21 พ.ค. 2021 เวลา 09:33 • สุขภาพ
ต้านโควิด-19 ไทย vs ฝรั่ง
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
https://www.abc.net.au/news/2021-05-17/queensland-coronavirus-antiviral-treatment-covid-19/100144370
เมื่อวาน ผมรับใช้ถึงข่าวที่สถาบันสุขภาพเมนซีส์ ม.กริฟฟิธ ออสเตรเลีย +  สถาบันวิจัยซิตี้ออฟโฮปของสหรัฐ ประกาศผลิตยาที่ทำให้ไวรัสในปอดของสัตว์ทดลองลดลงได้ถึงร้อยละ 99.9
ผมขอข้อมูลจากนักวิจัยและอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่ง เรื่องโอกาสของยาป้องกันและรักษาโควิด-19 ของไทย ซึ่งขอนำมาถ่ายทอดต่อในวันนี้
“ขณะนี้ ถือว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันจึงได้รับการอนุญาตให้ใช้ในมนุษย์ โดยไม่ได้ผ่านการทดลองในสัตว์”
“นักวิจัยและแพทย์ไทยกำลังพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทาน ซึ่งผมเชื่อว่ามีโอกาสป้องกันและรักษาโควิด-19 ได้  ยาต้านโควิด-19 ของฝรั่งไปโจมตีที่ยีนเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ของฝรั่งไม่ได้บอกว่าไปโจมตีกี่จุด จึงเปรียบเหมือนการยิงลูกโดด ถ้าพลาดไปก็ใช้การไม่ได้เลย แต่ของไทยเปรียบเหมือนใช้ลูกปรายยิง ยังไงก็ต้องยิงโดนเข้าสักนัด”
1
“ยาต้านไวรัสของฝรั่งใช้เวลาอีก 2 ปีจึงจะนำมาใช้ได้ แต่ของไทยใช้เวลาแค่ 2 เดือน การจะผลิตยาต้องมีการวิจัยในสัตว์ทดลองเพื่อจะดูว่าเป็นพิษหรือเปล่า ของไทย อ.ย. รับรองว่าเป็นอาหารแล้ว ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่มีพิษ ในแง่ของพิษวิทยานั้นจึงไม่ต้องตรวจสอบแล้ว”
“จึงเหลือเพียงขั้นตอนเดียว คือขั้นตอนการทดลองในมนุษย์ที่ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ต้องมีการเจาะหาเชื้อ ภูมิคุ้มกัน ค่าอักเสบ ค่าเลือด และค่าอื่นๆ ที่ต้องการศึกษา  ให้ยาจริงกับผู้ป่วยแล้วก็วัดค่าต่่างๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อพ้น 2 สัปดาห์ก็จะได้คำตอบว่าเชื้อหายไปทั้งหมดกี่ราย ระดับภูมิคุ้มที่เกิดเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคนไข้ที่ได้รับยาหลอก ข้อมูลจะใช้ในการขอขึ้นทะเบียนเป็นยาได้”
“...ของฝรั่งใช้อนุภาคไขมันเป็นตัวนำเข้าสู่ปอด ส่วนของไทยใช้แมกนีเซียมออกไซด์ซึ่งปลอดภัยกว่าและถูกจัดให้เป็นอาหารอยู่แล้ว”
ผมถามอาจารย์หมอว่าเมื่อเป็นแมกนีเซียมเหมือนกันทั้งหมด จะใช้ดูแลอวัยวะที่ต่างกันได้อย่างไร
“คนส่วนใหญ่ติดอยู่กับ Platform เดิม คือ Chemical Platform เป็นแพลตฟอร์มทางสารเคมีที่ใช้กันเป็นปกติในปัจจุบัน ที่พิจารณาจากองค์ประกอบของเคมีแต่ละตัวที่อยู่ในตัวยาว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนทางเคมี ตัวยาก็เปลี่ยนและใช้รักษาโรคที่ต่างกันออกไป”
“ของเราใช้ Information Platform ซึ่งไม่เกี่ยวกับสารเคมี ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพชัดก็คือ เป็นแผ่นซีดีที่มีการลงรหัสที่ต่างกัน จึงทำให้เพลงข้างในซีดีต่างกันไป ทุกตัวใช้แมกนีเซียมออกไซด์เหมือนกัน แต่มีการลงรหัสเปิด-ปิดยีนที่ต่างกัน ก็จะเข้าไปดูแลอวัยวะที่ต่างกัน”
“ในอดีต เราแก้ปัญหาด้วยการนำของจากต่างประเทศมาใช้เกือบทั้งสิ้น แม้แต่วัคซีนที่ผลิตกันก็นำความรู้จากข้างนอกเข้ามา ถ้าจะพึ่งตนเอง เราต้องสนับสนุนให้คิดและวิจัยในประเทศ การทำวิจัย 100 ครั้ง หากได้ผลและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ยังถือว่ามีประโยชน์ เราจึงจำเป็นต้องสนับสนุนให้มีการวิจัยกันอย่างขนานใหญ่”
“จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ถ้าหากเรามีผู้ป่วยโควิด-19 ที่รอการรักษาเป็นจำนวนมากที่ได้รับเพียงยาพารา โดยเราไม่ได้ใช้เคสเหล่านี้มาทำวิจัย”
“เรามีสมุนไพรที่อาจจะใช้รักษาผู้ป่วยได้ แต่เพราะไม่สนับสนุนให้มีการวิจัย  ตอนนี้มีแต่ข่าวในโซเชียลว่าสมุนไพรบางชนิดรักษาโควิด-19 ได้ จากนั้นก็มีคนโพสต์โจมตีว่า เป็นข้อมูลเท็จเพราะไม่มีงานวิจัยสนับสนุน ผมอยากถามว่า ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ทำวิจัยสนับสนุนกันเล่าครับ”
คุณหมออธิบายให้ผมฟังยาวกว่านี้หลายเท่า แต่จำกัดด้วยพื้นที่ จึงต้องขอตัดออกเยอะ หากรัฐบาลสนใจ ผมเชื่อว่าคุณหมอและทีมวิจัยพร้อมที่จะไปอธิบายรายละเอียดครับ.
2
โฆษณา