30 พ.ค. 2021 เวลา 12:10 • ความคิดเห็น
.ธรรมชาติหูของมนุษย์ มักนิยมฟังแต่สิ่งที่ไพเราะหู.
"พูดดี เป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากเป็นสี" ไม่ว่ายุคสมัยไหนประโยคนี้ยังคงใช้ได้ตลอดกาล นอกจากประโยคนี้แล้ว อีกประโยคที่น่าจะเกี่ยวข้อง "คำพูดส่อกิริยา วาจาส่อสกุล"
ที่ยกตัวอย่างมานี้ อยากอธิบายที่มาธรรมชาติหูของมนุษย์ ไม่มีการพาดพิงถึงใครใดๆ ทั้งสิ้น สาเหตุที่ดิฉันกล่าวเช่นนี้ เพราะโดยส่วนตัวจะเป็นคนโกรธง่ายด้วยคำพูดตั้งแต่เด็ก ไม่ได้พูดหวานมาก แต่พยายามไม่พูดจาหยาบคายให้ติดเป็นนิสัย ฉะนั้นจึงเลือกพูดแต่คำพูดที่ถนอมน้ำใจคนฟัง
ด้วยความที่พ่อ-แม่เป็นคนหัวโบราณ คนบ้านนอกสมัยก่อน ค่อนข้างจะเป๊ะเรื่องมารยาท คำพูดคำจาพูดกับผู้ใหญ่ พูดจาอย่าปีนเกลียว เวลากินข้าวบ้านนอก นั่งกับพื้น ลูกสาวบ้านนี้ต้องนั่งพับเพียบเท่านั้น ห้ามนั่งขัดสมาธิ เพราะถือไม่งาม ได้นั่งขัดสมาธิกินข้าวก็ตอนอายุ เกือบยี่สิบกว่าๆเห็นจะได้
บวกกับเหตุการณ์ที่ถือว่ามันคือจุดเปลี่ยนที่สร้างนิสัยให้กับตัวเองมาจนปัจจุบันนี้ ไม่ได้พูดดีเพื่อสร้างภาพ แต่พูดด้วยธรรมชาติของตัวเอง ที่บ้านมีลูกสาว 4 คนในครอบครัว (ไม่รวมชาย คนสมัยก่อนลูกดก) เป็นลูกคนเล็ก มีพี่สาวคนโต คนรองและคนกลาง
แน่นอนแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน มีดีมีแย่ว่ากันไป พี่สาวคนรองเป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก พูดจาห้วนๆ "นางปากร้ายแต่ใจดี" นางจะพูดกับทุกคนแบบห้วนๆหรือคนโบราณเรียก พูดเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ ด้วยความที่หูบอบบางตั้งแต่เด็กๆ ไม่ชอบคำพูดจาที่แข็งๆ กร้าวๆ เท่าไหร่
มนุษย์ทุกคนเวลาโกรธ จะ IQ ดีแค่ไหนก็ตาม โกรธขึ้นมา EQ ก็ต่ำทุกคน พี่สาวคนกลาง "มีปมด้อย" ที่แขน เพราะในสมัยเด็ก หน้าหนาวที่ต่างจังหวัดอากาศหนาวเย็นมาก ต้องใช้การจุดไฟช่วยเพื่อคลายความหนาว
 
เหตุนี้เองที่ทำให้พี่สาวคนกลาง สมัยนั้นเด็กมาก ผิงไฟแล้วเกิดล้มใส่กองไฟ โดนแขนบริเวณข้อพับจนเป็นแผลเป็น เคาระห์ซ้ำได้สร้างตำหนิให้นางอีก 1 จุด บริเวณแขนข้างเดิม เกิดเหตุรถมอเตอร์ไซด์ล้มเป็นแผลบริเวณข้อมือ มีการรักษาแต่ไม่ทราบด้วยเหตุใด จึงเป็นแผลเป็นที่ข้อมือ ข้อมือยึด ยืดตรงไม่ได้ นางต้องใส่เสื้อแขนยาวเพื่อปกปิด มีตำหนิในร่างกายอยู่ 2 จุด ภาษาบ้านนอกก็จะโดนล้อว่า "แขนด่าง" เมื่อครั้งพี่สาวคนกลางโมโหก็จะเรียกน้องว่า "อีด่าง" (มาจากคำว่าแขนด่าง) "แม่" ได้เอ่ยประโยค แห่งจุดเปลี่ยนขึ้นมา "การที่น้องเป็นแบบนี้ มันก็เป็นปมด้อยแล้ว อย่าไปเรียกน้องแบบนี้อีก น้องได้ยินน้องจะเสียใจ" ผ่าง!!!
ณ วินาทีนั้นที่ได้ยินน้ำใสๆ มันก็เอ่อออกมา รีบเบือนหน้าหนีอย่างไว ดิฉันรีบดึงสติของตัวเองให้กลับมา พร้อมกับบอกกับตัวเอง "นับต่อแต่นี้ไปจะให้เกียรติและเคารพคนอื่น" เพราะมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ที่เกิดมา มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน (นับต่อแต่นั้นมา ไม่เคยได้ยินพี่สาวคนรองพูดแบบนั้นอีกเลย)
เชื่อว่าทุกคนไม่ต้องการที่จะฟังคำพูด ที่ไม่ไพเราะเสนาะหูสักเท่าไหร่นัก การพูดจาดีด้วยความเป็นตัวตนแตกต่างจากการสร้างภาพเพื่อดูดี มีหลายคนที่ชอบพูดว่า "ฉันพูดจาไม่เพราะ เพราะตัวตนฉันเป็นแบบนี้ ไม่อยากตอแหล ไม่อยากสร้างภาพ" บางคนเขาไม่ได้สร้างภาพ แต่อาจเป็นธรรมชาติของเขา
ในที่นี้ ไม่ได้ต้องการ ให้ฝืนตัวเองมากไป จนกลายเป็นว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง
แต่่ให้เอาตัวเองเป็นที่ตั้งว่า "อยากได้ยินประโยคไหนจากใครเขา ควรใช้ประโยคนั้นกับเขาด้วยเช่นกัน" คิดถึงใจเขาใจเรา เวลาที่เราขอความช่วยเหลือหรือไหว้วานใช้งานใคร ก็ควรเลือกใช้คำพูดให้เหมือนกับขอความช่วยเหลือ หรือรบกวน เพราะการไหว้วานกับการออกคำสั่งจะใกล้กันแค่เส้นบางๆ
หากพูดให้เป็นนิสัยได้ ก็จะมีประโยชน์ในทุกๆด้าน เพราะคำพูดธรรมดาๆ ของใครบางคนสามารถฆ่าคนตายได้ทั้งเป็น หรือไม่ก็สามารถตายได้ ณ ตรงนั้น อย่าสักแต่พร่ำ ว่าคนอื่นแต่ลองหันมาสำรวจตัวเอง สร้างนิสัยเคารพตัวเอง และผู้อื่น หากปลูกฝังลูกหลานตั้งแต่ยังเด็ก เป็นการดี เพราะในวัยเด็กจะเกิดการเลียนแบบผู้ใหญ่ "ตัวอย่างดี ก็อปปี้ก็ดี ตัวอย่างไม่ดีก็สะท้อนเหมือนเงา"
ไม่ได้ดีหรือเก่งกว่าใครอื่น แต่แชร์สิ่งดีๆ ที่อาจเกิดประโยชน์กับใครหลายคน เริ่มจากตัวเองก่อนเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้
- สำนึกดี สังคมดี -
คิดอยู่นานจะเขียนดีไหม เพราะมันคือเรื่องภายในครอบครัว กลัวจะกลายเป็นขายคนในครอบครัว แต่ในความลับ ก็ยังมีความรู้แฝงอยู่
โฆษณา