Jerry หรือผู้ที่มีชื่อจริงว่า Jerome Henry Brudos เกิดเมื่อปี 1939 ในรัฐ South Dakota ของสหรัฐอเมริกา ก่อนที่ Henry ผู้เป็นพ่อ จะพาครอบครัวย้ายมาที่รัฐ Oregon เพื่อหางานทำ เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ Henry ก็มักจะออกไปทำงานหรือหางานทำเสมอเพื่อมาจุนเจือเลี้ยงดูครอบครัว Jerry เลยถูกเลี้ยงดูจากแม่เสียเป็นส่วนใหญ่
Irene ผู้เป็นแม่นั้น เลี้ยงดู Jerry แบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่ค่อยใส่ใจมากนัก Jerry มีพี่ชายอยู่ 1 คน ชื่อว่า Larry ในตอนที่ Jerry เกิด Irene ผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะอยากได้ลูกสาวมากกว่า เนื่องจากมี Larry เป็นลูกชายอยู่แล้ว ความผิดหวังดังกล่าวทำให้ Irene เลี้ยงดู Jerry แตกต่างจาก Larry เป็นอย่างมาก
1
ตอนที่ Jerry อายุเพียงแค่ 5 ขวบ เขาเล่นอยู่แถวบ้าน เดินเล่นไปมาก็ไปเล่นที่ลานทิ้งขยะ (แม่ที่ปล่อยให้ลูกวัยนี้เดินไปเล่นคนเดียว เขาคิดอะไรอยู่?) เล่นไปเล่นมา Jerry ก็ไปเจอเข้ากับรองเท้าส้นสูงคู่นึง เขาหยิบมาดูเพราะไม่เคยเห็นรองเท้าแบบนี้มาก่อนเลย มันดูสวยงามมาก มีหินประดับอยู่รอบๆ Jerry เอารองเท้ากลับบ้านมาใส่เล่นและเดินไปมาตามประสาเด็ก พอ Irene มาเห็นเท่านั้นละ เป็นเรื่องเลย Irene ดุด่า Jerry อย่างหนัก และบอกให้เขาเอารองเท้าคู่นั้นไปทิ้ง
Jerry เดินกลับไปที่กองขยะพร้อมกับรองเท้าส้นสูงคู่นั้น เขาเสียใจมาก เสียดาย และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทิ้งรองเท้าคู่ดังกล่าว ทำไมถึงเล่นไม่ได้ เขาชอบมันมาก มากเสียจนตัดสินใจไม่ทิ้งรองเท้าตามคำสั่งแม่ แต่แอบเก็บกลับมาแล้วเอาไปซ่อนไว้ในห้องนอน Jerry มักจะเอารองเท้าออกมาเล่นเมื่ออยู่คนเดียวเสมอ
แต่ในที่สุด Irene ก็ดันไปเจอ Jerry เล่นกับรองเท้าคู่ดังกล่าวจนได้ เธอโกรธมาก จัดการเอารองเท้าคู่นั้นเผาไฟต่อหน้า Jerry ในทันที
ตอนที่ Jerry เป็นเด็กและไปเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน เขาจะชอบแอบเข้าไปในห้องพี่สาวเพื่อน เพื่อเล่นกับรองเท้าส้นสูงและชุดชั้นในเสมอ บางทีหากสบโอกาสก็จะเอาติดมือกลับบ้านมาด้วย และเหมือนทำจนเป็นนิสัย โตเป็นวัยรุ่นก็เริ่มขโมยพวกชุดชั้นในแถวๆบ้านที่ชาวบ้านเอาออกมาตากไว้แทน พออายุได้ 17 ปี Jerry ก็เริ่มคิดแผนการ…..
1
Jerry ไปบอกกับเด็กสาววัย 16 ปี ที่เป็นเพื่อนบ้าน (ขอเรียกว่า Sarah) ว่าเขากำลังช่วยเป็นสายให้ตำรวจเพื่อสืบหาโจรขโมยชุดชั้นใน และอยากจะขอสอบปากคำ Sarah เพื่อไปให้ข้อมูลกับตำรวจ Sarah ผู้ซึ่งเคยเป็นเหยื่อโจรรายนี้เหมือนกันก็ยินดีไปพบกับ Jerry ที่บ้านตามนัด (ในวันนั้น Jerry มั่นใจว่าไม่มีใครอยู่บ้านแน่ๆ) เมื่อ Sarah ไปถึง ประตูเปิดทิ้งอยู่ และมีเสียงเรียกให้เธอเดินไปข้างบน Sarah ผู้ที่ไม่ได้คิดอะไร ก็เดินขึ้นไปตามเสียง เมื่อไปถึงในห้องอยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนนึง เดินออกมาจากข้างๆตู้เสื้อผ้า ใบหน้านั้นถูกคลุมด้วยหน้ากาก และในมือถือมีด Sarah นั้นรู้ดีว่าชายคนดังกล่าวคือ Jerry แม้ว่าจะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่ก็ตาม แต่ Sarah นั้นกลัวมาก เธอถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว Jerry เริ่มออกคำสั่ง เขาบอกให้ Sarah เริ่มถอดเสื้อผ้าออก และอย่าขัดขืนไม่งั้นจะถูกแทง แล้ว Jerry ก็เอากล้องออกมาถ่ายและบอกให้ Sarah โพสท่าทางตามแบบที่เขาต้องการ
3
เมื่อถ่ายเสร็จจนหมดม้วนฟิล์มแล้ว Jerry (ชายใส่หน้ากากนั่นแหละค่ะ) เดินลงมาข้างล่างหายไปเลย Sarah ที่ไม่รู้ว่าตอนนั้นชายคนร้ายไปไหน หรือไปทำอะไร ตัดสินใจใส่เสื้อผ้าแล้ววิ่งลงมาข้างล่าง ก่อนจะมาปะกับ Jerry (ในตอนนี้ไม่มีหน้ากากแล้ว) ที่กำลังเดินเข้ามาผ่านทางประตูหน้าบ้านพอดี Jerry เลิ่กลั่ก บอกกับ Sarah ว่า เขากำลังทำงานหาของในโรงเก็บเครื่องมือข้างบ้าน ก่อนที่จะมีผู้ชายแปลกหน้า ใส่หน้ากากคนนึง โผล่มาจากไหนไม่รู้ เอาไม้ฟาดเข้าที่หัวเขาอย่างจัง Jerry สลบไปเลย พอฟื้นขึ้นมาก็รีบวิ่งตามหาชายแปลกหน้าดังกล่าวในบ้านนี่แหละ Sarah เห็นเขาไหม??
Sarah ส่ายหน้าแล้ววิ่งออกมาจากบ้านในทันที เธอกลัวมาก แต่ก็ไม่ได้แจ้งตำรวจ และไม่ได้บอกใครจนกระทั่ง...หลายเดือนต่อมา
พอเรื่องที่เกิดกับ Sarah นั้นเงียบไป เหมือน Jerry ก็ยิ่งได้ใจ เขาเอาม้วนฟิล์มดังกล่าวไปอัดรูป แล้วก็เก็บเอาไว้ดู ไม่นานหลังจากนั้น Jerry ก็ประสบโอกาสอีกครั้ง คราวนี้เขาล่อลวงเพื่อนนักเรียนว่าจะอาสาขับรถไปส่งที่บ้าน พอเด็กสาวคนดังกล่าวขึ้นรถมาด้วย ระหว่างทางที่สองข้างทางส่วนมากเป็นฟาร์ม Jerry เลี้ยวเข้าไปจอดในพื้นที่ฟาร์มร้างแห่งนึง ก่อนที่จะเริ่มออกคำสั่งให้เด็กสาวคนนั้นถอดเสื้อผ้าออก เมื่อเด็กสาวคนดังกล่าวไม่ยอมทำตาม Jerry ฉุนมาก เขาเริ่มทำร้ายร่างกายเด็กสาวในทันที ในระหว่างที่ต่อสู้กันนั้น เป็นจังหวะที่ Jerry กำลังพยายามกระชากตัวเด็กสาวลงมาจากรถ เดชะมหาบุญ มีรถของสามีภรรยาคู่นึงขับผ่านมาพอดี พวกเขาได้ยินเสียงและเห็นเหตุการณ์เลยตัดสินใจขับรถเข้ามาดู Jerry แก้ตัวว่าเขากำลังช่วยเด็กสาวคนดังกล่าวอยู่ เนื่องจากเธอพลัดตกรถที่กำลังวิ่งอยู่ เด็กสาวคนนั้นกลัวมาก และบาดเจ็บมากจนเธอพูดไม่ได้ แต่ก็ยังพยายามส่ายหน้า เมื่อเห็นดังนั้น Jerry เปลี่ยนเรื่องในทันที เขากลับคำบอกว่าเด็กสาวกำลังโดนผู้ชายคนนึงทำร้าย Jerry มาเห็นพอดี เลยวิ่งเข้ามาช่วย ส่วนชายคนร้ายวิ่งหนีไปแล้ว แน่นอนมาแนวนี้ คู่สามีภรรยาดังกล่าวไม่เชื่อ โทรแจ้งตำรวจในทันที และเมื่อ State Trooper มาถึง สืบสวนไปมายังไปพบกับรูปเปลือยของ Sarah ที่ Jerry เคยถ่ายเก็บไว้ และได้ทำการสืบสวนต่อจนไปได้คำให้การมาจาก Sarah อีกด้วย
2
Jerry แก้ตัวในทันที เขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนถ่าย มีชายคนนึงที่เป็นคนร้ายถ่ายไว้ แล้วมาบังคับเขาให้อัดรูปให้ต่างหาก (คือนางอาจจะไม่ทันได้เตรียมเรื่องเลยคิดข้อแก้ตัวแต่ละข้อ ละเหี่ยใจจริงๆ) สรุปแล้ว Jerry ก็ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีเรียบร้อย แต่อาจจะเป็นเพราะในตอนนั้นเขายังเป็นผู้เยาว์ แทนที่จะถูกจองจำนานๆในเรือนจำสำหรับความผิดที่ก่อขึ้น Jerry ถูกส่งตัวไปบำบัดรักษาอาการที่โรงพยาบาลจิตเวชแทนเป็นระยะเวลา 9 เดือน เท่านั้น
**ที่โรงพยาบาล Jerry ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค schizophrenia และเกลียดแม่ตัวเองและผู้หญิงเป็นอย่างมาก
มาช่วงกลางๆก็เหมือนจะสวย แต่ก็ไม่สวยอีก:
1
หลังจากที่เรียนจบชั้นมัธยม Jerry ได้เข้าเรียนต่อในชั้นมหาวิทยาลัย แต่ก็ลาออกกลางคัน เพื่อเข้าร่วมกองทัพของสหรัฐอเมริกาสังกัดทหารบก ตอนที่รับราชการ เขาได้รับมอบหมายงานให้ทำงานเป็นช่างไฟฟ้าและช่างเครื่อง Jerry มักจะเล่าให้ roommate ของตัวเองฟังเสมอว่า ในตอนกลางคืน เขามักจะถูกคุกคามโดยผู้หญิงเกาหลี (อันนี้ก็ไม่เข้าใจว่าจะเจาะจงอะไรขนาดนั้นทำไม แต่อาจจะเป็นเพราะเรื่องสงครามในสมัยนั้นหรือเปล่า เราก็ไม่เข้าใจค่ะ) พอพูดบ่อยเข้าๆ ได้เรื่องค่ะ เพราะเพื่อนที่นอนอยู่ด้วยกันก็รู้ว่า Jerry นี่น่าจะมีอาการทางจิต Jerry ถูกส่งไปพบกับจิตแพทย์ประจำกองทัพและโดนปลดออกจากการรับราชการทันที
พอต้องออกจากราชการ Jerry ก็ต้องกลับมาอาศัยกับพ่อกับแม่ที่บ้าน ในตอนแรกก็เหมือนจะดีอยู่ แต่ไปๆมาๆ เหมือน Larry ผู้เป็นพี่ชายก็มีอันต้องกลับมาอยู่กับพ่อกับแม่ที่บ้านด้วย กลายเป็นว่าไม่มีห้องพออยู่ Jerry เลยเหมือนต้องระเห็จไปอยู่ที่ shed หรือโรงเก็บเครื่องมือหลังบ้าน
1
**พอมาถึงตอนนี้แล้วปวดใจจังค่ะ ลูกเหมือนกันแท้ๆ แถม Jerry ย้ายกลับมาอยู่ก่อนด้วย และเอาเข้าจริงๆ ก็ยังพอจะแชร์ห้องด้วยกันได้ เพราะไม่งั้นก็ต้องพยายามหางาน ออกไปอยู่ข้างนอก มีบ้านของตัวเองกันเอง แต่ทำไมต้องให้ Jerry ออกไปอยู่ที่โรงเก็บเครื่องมือ มันไม่มีแอร์ ไม่มีฮีทเตอร์ และไม่มีห้องน้ำ คนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ลูกไปอยู่แบบนั้นได้ไง...แต่พออ่านเรื่องเขาหลังๆก็เริ่มจะสงสารไม่ลง รู้สึกย้อนแย้งในตัวเอง
ย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่ Jerry ก็ไม่ได้หางานทำเป็นหลักแหล่ง แต่งานหลักๆของเขาคือ ชอบไปเตรดเตร่ในเมือง มองดูผู้หญิงคนนั้นที คนนี้ที จนกระทั่งวันนึง มีผู้หญิงคนนึงเธอเดินผ่าน Jerry ไป แต่เธอคนนี้มีอะไรพิเศษมากกกก มากจนทำให้ Jerry เดินตาม
1
ผู้หญิงคนนี้เธอหน้าตาดีมากค่ะ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ Jerry ติดใจ ที่มันทำให้เขาเดินตามเธอมานั้นเพราะผู้หญิงคนนี้เธอใส่ชุดสีแดงที่ชายชุดปลิวพริ้วตามลม และที่สำคัญ...เธอใส่รองเท้าส้นสูงคู่สวยสีแดงสด รองเท้าคู่นี่เอง ทำให้ Jerry เดินตามเธอมาจนถึงที่เปลี่ยว พอสบจังหวะเหมาะ Jerry เริ่มทำร้ายผู้หญิงคนดังกล่าวทันที จนเธอสลบไป Jerry ไม่รู้จะทำยังไงต่อ กลัวคนเห็นก็กลัว เขาหยิบเอารองเท้าส้นสูงคู่นั้นมา แล้ววิ่งกลับบ้านในทันที ในโรงเก็บเครื่องมือที่เป็นที่ซุกหัวนอนนี่ก็เป็นเหมือนสวรรค์ของ Jerry เขาทำเรื่องแบบเดิมกันหลายครั้งเพื่อนำเอารองเท้า และชุดชั้นในที่ขโมยมานั้นเอามาเก็บซ่อนไว้ Jerry มักจะผล่อยหลับไปในขณะที่กำลังนอนกอดรองเท้าส้นสูงอยู่เสมอ
ต่อมา Jerry ได้งานทำในสถานีวิทยุแห่งนึงในฐานะช่างประจำสถานี และที่แห่งนี้เองเหมือนว่า Jerry จะเข้ากับเพื่อนร่วมงาน หรือมีเพื่อนเป็นครั้งแรก เพื่อนๆก็ดูจะชอบ Jerry พอสมควรเพราะพอรู้ว่า Jerry โสดและไม่มีแฟน ก็พยายามหาคู่เดทให้ และหนึ่งในคู่เดทที่ถูกจับคู่ให้กับ Jerry นั้นก็คือเด็กสาววัย 17 ปีที่มีชื่อว่า Darcie และถึงแม้ว่าในตอนนั้น Jerry จะอายุ 23 ปีแล้วแต่ก็ไม่มีปัญหา เขาปฏิบัติกับ Darcie แบบดีมาก ดีจน Darcie นั้นหลงรัก Jerry เป็นอย่างมาก ทั้งคู่คบกันได้ไม่เท่าไหร่ Jerry ก็ไปคุยกับพ่อแม่ของ Darcie เพื่อขอ Darcie แต่งงาน
1
แน่นอนว่าพ่อกับแม่ของ Darcie ปฏิเสธ เพราะ Darcie นั้นอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้นเอง ทั้ง Darcie กับ Jerry จึงคิดแผนกันขึ้นมา หาก Darcie ตั้งท้อง คงเป็นการยากกับพ่อกับแม่ของ Darcie ที่จะห้ามไม่ให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน แล้วมันก็ได้ผล Darcie ตั้งท้องแทบจะในทันที และได้แต่งงานกับ Jerry หลังจากที่คบหากันมาเพียงแค่หกเดือนเท่านั้น หลังแต่งงาน Darcie ย้ายมาอยู่กับ Jerry และเป็นแม่บ้านให้กับ Jerry อย่างเต็มตัว Jerry นั้นก็ยังคงปฏิบัติกับ Darcie เป็นอย่างดี เพียงแต่เขาเริ่มมี request แปลกๆให้กับภรรยาตัวเอง
2
Request ที่ว่าแปลกนั้นคือ Jerry จะให้ Darcie เปลือยกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่รองเท้าส้นสูงคู่เดียว และให้ Darcie ทำกับข้าว ทำงานบ้านในสภาพนั้น และมี Jerry คอยถ่ายรูป Darcie นั้นแม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ขัด เพราะ Jerry บอกกับ Darcie ว่า นี่เป็นเรื่องปรกติธรรมดาที่สามีภรรยาเขาทำกัน ในบางครั้งเขาถึงกับขอให้ Darcie ทำแบบเดียวกันเป๊ะๆ แต่เพิ่ม option ด้วยการให้ขี่จักรยานสามล้อของลูกสาวไปทั่วๆบ้านอีกด้วย Darcie ยอมทำตามที่ Jerry ร้องขอมาจน Meghan ลูกสาวของทั้งคู่อายุประมาณ 3 ขวบ Darcie ก็ไม่ยอมทำตามคำร้องขออ้อนวอนจาก Jerry อีกต่อไป เธอไม่อยากให้ลูกเห็นเรื่องแบบนี้ในบ้านเป็นเรื่องปรกติ และการใส่ส้นสูงทำงานบ้าน มันก็ไม่สะดวกและทำให้เธอปวดเมื่อยเหนื่อยตัวเป็นอย่างมาก แถม Darcie ยังใช้เวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทไปกับการเลี้ยงลูกและทำหน้าที่แม่อย่างเต็มที่ (ในตอนนี้ทั้งคู่มีลูกด้วยกันแล้วสองคน)
3
พอถูกภรรยาที่รักปฏิเสธ Jerry เหมือนคนอกหัก เขาเริ่มพยายามเรียกร้องความสนใจจาก Darcie ด้วยวิธีแบบ Jerry คือ ถ่ายรูปตัวเองที่ใส่ชุดชั้นในและรองเท้าส้นสูงของผู้หญิง และเอารูปดังกล่าวไปวางไว้ตามมุมต่างๆของบ้านให้ Darcie มาเจอ Jerry หวังว่า เมื่อ Darcie มาเจอเข้า เธอจะโวยวายและเอารูปดังกล่าวมาคุยกับเขา….แต่เรื่องมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น Darcie พอเจอรูปพวกนี้ แทนที่จะโมโห โกรธ หรือโวยวาย เธอเลือกที่จะไม่คุยกับ Jerry แล้วเอารูปพวกนั้นไปทิ้งแทน
เมื่อทำขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ผล Jerry ก็เหมือนเตาไฟที่เริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ เขาหงุดหงิดมาก และเริ่มหาทางปลดปล่อยในรูปแบบอื่นแทน
The Lust Killer:
รายที่ 1: วันที่ 26 มกราคม ปี 1968
Linda Slawson วัย 19 ปี เธอประกอบอาชีพขายหนังสือสาราณุกรมของเด็ก ในวันดังกล่าว Linda กำลังพยายามตามหาลูกค้าที่ตัวเองนัดไว้แถวๆบ้านของ Jerry ในตอนนั้นเองที่เธอบังเอิญเจอเข้ากับ Jerry ผู้ที่แสดงความสนใจในตัวหนังสือของ Linda และพอพูดถึงลูกๆของตัวเอง Linda ก็คิดว่า เธอน่าจะขายหนังสือให้กับ Jerry ได้ เลยตัดสินใจเดินตาม Jerry เข้าไปในบ้าน
1
พอมาถึงในบ้าน Jerry บอกกับ Linda ว่า เขาไม่อยากรบกวนคนในบ้าน เลยชวน Linda เดินลงไปคุยกันที่ห้องใต้ดิน Linda ผู้ที่ในตอนนั้นคงอยากจะขายหนังสือมากๆ และประกอบกับที่คิดว่า หากเธอตะโกนหรือร้อง คนที่อยู่บนบ้านน่าจะได้ยิน เธอเลยเดินตาม Jerry ลงไป Jerry อาสาจะเดินไปเปิดไฟให้และให้ Linda เอาพวกหนังสือมากางไว้บนโต๊ะ เขาจะได้เห็นได้ชัดๆ แต่เมื่ออ้อมไปข้างหลัง Linda ได้แล้ว Jerry หยิบเอาท่อนไม้มาฟาดเข้าที่หัว Linda อย่างจังจนเธอร่วงลงไปนอนอยู่ที่พื้น Jerry เดินมาคร่อมตัว Linda ไว้ ก่อนที่จะเอามือบีบคอ Linda จนขาดใจตาย
พอมั่นใจว่า Linda ตายแน่ๆแล้ว Jerry เดินขึ้นไปบนบ้าน และเอาเงินให้ Irene (ผู้เป็นแม่ที่มาเลี้ยงหลานให้) พาลูกๆของเขาออกไปทานข้าวนอกบ้าน หลังจากที่ Irene กับเด็กๆออกไปแล้ว Jerry ก็เดินกลับลงไปที่ห้องใต้ดิน เขาเปลี่ยนชุด Linda และตื่นเต้นมาก เมื่อเห็นว่า Linda ใส่กางเกงชั้นในสีแดง เขาเปลี่ยนชุดให้ Linda หลายชุดและเปลี่ยนรองเท้าให้ด้วย ก่อนที่จะเอากล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย เขาจับ Linda แขวนไว้กับตะขอเครื่องมือที่ห้อยอยู่บนขื่อ และรู้ว่าในไม่ช้าเขาต้องทำการกำจัดศพ Linda ทิ้ง Jerry ตัดสินใจเอาศพของ Linda พันไว้กับโซ่ที่พ่วงด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ แต่ช้าก่อน ก่อนที่จะเอาศพของ Linda ใส่ท้ายรถเพื่อมุ่งหน้าไปที่แม่น้ำ เขาอยากได้ของที่ระลึกซักหน่อย Jerry เอาเลื่อยมาตัดข้อเท้าของ Linda ออกข้างนึง ก่อนจะเอาเท้าข้างนั้นไปใส่ไว้ในตู้แช่แข็ง เขาขับรถออกไปที่แม่น้ำแถวบ้านในตอนตี 2 และจับร่างของ Linda โยนลงมาจากสะพานลงไปในแม่น้ำ
2
พอกลับมาที่บ้าน เขาก็ชอบเอาเท้าของ Linda ที่แช่แข็งไว้ออกมา “เล่น” โดยเปลี่ยนให้เท้าดังกล่าวลองใส่รองเท้าข้างนั้นที คู่นี้ทีจนในที่สุด เมื่อเท้านั้นใช้ไม่ได้อีกต่อไปและเริ่มเน่า เขาก็โยนเท้าข้างดังกล่าว ลงไปในแม่น้ำเหมือนกับที่ทำกับศพของ Linda
***ห้องใต้ดินของบ้านเป็นที่ต้องห้าม Jerry ไม่ให้ลูก Darcie แม่ พี่เลี้ยงหรือใครก็ตามเข้าไปในนั้นเลย และหากจะเข้าไปตามเขา ต้องเคาะก่อนเท่านั้น พอ Jerry เข้าไปในห้องใต้ดินก็จะเหมือนเป็นโลกของตัวเองไปเลย
รายที่ 2: วันที่ 25 พฤศจิกายน ปี 1968
Jerry ขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 5 จนพบเข้ากับรถของ Jan Whitney ที่จอดเสียอยู่ระหว่างทางไปเมือง Salem แต่ในตอนนั้น Jan ไม่ได้อยู่คนเดียว ในรถของ Jan ยังมี hitchhiker อีก 2 คนนั่งอยู่ด้วย (Jan เป็นคนอัธยาศัยดี ชอบรับ Hitchhiker ขึ้นรถเสมอเพื่อพาไปส่งยังจุดใกล้ๆที่เขาอยากจะไป หรือโบกรถต่อได้) ทั้ง Jan และเหล่า Hitchhiker ไม่สามารถซ่อมรถได้ Jerry อาสาช่วยทั้งสามคน แต่เขาจะต้องกลับไปเอาเครื่องมือที่บ้านเพื่อกลับมาซ่อมรถให้ Jan และจะพา Hitchhikerทั้งสอง ไปส่งยังจุดหมายระหว่างทางอีกด้วย ซึ่งทุกคนก็เห็นว่า Jerry นี่ช่างเป็นคนที่มีน้ำใจจริงๆจึงตกลงขึ้นรถไปด้วย Jerry ส่ง Hitchhiker สองคนลงเสร็จก็มุ่งหน้ากลับบ้านพร้อม Jan พอมาถึงบ้าน เขาแสร้งลงไปพยายามเปิดประตูบ้าน ก่อนจะบอก Jan ว่า ภรรยาของเขาไม่อยู่ สงสัยต้องรอภรรยาเขากลับมาก่อนนะสักพักนึงแหละแล้วจะเอาเครื่องมือในบ้านกลับไปที่รถ Jan ด้วยกัน ก่อนที่จะเปิดประตูผู้โดยสาร เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ ในตอนนั้นทั้งคู่คุยกันพักใหญ่ จน Jerry เห็นว่าสบโอกาส จึงเอาเชือกที่ตัวเองเตรียมมารัดคอ Jan จากเบาะหลังรถ
2
หลังจากที่ Jan เสียชีวิตแล้ว Jerry ข่มขืนศพของ Jan ในรถ ก่อนจะลากเอาร่างของ Jan ไปแขวนไว้ในห้องใต้ดินของบ้าน เขาแขวนศพของ Jan ไว้ และทำการจัดท่าทาง เปลี่ยนชุด และถ่ายรูปไว้ เขามีอะไรกับศพของ Jan หลายวัน ก่อนที่จะตัดเอาหน้าอกข้างนึงของ Jan ออก เอาออกมาหล่อกับปูนพลาสเตอร์ เพื่อเก็บปูนปั้นนั้นไว้เป็นที่ทับกระดาษ Jerry เอาศพของ Jan พันเข้ากับเหล็กท่อนใหญ่ ก่อนจะเอาไปโยนลงแม่น้ำ
2
ทุกคนพยายามตามหา Jan กันจ้าละหวั่น เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงแค่รถที่จอดทิ้งไว้เท่านั้น ครอบครัวและเจ้าหน้าที่สงสัยว่า Jan รับใครขึ้นรถมาที่อาจจะก่ออันตรายให้กับเธอหรือเปล่า แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตามหาเบาะแสในการหายตัวไปของ Jan นั้น ก็มีหญิงสาวอีกคนหายตัวไป….
ในตอนนั้นเหมือนตำรวจคนละท้องที่กัน ก็เลยไม่ได้โยงเรื่องของเหยื่อที่รอดมาได้ กับผู้หญิงที่หายตัวไปในเขตเมือง Salem ของ รัฐ Oregon แต่สืบไปสืบมาได้ไม่นาน….ก็มีผู้หญิงหายตัวไปอีกครั้ง
เหยื่อรายที่ 4: วันที่ 23 เมษายน ปี 1969
Linda Salee วัย 22 ปี หายตัวไปจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งนึง ในวันดังกล่าว Linda ออกไปซื้อของให้แฟนหนุ่ม และดันไปจอดรถในตอนที่ปิศาจร้ายตัวนึงกำลังนั่งซุ่มดูหาเหยื่ออยู่พอดี
Jerry กำลังหงุดหงิดงุ่นง่านเป็นที่สุด สองวันที่ผ่านมา เขาปล่อยเหยื่อหลุดรอดจากเงื้อมมือเขาไปได้สองรายแล้ว เขาต้องหาวิธีใหม่ๆ เพื่อให้ได้เหยื่อในครั้งนี้
1
เมื่อเห็น Linda Salee เดินเข้าไปในห้าง เธอมีหน้าตาท่าทางถูกใจเขายิ่งหนัก Jerry ตัดสินใจนั่งรอ Linda Salee อยู่ที่ลานจอดรถ พอ Linda Salee เดินออกมาพร้อมถุงช้อปปิ้งเต็มมือ Jerry เดินเข้าไปหา Linda Salee พร้อมแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างดังกล่าว พร้อมกล่าวหา Linda Salee ว่าเธอขโมยของ Linda Salee แสดงความบริสุทธิ์ใจและบอกว่าเธอมีใบเสร็จสำหรับของทุกรายการ แต่ Jerry ปฏิเสธ และบอกให้ Linda Salee ตามตัวเขามาเพื่อไปที่สถานีตำรวจด้วยกัน จากคำสารภาพของ Jerry นั้น Linda Salee เดินตามเขามาอย่างดี เธอนั่งในรถของเขาอย่างสงบเสงี่ยม ไม่พูดอะไรเลย แม้ว่ารถของ Jerry จะขับออกนอกเมือง ห่างจากสถานีตำรวจมาเยอะก็ตาม
เมื่อมาจอดรถที่หน้าบ้าน Jerry ก็บอกว่า Linda Salee ยังไม่พูดอะไรอีก แต่ยังไม่ทันจะอะไร Darcie ดันเปิดประตูบ้านออกมาเรียก Jerry ในทันที เขาตกใจมาก รีบลงจากรถไปคุยกับ Darcie ตรงจุดที่ Darcie ยืนอยู่นั้น ไม่สามารถเห็น Linda Salee ได้ เธอต่อว่า Jerry ว่ามาช้า และตอนนี้เป็นเวลาอาหารค่ำแล้ว Jerry ขอเวลา Darcie ซักครู่ เขาไม่รู้จะทำไง แต่จะปล่อย Linda Salee ไปก็ใช่ที Jerry เดินกลับมาที่รถใช้เชือกมัด Linda Salee และอุดปากเธอไว้ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านเพื่อทานข้าวเย็นกับครอบครัว พอทานเสร็จแล้วก็ออกมาลากตัว Linda เข้าไปในห้องใต้ดินของบ้าน และพยายามแขวนเธอไว้กับตะขอบนขื่อ
1
Linda Saleeในตอนนี้เริ่มต่อสู้ในที่สุด เธอเป็นผู้หญิงร่างเล็ก แต่ร่างกายแข็งแรงเพราะเป็นนักกีฬา หากแต่ว่าก็ไม่สามารถสู้แรง Jerry ได้ เขารัดคอเธอจนเสียชีวิตในที่สุด Linda Salee ทำให้ Jerry โมโหเป็นอย่างมาก เพราะเธอนั้นตัดสินใจ “สู้กลับ” และถึงแม้ Linda Salee จะเสียชีวิตแล้ว Jerry พยายามลงโทษเธอ ด้วยการเอาเข็ม เสียบเข้ากับชายโครงสองข้างของ Linda Salee และเสียบอีกด้านเข้ากับเครื่องจำหน่ายกระแสไฟฟ้า โดยหวังว่ากระแสไฟฟ้าจะทำให้ศพของ Linda Salee นั้นกระตุกหรือเคลื่อนไหวได้ แต่มันไม่ได้ผล เขาตัดสินใจไม่ตัดหน้าอกของ Linda Salee เก็บไว้ เพราะเขาไม่ชอบรูปร่างของหน้าอกของเธอ แต่กิจกรรมอื่นๆที่เขาเคยทำกับเหยื่อรายอื่น Jerry ก็ยังทำกับ Linda Salee ในบางครั้งเขาจะขึ้นไปทานอาการกลางวัน หรืออาหารเย็นกับครอบครัวทั้งๆที่มีศพผู้หญิงรออยู่ในห้องใต้ดิน ก่อนจะเดินกลับลงมาเพื่อทำกิจกรรมเหล่านั้นต่อ ศพของ Linda ถูกนำไปโยนทิ้งในแม่น้ำเหมือนเดิม และใช้วิธี….แต่ไม่นานหรอกนะ ความจริงจะเริ่มปรากฎ
1
สองอาทิตย์ต่อมา ชาวประมงไปเจอเข้ากับศพของ Linda Salee ในแม่น้ำ เจ้าหน้าที่ถูกตามตัวมาเก็บศพไปชันสูตร แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากนัก อีกสองวันต่อมาก็มีศพผู้หญิงอีกศพนึงลอยขึ้นมาห่างจากจุดที่พบศพของ Linda Salee ไปเพียงแค่ 50 ฟุต ศพดังกล่าวนั้นเป็นศพของ Karen ที่น่ากลัวคือสภาพศพของ Karen ปราศจากหน้าอกทั้งสองข้างและมีเพียงกระดาษสีน้ำตาลยัดไว้ในช่องอกแทน
Jerry นั้นหลังจากที่มีข่าวพบศพผู้หญิงสองคนในแม่น้ำก็เริ่มไม่อยากไปหาเหยื่อแบบเดิมอีก เขาเปลี่ยนมาใช้วิธีใหม่ โดยการโทร (โทรไปดื้อๆ เหมือนสุ่มเบอร์มาแล้วโทรไปค่ะ) ไปขอนัดเดทกับผู้หญิงที่พักอยู่ในหอพักของนักศึกษามหาวิทยาลัย Oregon State University แทน โดยการแนะนำตัวว่าตัวเองเป็น War Veteran หรืออดีตทหารผ่านศึก กำลังมองหาคู่เดท ….และมันดันได้ผลค่าาาาาาาาาา ท่านผู้ชมมมม
มีสาวๆหลายคนยอมออกเดทกับ Jerry ซึ่งส่วนมากแล้วเป็นการนัดคุยกันแถวมหาวิทยาลัย แต่มีสาวน้อยรายนึงที่ได้ไปออกเดทกับ Jerry เธอพบกับความแปลกแบบสุดขั้ว ถึงกับทนไม่ได้จนต้องโทรแจ้งตำรวจ!!!!
สาวน้อยคนนี้ (ขอเรียกว่า Emma) ตัดสินใจลองออกเดทกับ Jerry ที่ลานกิจกรรมนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ทั้งสองคนคุยกันเรื่องเรื่อยเปื่อย เรื่องการเรียนบ้าง โน้นบ้างนี่บ้าง อยู่ดีๆ Jerry ก็เอามือมาจับไหล่ของ Emma และบอกให้ Emma ลองทำท่าทางเศร้าดูสิ (อิหยังวะ) Emma นั้นถึงกับอึ้ง จน Jerry บอกว่า “เธอได้ข่าวศพผู้หญิงสองคนที่เจอในแม่น้ำไหม? ลองคิดถึงเรื่องนี้ดูซิแล้วเธออาจจะเศร้าก็ได้” แปลกแล้วใช่ไหมมมม ยังจ้า ยังไม่พอ ก่อนจากกัน Jerry ถาม Emma ค่ะว่า เธอนี่โชคดีนะ ที่มาเจอเขา เธอรู้ได้ไงว่าหากมาออกเดทกับเขาแล้วจะไม่ลงเอยแบบผู้หญิงสองคนที่กลายเป็นศพลอยอยู่ในแม่น้ำ (เอ้า! อิบ้าาาา นี่จะมาขอเขาออกเดทหรือจะมาสัมเขาให้ไปเป็นเหยื่อ) พอ Emma โทรบอกเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ขอร้องว่า หากได้รับการติดต่อมาเพื่อขอออกเดทอีกครั้ง ขอให้โทรมาหาเจ้าหน้าที่หน่อยได้ไหม??? Emma ตอบตกลง
และทั้ง Emma กับเจ้าหน้าที่ก็ไม่ต้องรอนานค่ะ Emma ได้รับโทรศัพท์จาก Jerry อีกครั้ง แม้ในใจจะตื่นเต้นมาก แต่เธอตอบตกลง และนัดเจอกับ Jerry ที่ลานกิจกรรมเหมือนเดิม หลังจากที่วางสาย Emma โทรหาตำรวจในทันที
ตำรวจมาซุ่มดูที่สถานที่เกิดเหตุและพบเข้ากับ Jerry จริงๆ ตำรวจทำทีเข้าไปสอบถาม Jerry ว่ามาทำอะไรแถวนี้ Jerry บอกว่า เขาไปตัดหญ้าบ้านเพื่อนแล้วก็เลยตัดสินใจแวะมาแถวนี้ดู (why???) และถึงแม้จะมั่นใจว่า Jerry โกหก เจ้าหน้าที่ไม่มีเหตุให้แจ้งข้อหา หรือทำอะไรไปมากกว่านี้ เลยปล่อยตัว Jerry ไป แต่ในตอนนี้เจ้าหน้าที่มีชื่อ + รูปของ Jerry แล้วนะคะ
ย้อนกลับมาที่หน่วยสืบสวนที่พยายามทั้งตามหาตัวคนหายและไขคดีศพหญิงสาวที่เจอในแม่น้ำ ไปๆมาๆก็ได้รับรายงานเรื่อง Emma และได้รูป Jerry มาด้วย ตำรวจนายหนึ่งพินิจพิเคราะห์หน้าตาของ Jerry แล้วเหมือน ปิ๊ง!!!! เดี๋ยวนะ ไปค้นเอารายงานของ Sharon กับ Gloria ออกมา “เขาเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ท้วมๆหน่อย ผมสี Ginger blond และมีกระเต็มใบหน้า” มันช่างละม้ายและเหมือนกับรูปพรรณสัณฐานของ Jerry จริงๆ แถมเมื่อตรวจสอบประวัติแล้วก็พบเรื่องการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก เจ้าหน้าที่จัดการส่งคนไปซุ่มดูที่บ้านของ Jerry และพบว่า Jerry นั้นกำลังจะหนี เขาพาครอบครัวขึ้นรถไปเพื่อเตรียมหนีออกจากรัฐ Oregon และเจ้าหน้าที่สามารถดักจับเขาได้ระหว่างทางพอดี เจ้าหน้าที่พา Jerry มาที่สถานีตำรวจ ก่อนที่จะพา Gloria มาเพื่อชี้ตัว และเธอสามารถชี้ตัว Jerry ได้ในทันทีว่าเป็นคนไล่ตามเธอในวันนั้น
1
เจ้าหน้าที่พา Jerry มาเปลี่ยนชุดเพื่อค้นตัวและใส่ชุดนักโทษ และตอนที่เปลี่ยนชุดนั้นเจ้าหน้าที่ก็ต้องตกใจ เพราะหลังจากที่ถอดเสื้อผ้าออกมาแล้ว ภายในชุดของ Jerry นั้น เขาใส่ชุดชั้นในของผู้หญิงอยู่ โดย Jerry แก้ตัวกับเจ้าหน้าที่ว่า เขามีผิวหนัง sensitive เลยต้องแต่งตัวแบบนี้
การพิจารณาคดี:
ก่อนที่จะโดนจับเข้าคุก Jerry สั่งให้ Darcie เข้าไปในห้องใต้ดินแล้วเก็บเอาของทุกอย่างในนั้นเผาไฟ แต่โชคดีที่ Darcie นั้นไม่ทำตาม เธอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เท่าที่จะทำได้ และขอหย่าขาดจาก Jerry แทบจะในทันที
ที่เห็นจะมัดตัวไว้ไม่หลุด น่าจะเป็นรูปที่ Jerry ดึงเชือกขึงเหยื่อรายนึงไว้กับตะขอและเอากล้องถ่ายรูป มาถ่ายเสยขึ้นไปเพื่อเก็บภาพใต้กระโปรงเหยื่อ….แล้วดันมีหน้าตัวเองมองลงมาที่กล้องอยู่ด้วย!!!!
1
Jerry นั้นยอมรับสารภาพตั้งแต่ในชั้นสืบสวนสอบสวน เพื่อแลกกับชีวิตตัวเอง เขาสารภาพว่าเป็นคนฆ่าผู้หญิงทั้ง 4 คน (และพยายามลักพาตัวผู้หญิงอีกสองคน) เมื่ออยู่ในชั้นศาล ทนายฝั่ง Jerry พยายามต่อสู้ว่าเขาไม่ผิดเพราะเป็นคนวิกลจริตและมีประวัติได้รับการรักษามาตั้งแต่อายุยังน้อย ศาลเห็นว่าเขาเป็นมีปัญหาทางจิตจริง แต่ไม่ถึงขั้นไม่สามารถรับรู้ผิดชอบชั่วดีได้ ดังนั้นจึงให้ Jerry ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตแบบไม่สามารถขอรับทัณฑ์บนได้ 1 เดือนหลังจากที่ Jerry ได้รับคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก ศพของ Jan Whitney ก็ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ส่วนศพของ Linda Slawson เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตามหาจนเจอได้
4
Jerry ใช้ชีวิตอยู่ในคุกด้วยความทุกข์ทรมาน เขาเป็นเป้าโดนทำร้ายร่างกาย และโดนข่มขืนจากเพื่อนนักโทษด้วยกันมาตลอด และทนายของ Jerry ก็พยายามยื่นเรื่องขอทันฑ์บนให้ Jerry หลายครั้งแต่โดนปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่รัฐตลอดด้วยเหตุผลที่ว่าอาชญากรรมของเขานั้นรุนแรงเกินไป Jerry เสียชีวิตด้วยโรคตับในปี 2006 เมื่อมีอายุได้ 67 ปี (เข้าคุกไปเมื่อตอนอายุ 30 ปี)
3
เรื่องของ Jerry เป็นแรงบันดาลใจให้กับ series แนวสืบสวนสอบสวนหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น criminal mind, mindhunter หรือ CSI เรื่องของ Jerry ยังได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือเรื่อง “The Lust Killer” ที่เขียนโดย Ann Rule ผู้ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องหลายคน