21 พ.ค. 2021 เวลา 02:16 • ประวัติศาสตร์
สงครามตัวแทนในยุคสามก๊ก
.
.
.
.
.
.
ในยุคสงครามเย็นที่แบ่งค่ายระหว่างสหรัฐอเมริกา (โลกทุนนิยม) และสหภาพโซเวียต (โลรบกสังคมนิยม) ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นมหาอำนาจที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการทหาร...
...แต่ทว่าทั้งสองฝ่ายกลับพยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมรบกันซึ่งๆ หน้าเลยสักครั้ง เนื่องด้วยต่างฝ่ายต่างก็มีอาวุธร้ายแรง หากทำสงครามเต็มรูปแบบ ถึงแม้สุดท้ายฝ่ายใดจะชนะ โลกก็เกิดความเสียหายอย่างหนักหนาสาหัสเกินกว่าจะเยียวยาได้ เข้าทำนอง 'ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกราญ"...
มหาอำนาจทั้งสองฝ่ายจึงเลือกที่จะเข้าแทรกแซงประเทศโลกที่สาม เพื่อแพร่อิทธิพลทางการเมืองเข้าครอบงำ รวมไปถึงการสนับสนุนชนพื้นเมืองฝ่ายของตัวเองทำสงครามโค่นล้มชนพื้นเมืองด้วยกันที่เป็นบริวารของมหาอำนาจอีกฝ่าย ดั่งที่เกิดขึ้นในเกาหลี คิวบา เวียดนาม คองโก ลาว กัมพูชา อัฟกานิสถาน นิการากัว เรียกว่า "สงครามตัวแทน"...
.
.
.
ในช่วงต้นยุคสามก๊ก ก็มีเหตุการณ์สงครามตัวแทนทำนองนี้อยู่เช่นกัน....
ปี 191 โจโฉและอ้วนเสี้ยวรวบรวมกองทัพพันธมิตรจากที่ต่างๆ มากถึง 18 หัวเมือง เพื่อทำสงครามโค่นล้มทรราชตั๋งโต๊ะ แต่เหล่าเจ้าเมืองต่างๆ กลับแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันไปมาโดยที่ไม่ได้เห็นแก่ส่วนรวมอย่างแท้จริง ทำให้การทัพ 18 หัวเมืองประสบความล้มเหลวไม่เป็นท่า และได้แตกทัพแยกย้ายกลับเมืองตัวเอง
ต่อมาเหล่าเจ้าเมืองทั้ง 18 คนก็ต่างจะแย่งชิงอำนาจปกครองกับอีกฝ่ายไปมา โดยอ้วนเสี้ยวมีความขัดแย้งกับกองซุนจ้านและซุนเกี๋ยนเพราะแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัว อ้วนสุดขัดแย้งกับเล่าเปียว ม้าเท้งแห่งเสเหลียงทำสงครามกับหันซุย แต่ภายหลังม้าเท้งกับหันซุยก็จับมือกันปกครองเสเหลียง โจโฉก็ไปตั้งอิทธิพลที่กุนจิ๋วบ้านเกิด เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็กลับไปอยู่ผิงหยวน (เพงงวนก้วน) คอยช่วยเหลือกองซุนจ้านทำศึกกับอ้วนเสี้ยว
ระหว่างนั้น สองพี่น้องอ้วนเสี้ยวกับอ้วนสุดดันมีเรื่องขัดแย้งกัน เพราะเรื่องความชอบธรรมในการเป็นทายาทของตระกูลอ้วน อ้วนสุดจึงจับมือกับกองซุนจ้านทำศึกกับอ้วนเสี้ยว และพยายามร่วมมือกับโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วช่วยสนับสนุนอีกทาง ซึ่งนั่นก็ทำให้อ้วนสุดมีเหตุปะทะกับโจโฉบ่อยครั้ง เพราะเขตกุนจิ๋วของโจโฉตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเขตของอ้วนเสี้ยวและอ้วนสุด โจโฉจึงเลือกเป็นพันธมิตรกับอ้วนเสี้ยวและเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ทำสงครามเอาชนะอ้วนสุดไปได้
ต่อมาโตเกี๋ยมพยายามหันมาผูกมิตรกับโจโฉ ด้วยการให้ความคุ้มครองโจโก๋พ่อของโจโฉและครอบครัว แต่หนึ่งในลูกน้องของโตเกี๋ยมบุกเข้าปล้นฆ่าโจโก๋และครอบครัวตายเรียบ ทำให้โจโฉใช้เป็นข้ออ้างบุกโจมตีชีจิ๋วของโตเกี๋ยม และได้สังหารชาวชีจิ๋วตามรายทางเพื่อข่มขวัญอีกด้วย แต่ยังไม่ทันได้ยึดชีจิ๋ว ลิโป้กับตันก๋งก็แอบโจมตีหัวเมืองในกุนจิ๋วตลบหลังโจโฉ จนโจโฉเกือบพลาดท่าแก่ลิโป้ที่ปักเอี้ยง ทางด้านโตเกี๋ยมก็ได้ล้มป่วยและเสียชีวิตลง ทิ้งให้ชีจิ๋วอยู่ในการดูแลของเล่าปี่ต่อไป
ปีต่อมา โจโฉปราบลิโป้จนเตลิดหนีไปพึ่งเล่าปี่ที่ชีจิ๋ว อีกทั้งยังชิงฮ่องเต้มาจากลิฉุย กุยกี ตั้งตัวเป็นสมุหนายกที่ฮูโต๋ กลายเป็นผู้ที่มีความชอบธรรมมากที่สุดในแผ่นดิน สามารถออกราชโองการจัดการฝั่งตรงข้ามได้ตามใจชอบ (เพราะมีฮ่องเต้ไว้ในมือ) แต่โจโฉก็ยังไม่ละความพยายามที่จะยึดครองชีจิ๋วจากเล่าปี่ ซุนฮกจึงแนะนำให้โจโฉทำตามแผน "สองเสือหิวแย่งอาหาร" ส่งจดหมายยุยงให้เล่าปี่กับลิโป้ฆ่ากันเอง เล่าปี่อ่านแผนออกเลยไม่ยอมทำตาม มีแต่เตียวหุยที่คิดจะฆ่าลิโป้ เพราะเห็นว่าลิโป้เป็นคนเนรคุณ อยู่กับใครก็หักหลังคนนั้น
ขณะนั้น อ้วนสุดที่รอโอกาสมานาน ก็พยายามขยายอิทธิพลรุกล้ำเข้าเขตอิทธิพลของโจโฉอีก โจโฉไม่อยากเปลืองตัวไปทำสงครามกับอ้วนสุด เพราะทหารเพิ่งพักฟื้นจากการทำสงครามกับลิโป้ ซุนฮกจึงออกอุบาย "เสือกินหมาป่า" แต่งตั้งให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว และส่งราชโองการให้เล่าปี่บุกโจมตีอ้วนสุดทันที เหตุที่ซุนฮกแนะนำอย่างนี้ ก็เพื่อหวังที่จะบั่นทอนกำลังของเล่าปี่และอ้วนสุดจนไม่เป็นภัยคุกคามโจโฉในอนาคต ผลก็คือลิโป้นำทหารมายึดเมืองชีจิ๋วจากเล่าปี่หน้าด้านๆ เล่าปี่จึงพ่ายแพ้ต่อทัพอ้วนสุด และยอมจำนนต่อลิโป้ในที่สุด
อ้วนสุดเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะกำจัดเล่าปี่ ดังนั้นอ้วนสุดจึงให้ลิโป้โจมตีเล่าปี่ตลบหลังหลายครั้ง แล้วตัวเองจะให้สินบนแก่ลิโป้ตอบแทน แต่พอลิโป้ทำตามสัญญา อ้วนสุดกลับเบี้ยวไม่ยอมทำตามที่พูดไว้ ลิโป้จึงแก้เผ็ดอ้วนสุดด้วยการยิงธนูเสี่ยงทายห้ามศึกเล่าปี่กับกิเหลง พออ้วนสุดส่งหันอิ้นเป็นทูตมาสู่ขอลูกสาวลิโป้ ลิโป้ก็ส่งทหารไปชิงตัวลูกสาวกลางทาง พร้อมทั้งส่งตัวหันอิ้นไปให้โจโฉฆ่าอีก...
สถานการณ์ตอนนี้ โจโฉเป็นฝ่ายนั่งกระดิกเท้าที่ฮูโต๋ดูเล่าปี่ ลิโป้ และอ้วนสุดทำสงครามกันอย่างสบายใจ อีกทั้งภายหลังลิโป้หักหลังเล่าปี่จนเล่าปี่หนีมาที่ฮูโต๋ โจโฉก็ต้อนรับอย่างดี แล้วยังได้เล่าปี่มาเป็นพันธมิตรเพิ่มด้วย
ส่วนอ้วนสุดก็เสียหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แทบไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันในการศึกครั้งนี้ อีกทั้งเหล่าขุนนางและหัวเมืองพันธมิตรก็ทยอยตีจากอ้วนสุดไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นซุนเซ็ก กองซุนจ้าน และลิโป้...
ตอนที่โจโฉรับเล่าปี่เข้ามาเป็นพวก ซุนฮกและเทียหยกบอกว่าเล่าปี่มีความทะเยอทะยานแรงกล้าไม่น้อยหน้าโจโฉ หากปล่อยไว้นานจะเป็นภัย ควรรีบกำจัดเล่าปี่ กุยแกก็แนะนำว่าให้เก็บเล่าปี่ไว้สร้างความชอบธรรมที่จะดึงคนมาเข้าพวกกับโจโฉ...
แต่คนอย่างโจโฉก็มีแผนการที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น เขาคิดจะหลอกใช้เล่าปี่ไว้กำจัดขุมกำลังต่างๆ ที่แข็งข้อทั่วแผ่นดินให้สิ้นซาก โดยเฉพาะอ้วนเสี้ยว อ้วนสุด ลิโป้ โดยที่โจโฉทำหน้าที่แค่ชักใยเล่าปี่อยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องลำบากออกหน้าด้วยตัวเอง ซึ่งในภายหลัง โจโฉก็สามารถกำจัดเสี้ยนหนามอย่างลิโป้และอ้วนสุดลงได้สำเร็จ....
เรียกได้ว่า โจโฉได้กำไรทั้งต้นทั้งดอกแบบ "เสือนอนกิน"...!
.
.
.
.
.
.
.
น่าแปลกนะครับ ที่โจโฉกับอ้วนสุดต่างก็มีเขตอิทธิพลเข้มแข็งไม่แพ้กัน โดยรวมแล้วโจโฉก็เหนือกว่า ถ้ารบกันตรงๆ น่าจะเอาชนะอ้วนสุดได้ไม่ยาก แต่กลับหลอกใช้เล่าปี่ทำสงครามกับอ้วนสุด ส่วนอ้วนสุดเองก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับโจโฉและเล่าปี่ แต่กลับหลอกใช้ให้ลิโป้กำจัดเล่าปี่เช่นกัน ซึ่งหากลิโป้และอ้วนสุดร่วมมือกันอย่างจริงจัง อ้วนสุดอาจจะเอาชนะทั้งเล่าปี่ โจโฉ เล่าเปียว ซุนเซ็ก เทียบชั้นกับอ้วนเสี้ยวผู้เป็นพี่ชายเลยก็ได้....
คำตอบก็คือ ไม่มีผู้นำคนไหนยอมเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ ในสถานการณ์ที่แผ่นดินแบ่งเป็นหลายก๊กหลายเหล่าแบบนี้ ผลประโยชน์เท่านั้นที่จีรังยั่งยืนที่สุด ผู้นำหลายคนเลยมักที่จะหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกันตรงๆ เพราะอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย แต่เลือกที่จะยืมมือคนอื่นทำสงครามบั่นทอนศักยภาพของฝ่ายตรงข้าม ส่วนตัวเองก็คอยชักใยรับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังอย่างสบายๆ....
ในขณะที่คุณพยายามเอาชนะฝ่ายตรงข้าม คุณเคยสังเกตมั้ยว่า ใครกันแน่ที่ได้รับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังจากเรื่องของคุณที่แท้จริง.....
โฆษณา