ได้อะไรเลย คุณจะเลือกอะไร?
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่เลือกได้เงิน 50 บาท เพราะการันตีว่าได้แน่ๆใช่มั้ยครับ
แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น “ถ้าคุณต้องเสียเงินแน่ๆ 50 บาท กับมีโอกาส 50% ที่คุณจะเสีย 100 บาท หรือไม่เสียเลย คุณจะเลือกอะไร?” เชื่อมั้ยครับว่าคนส่วนใหญ่เลือกจะเสี่ยงเสียเงิน 100 บาททันที
ทั้งที่เป็นตรรกะเดียวกัน แต่ทำไมการตัดสินใจของเราถึงต่างกันเมื่อเปลี่ยนสถานการณ์เพียงเล็กน้อย? นี่แหละครับคือตัวอย่างของ loss aversion หรือคนเรามักกลัวการสูญเสียมากจนทำให้หลายๆครั้งตัดสินใจไม่สมเหตุสมผลได้ ดั่งเหตุการณ์ราคาบิตคอยน์ผันผวนช่วงปลายปี 2020 ถึงต้นปี 2021
ช่วงเดือนตุลาคมปี 2020 ถึงมีนาคมปี 2021 เหรียญบิตคอยน์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ทำให้ราคาสูงขึ้นจากประมาณ 10,000$ ไปสู่ 60,000$ ภายในครึ่งปี จนทำให้มหาเศรษฐีอย่าง elon musk ประกาศผ่าน twitter ว่าบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ tesla ของเขาได้ลงทุนในบิตคอยน์เช่นกัน และจะพิจารณาขายรถเทสล่าด้วยสกุลเงินบิตคอยน์ด้วย นักวิเคราะห์บางคนถึงกับทำนายไว้ว่าบิตคอยน์จะราคาสูงถึง 100,000$ ในไม่ช้า
แต่แล้วความฝันก็ดับสลาย เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2021 ราคาบิตคอยน์ได้ร่วงลงอย่างรุนแรง ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ Tesla ประกาศขายเก็งกำไรบิตคอยน์บางส่วน พร้อมระงับแผนรับซื้อรถยนต์ไฟฟ้าด้วยบิตคอยน์ ทำให้มีคนติดดอยเป็นจำนวนมหาศาล สร้างความไม่พอใจให้นักลงทุนทั่วโลก หลายคนกล่าวโทษมหาเศรษฐี Elon Musk ว่าจงใจปั่นราคาบิตคอยน์ผ่าน Twitter
กราฟแสดงราคาบิตคอยน์ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2018 ถึงพฤษภาคม 2021
แต่ในความเป็นจริง บิตคอยน์ก็มีพฤติกรรมตามวัฏจักรตลาดทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยขาขึ้นและขาลง โดยมีเหตุผลด้านจิตวิทยาและเศรษฐศาสตร์รองรับ ดังแสดงในรูป
ที่มา: https://milanaryal.com.np/the-psychology-of-a-market-cycle/
Elon Musk เป็นมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จ และเขายังจบปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์อีกด้วย แน่นอนว่าการที่เขาออกความคิดเห็นสนับสนุนหรือต่อต้านบิตคอยน์นั้น เขาแค่พูดตามสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นตามวัฏจักรตลาด ดังแสดงในอินโฟกราฟฟิกด้านล่าง
แล้ว loss aversion เกี่ยวอะไรกับแมงเม่าติดดอยล่ะ?
ถ้าสังเกตอินโฟกราฟฟิก จะเห็นว่า ช่วงที่แมงเม่าซื้อบิตคอยน์กราฟยังคงเป็นขาขึ้น คนที่ไม่มีความรู้เรื่องวัฏจักรตลาดเลยก็จะมองว่า ถ้าไม่ได้กำไรแน่ๆ อย่างน้อยก็คงเท่าทุน เพราะราคาไม่มีแนวโน้มจะลงเลย เปรียบเหมือนการรับเงินชัวร์ๆ 50 บาทในเหตุการณ์แรก ในทางตรงกันข้าม เมื่อแมงเม่าติดดอยแล้ว แทนที่จะตัดใจขาย หลายคนกลับเลือกที่จะถือต่อ เพราะหวังว่าราคาจะขึ้นมาอีก แต่สุดท้ายราคาก็ร่วงหนัก เปรียบเหมือนการเลือกยอมเสี่ยง 50% ที่จะเสียเงิน 100 บาท มากกว่าที่จะยอมเสียเงินไปเลย 50 บาทนั่นเอง
สุดท้ายนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาดีๆ และตัดสินใจอย่างมีเหตุผลทุกครั้งนะครับ บทความนี้เป็นการเสนอมุมมองทางวิชาการ ไม่ได้มีเจตนาชักชวนแต่อย่างใด
Ref: Loss aversion. (2021). Retrieved 20 May 2021, from
https://www.behavioraleconomics.com/resources/mini-encyclopedia-of-be/loss-aversion/
The psychology of a market cycle. (2021). Retrieved 20 May 2021, from
https://milanaryal.com.np/the-psychology-of-a-market-cycle/
2 บันทึก
1
4
23
2
1
4
23
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย