21 พ.ค. 2021 เวลา 16:11 • ปรัชญา
เมื่อจักรวาลส่งสัญญาณ | When Universe sends you the sign.
1
จักรวาล (Universe)
กำลังสื่อสารพูดคุย เรียกร้องความสนใจ
กำลังพยายามชี้นำ และปลุกให้เราตื่นจากภวังค์
1
มีสัญญาณบ่งบอกมากมาย แต่!!
เรามองเห็นสัญญาณเหล่านั้นหรือเปล่า?!
1
กี่ครั้งกี่หนที่เราคาดหวังว่าในชีวิตจริงนั้น
น่าจะมีอะไรคอยชี้นำว่าเส้นทางไหนควรจะเดิน
และเส้นทางไหนควรออกห่าง
1
กี่ครั้งกี่หนที่เราตั้งคำถามกับบางอย่าง
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับคำตอบนั้นจากไหน
1
ถ้าหากลองพยายามทำความเข้าใจการสื่อสารของจักรวาล (Universe) ชีวิตเราน่าจะเกิดความสับสนน้อยลง น้อยลงไปเยอะ และจะพบคำตอบว่าหลายๆสิ่งมันมีที่มาที่ไป
1
ใดใดคือเราอยู่ในโลกแห่งความจริงทางกายภาพ
และไอ้ Physical Limitations นี้เอง
ไม่สามารถทำให้เราเชื่อเเละมองเห็น
ว่าสิ่งเหนือธรรมชาติจะมาแตะเราที่บ่า
แล้วนำทางด้วยประโยคที่ว่า
"ใช่! ชั้นคิดว่าเธอควรรับงานนั้น"
1
หรือ
"ไม่! อย่าเดินไปทางนั้นนะ ชีวิตเธอจะพัง"
เหตุนี้นี่เองเราจึงต้องพยายามสังเกตุ
จิตใต้สำนึก ลางสังหรณ์ และสัญญาณต่างๆ
พอๆกับเรื่องที่เป็น Practical
1
กุญแจสำคัญคือ Slow down
และอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ไม่ว่อกแว่ก
หากในหัวมีเรื่องกังวลมากเกินไป
หากชีวิตเร่งรีบมากเกินไป
หากมัวแต่วุ่นวายคอยตัดสินคนอื่น
หรือหงุดหงุดรุงรังตลอดเวลา
เราจะไม่มีทางรับรู้ถึงสัญญาณต่างๆรอบตัว
1
ที่พูดมาทั้งหมด มาดูกันดีกว่า
ว่าปกติแล้ว Universe Spirit เนี่ย
จะสื่อสารกับเราในรูปแบบไหน
1
▶️ ผ่านผู้คน (People)
จักรวาลมีวิธีใช้ผู้คนในการส่งสาร ไม่ว่าจะจากการได้พบเจอคนแปลกหน้า ผู้คนที่เป็นใคร มาจากไหนก็ไม่รู้
แต่สามารถบอกกล่าวหรือสอนให้เราเข้าใจอะไรในชีวิต รวมถึงจุดประกายไอเดียความคิด หรือกระตุ้นให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น
1
▶️ ความบังเอิญ (Synchronicity)
ความบังเอิญเป็นวิธีที่ทรงพลังที่สุดวิธีหนึ่งที่ Universe จะสื่อสารกับเรา และเมื่อได้พบเจอกับเรื่องบังเอิญบ่อยๆเข้าเราจะเริ่มมีความตื่นตัว (Awakening) บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องหาคำตอบของความบังเอิญ เพียงแค่เข้าใจและตระหนักอยู่เสมอว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุและผล
1
ตัวอย่างเช่น เราขับรถไปทำงานและเห็นเด็กน้อยกับลูกโป่งสีแดง จากนั้นเพื่อนที่ออฟฟิศได้รับลูกโป่งสีแดงที่แฟนหนุ่มส่งมาเซอร์ไพรซ์วันเกิด หลังจากนั้นระหว่างทางกลับบ้านก็เจอลูกโป่งสีแดงอีกครั้ง เหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ? เราว่าไม่ ..
1
▶️ ตัวเลข (Numbers)
การเห็นรูปแบบหรือตำแหน่งของตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นจากทะเบียนรถ บ้านเลขที่ เบอร์โทรศัพท์ หน้าจอโทรศัพท์
1
เช่นหากเห็นตัวเลขซ้ำๆ ไม่ว่าจะเป็น 1:11, 2:22, 3:33, 12:34 เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเรามาถูกทางเเล้ว ลำดับตัวเลขแต่ละตัวมีความหมายที่เฉพาะเจาะจง หากใครได้ศึกษาและวิเคราะห์ความหมายของตัวเลขใน Numerology
1
▶️ ความฝัน (Dreams)
เคยฝันถึงอะไรเเล้วตื่นมารู้สึกว่ามันโคตร Real มั๊ยล่ะ? ในฝันน่ะเจอใคร? เค้าพูดอะไร? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในนั้น?
1
หรือเคยมั้ยกับการฝันถึงอะไรซ้ำๆ บางครั้งก็ฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องเดิมๆ ซึ่งมันอาจจะหมายถึงความกลัวที่มีอยู่ลึกๆในใจและมันก็ต้องการการเยียวยา
1
▶️ ความพ่ายแพ้ อุปสรรค สิ่งกีดขวาง และความล่าช้า (Setbacks, roadblocks, detours and delays)
ไม่ว่าที่ไหนก็ตามในโลกนี้ หากอยู่ๆเที่ยวบินดีเลย์ หรือการนัดสัมภาษณ์งานถูก cancel นี่อาจจะเป็นตัวแปลให้เราเลือกเดินอีกทาง หรือเลือกทำสิ่งที่ต่างออกไปจากที่แพลนไว้
1
▶️ ความรู้สึกลงตัวในชีวิต
ข้อนี้แตกต่างจากความล้มเหลวหรืออุปสรรค หากตอนนี้รู้สึกว่าอะไรๆในชีวิตมันช่างลงตัว รู้สึกปลอดภัยและ Inspired นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดีที่สอดคล้องกับความเป็นจริงในตัวเรา
1
คำแนะนำคือ ลองสังเกตุความเป็นไปของสัญญาณต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าหากมันเกิดขึ้นซ้ำๆในช่วงเวลาสั้นๆ หรือถ้าหากมันเกิดขึ้นเป็นระยะตลอดเวลา
Persistence and repetition คือวิธีที่บ่งบอกว่า จักรวาลกำลังพยายามบอกอะไรเรา
1
เมื่อสัญญาณเหล่านี้ถูกส่งมา ไม่ต้องพยายามหาคำตอบหรือคิดวิเคราะห์อย่างจริงจัง เพราะถ้าเรา read between the lines มากเกินไปมันจะไม่ใช่สัญชาตญาณ เพราะจักรวาลจะแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาดแบบเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนเสมอ
1
จำไว้ว่า Universe รู้ถึงความต้องการของเราก่อนที่เราเองจะรู้ตัวซะอีก
1
A LITTLE STORY TELLER
โฆษณา