22 พ.ค. 2021 เวลา 06:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
โรคหลายอัตลักษณ์ ∙ หนึ่งร่างกายหลายตัวตน
(Dissociative Identity Disorder: DID)
มนุษย์หนึ่งคนย่อมมีหนึ่งอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง เพียงหนึ่งอัตลักษณ์เท่านั้นที่มนุษย์หนึ่งคนสามารถมีได้ แต่หากมีมากกว่าหนึ่งเราจะเรียกอาการนั้นว่า "โรคหลายอัตลักษณ์" โรคที่ในร่างกายของพวกเขามีหลายตัวตนอยู่ในนั้น และตัวตนเหล่านั้นก็จะผลัดเวรออกมาเผชิญโลกภายนอกตามสถานการณ์ต่างๆ ในกลางดึกเขาอาจจะเป็นฆาตรกรเลือดเย็นที่ปลิดชีวิตคุณลุงข้างห้อง เช้าตรู่ในวันถัดมาเขาอาจจะกลายเป็นชายหนุ่มใจดีที่กำลังสงสัยว่าคุณลุงข้างห้องของเขานั้นตายได้อย่างไร ใช่...เขาจำไม่ได้ว่าเขานั่นแหละคือฆาตรกร
ต้องทำความเข้าใจว่า "โรคหลายบุคลิก" และ "โรคหลายอัตลักษณ์" ไม่ใช่ภาวะอย่างเดียวกัน จริงอยู่ว่าเราเคยเรียกโรคหลายอัตลักษณ์ว่าหลายบุคลิก แต่ข้อโต้แย้งก็มีอยู่ว่าการที่มนุษย์คนหนึ่งมีหลายบุคลิกนั้นคือเรื่องปกติ ในที่ทำงานเราอาจเป็นผู้จัดการสุดโหดและโคตรดุ แต่ตอนอยู่กับครอบครัวอาจจะเป็นลูกสาวที่แสนอบอุ่นใจดีก็ได้ นั่นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่มนุษย์ต้องปรับตัวตามสิ่งแวดล้อม ดังนั้นนิยามคำว่าหลายบุคลิกจึงไม่จัดว่าเป็นโรค การใช้คำว่าหลายอัตลักษณ์แทนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
จุดเริ่มต้นของโรคหลายอัตลักษณ์มักเกิดจากเรื่องราวกระทบกระเทือนใจแบบสุดโต่งในวัยเด็ก เช่น การโดนทำร้ายร่างกาย การโดนข่มขืน การอยู่ในภาวะกดดัน อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโรคหลายอัตลักษณ์สามารถหาได้ยากมาก เพราะเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็กไม่ได้ทำให้เกิดโรคหลายอัตลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตอื่นๆได้อีกมากอย่างเช่นโรคPTSDหรืออาจจะไม่เกิดโรคใดๆขึ้นเลย นั่นขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของแต่ละคนรวมถึงองค์ประกอบอื่นที่ละเอียดอ่อน และอย่างที่เกริ่นมาก่อนหน้านี้ว่าผู้ที่เป็นโรคอัตลักษณ์หมายถึงคนที่มีหลายตัวตนอยู่ในร่างเดียวกัน หากยังเห็นภาพไม่ชัดเจนผู้เขียนจะขออธิบายในย่อหน้าต่อไป
ในหนึ่งร่างกายของผู้ที่เป็นโรคอัตลักษณ์จะมีตัวตนตั้งแต่2ตัวตนขึ้นไป กล่าวคือมีคน2คนหรือมากกว่านั้นอาศัยอยู่ในร่างกายเดียวกัน คนแรกเป็นนักเรียนชายชื่อซัน อายุ17ปี ขยันและตั้งใจเรียน ชอบกินสลัดเป็นชีวิตจิตใจ คนที่สองเป็นพนักงานรับจ้างส่งหนังสือพิมพ์ ชื่อบิว อายุ20ปี และเกลียดผักเป็นที่สุด สองคนนี้จะผลัดกันออกมาปรากฏตัวและใช้ร่างกายในเวลาต่างกัน ขึ้นอยู่กับสิ่งกระตุ้น สภาวะจิตใจ หรือปัจจัยอื่นที่เหนือการควบคุม และบางทีพวกเขาที่อาศัยร่างเดียวกันอยู่อาจจะรู้จักกันหรือไม่รู้จักกันก็ได้
5
เด็กชายชื่อซันต้องไปโรงเรียนมัธยมในตอนเช้า เขาง่วงมากและผล็อยหลับไปบนรถประจำทาง แต่พอตื่นขึ้นมาเขาอาจจำไม่ได้ว่าเขามาทำอะไรบนรถประจำทาง เพราะว่าตอนนี้ตัวตนที่ปรากฏไม่ใช่ซันแต่เป็นบิว พนักงานส่งหนังสือพิมพ์อย่างไรล่ะ
อาการดังกล่าวมีรายละเอียดยิบย่อยและเป็นสิ่งละเอียดอ่อน และเนื่องด้วยโรคนี้สามารถหาได้ยาก ข้อมูลและความกระจ่างชัดรวมถึงผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้จึงน้อยมากตามไปด้วย เคสผู้ป่วยโรคหลายอัตลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ได้แก่ หลุยส์ วิเวต์ เราพบ10ตัวตนในร่างของเขา , คริส คอสท์เนอร์ ไซส์มอร์ พบ22ตัวตน , บิลลี มิลิแกน พบ24ตัวตน , คิม โนเบิล พบมากกว่า100ตัวตน ฯลฯ
ในส่วนของการรักษาปัจจุบันยังไม่มีการรักษาสำหรับโรคหลายอัตลักษณ์โดยเฉพาะแต่จะเป็นการรักษาด้วยการบำบัดให้อาการทุเลาลง ซึ่งมีการใช้ยาหรือการสะกดจิตร่วมด้วยเพื่อทำให้อัตลักษณ์เหล่านั้นรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผู้ที่เป็นโรคหลายอัตลักษณ์นั้นมีอยู่น้อย ผู้ที่รู้ตัวว่าตนเป็นโรคหลายอัตลักษณ์ก็มีอยู่น้อยลงไปอีกเช่นกัน แล้วคุณล่ะ? เคยจำไม่ได้ว่ามายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรหรือไม่ เคยได้ยินเสียงคนอื่นอยู่ในหัว รู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ ตื่นมาในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ในบันทึกไดอารี่ของคุณมีลายมือของคนอื่นปรากฏอยู่ทั้งๆที่คุณเก็บมันไว้อย่างดีและไม่เคยให้ใครเขียนเลย หรือคนรอบข้างบอกว่าคุณมีนิสัยผิดแปลกไปอย่างสิ้นเชิงทั้งที่คุณก็รู้สึกว่าปกติดีหรือไม่ หากคุณเคยเป็นแบบนั้น มันอาจจะหมายความว่าคุณเป็นโรคหลายอัตลักษณ์อยู่ก็ได้ .
ขอบคุณข้อมูลจากพันทิปและเว็บไซต์
ขอบคุณภาพจาก https://pixabay.com/th/users/geralt-9301/
โฆษณา