23 พ.ค. 2021 เวลา 10:16 • หนังสือ
หลวงพ่อปานมรณภาพ
พอถึงวันจะตายจริงๆ ท่านก็มีบัญชาว่า "ลิงดำ วันนี้พ่อจะตาย อย่าห่างพ่อนะ" ท่านก็เรียกไอ้ลิงดำยันตาย
ผลที่สุดใครเขามาเขาไม่รู้จักว่าไอ้ลิงดำนี่ใคร นายประยงค์ก็บอกพระวีระ พระคนโปรดหัวแก้วหัวแหวน แล้วก็มีอีก ๒ องค์คือลิงขาวองค์หนึ่ง และฤาษีพนมไพรองค์หนึ่ง ไอ้ ๓ องค์นี้ห่างไม่ได้ ถ้าเหลียวมาแล้วไม่เจอะท่านจะถามว่าไปไหนองค์แล้วหว่า ต้องเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ท่านคอยรับบัญชา
ไอ้ลิงดำอยู่ทางขวา ไอ้ลิงขาวอยู่ทางซ้าย ไอ้ลิงอ้วน ฤาษีโพธิวัตรท่านเรียกไอ้ลิงขาว เพราะขาวกว่า ส่วนฤาษีพนมไพรท่านไม่เรียก ท่านเรียกคุณน้อม แต่ว่าฉันก็เลยตั้งให้เป็นลิงบ้าง มันเพื่อนกันนี่ ไม่งั้นมันจะได้เปรียบ มันอ้วน ฉันตั้งชื่อมัน เวลานี้เพิ่งตั้งเดี๋ยวนี้ ตั้งว่าไอ้ลิงอ้วน ไอ้ลิงอ้วนอยู่ทางปลายเท้า ไอ้ที่อยู่นี่ท่านไม่ได้จัด เราจัดกันเอง คอยจับชีพจรว่าเมื่อไหร่หลวงพ่อจะตาย
บวงสรวงเพื่อขอขมา
พอถึงเวลาตอนเช้าท่านก็สั่งว่า "ลิงดำ ไปสั่งเครื่องบวงสรวงมาให้ครบตามที่พ่อเคยทำ"
พ่อทำอะไรผิดไว้วันนี้พ่อจะต้องขมาโทษ ก็ไปสั่งหัวหมู สั่งไก่ สั่งอะไรต่ออะไรมาครบถ้วน พอครบถ้วนท่านก็ทำพิธีบวงสรวง
พอบวงสรวงเสร็จท่านประกาศเลยว่า "ใครจะพูดอะไรกับฉันก็พูดก่อนเที่ยงนะ หลังเที่ยงแล้วฉันไม่พูด ใครจะมีธุระอะไรกับฉันอีกไม่ได้หลังเที่ยงแล้ว" ให้ไอ้ลิงดำประกาศให้เขาทราบ
อ้าวไอ้ลิงดำก็บอกประกาศเป่าหมู่เทวฤทธิ์ผ่านเครื่องขยายเสียง ที่วัดพิเรนทร์เอาไปช่วย ประกาศให้ทราบด้วยเครื่องขยายเสียง
แต่ว่าธุระของคนอื่นไม่มีแล้วเพราะหมด ทุกคนคอยฟังข่าว ต้องออกข่าวเป็นระยะๆ ว่าเวลานี้หลวงพ่อเป็นอะไร
และในตอนเพลวันนั้นก่อนเที่ยง ท่านพูด คือฉันใช้เครื่องขยายเสียงเอาไมโครโฟนตั้ง ท่านก็คุยหัวเราะก๊ากๆ นอนลุกไม่ขึ้นแล้วแต่คุยและสั่งสอนทุกอย่าง อบรมวิปัสสนาญาณทุกอย่าง อบรมพระกรรมฐานทุกอย่าง
ปัจฉิมโอวาทของหลวงพ่อปาน
ท่านบอกว่า ลูกทุกคนเมื่อพ่อตายไปแล้วจงอย่าทิ้งกรรมฐานที่พ่อให้ไว้ เป็นกรรมฐานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่าถือว่าเป็นของพ่อ ต้องถือว่าเป็นของพระพุทธเจ้า
ฆราวาสทุกคนอย่าทิ้งคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านะแล้วจะเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าใครไม่ปฏิบัติจะเอาตัวไม่รอดแล้วจะมาโทษพ่อไม่ได้ เพราะสมบัติส่วนใหญ่พ่อให้ไว้หมดแล้ว คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ นิพพานสมบัติ พ่อให้หมดแล้ว ลูกทุกคนจงพยายามรักษาไว้ให้ดี แล้วท่านก็อธิบายกรรมฐานตามสมควร พูดไม่เหน็ดไม่เหนื่อย พูดจริงๆ
พอจวนถึงเวลาเที่ยง ก็บอกหลวงพ่อครับ เหลือเวลาอีก ๕ นาทีจะเที่ยง
ท่านถามว่างั้นเหรอ เอาล่ะเวลานี้เหลืออีก ๕ นาทีจะเที่ยง ต่อไปนี้ฉันจะไม่พูดอะไร เพราะทุกอย่างฉันพูดมาแล้วสิ้นเวลา ๔๐ ปี เศษๆ ต่อนี้ไปฉันจะไม่พูดอะไร เมื่อเที่ยงแล้วฉันไม่มีธุระสำหรับใครอีกแล้วนะ ให้เป็นภาระของฉันฝ่ายเดียว เพราะฉันจะเตรียมตัวของฉัน เวลาหกโมงเป๋งวันนี้ นาฬิกาตีครั้งแรก ฉันขอลาทุกคน
ความตายเป็นของธรรมดา
แหม..บรรดาท่านสตรีทั้งหลายจำนวนหลายร้อยคน ร้องเพลงพร้อมกัน แต่ว่าไม่ใช่เพลงเพราะ เพลงร้องไห้ เสียงโฮเข้ามา
ท่านถามว่า "ใครร้องไห้"
ตอบท่านว่า "คนที่เขามาเยี่ยมครับ"
ท่านบอก "อย่าร้องไห้สิลูก ความตายเป็นของธรรมดา พ่อตายไปสบายนะลูก พ่อไม่ลำบาก พ่ออยู่นี่พ่อลำบากกว่าตาย แต่ที่อยู่ก็เพราะจะสงเคราะห์ลูก พ่อสงเคราะห์ตามเวลาแล้ว"
เข้าฌานตาม
ตอนนี้ขอเล่าลัดม้วนเทปมันเหลือน้อยเต็มที เมื่อถึงเวลาใกล้เข้าไป ฉันจับชีพจรมือขวา ไอ้ลิงขาว (ฤาษีโพธิวัตร) จับชีพจรมือซ้าย ไอ้ลิงอ้วนจับชีพจรขาขวา ผู้ใหญ่ยงจับชีพจรขาซ้าย พระครูอุดมสมาจารย์ วัดน้ำเต้า นั่งเข้าฌานตามอยู่ปลายเท้า
ตอนหลังนี่ท่านไม่พูดแล้ว ท่านเฉย มองดูคล้ายไม่หายใจ ท่านเข้าฌาน นานๆ เราก็ถามท่านพระครูอุดมสมาจารย์ทีว่า หลวงพี่ครับหลวงพ่อไปถึงไหนแล้ว
ท่านก็บอกว่า "เวลานี้อยู่ขั้นปฐมฌานบ้าง คือฌานที่ ๑ บ้าง ฌานที่ ๒ บ้าง ฌานที่ ๓ บ้าง ฌานที่ ๔ บ้าง เวลานี้เข้าอรูปฌานบ้าง เวลานี้มาพักอยู่ที่อุปจารฌาน และกำลังพิจารณาวิปัสสนาญาณบ้าง"
ท่านก็ถอยหน้าถอยหลัง ถอยหลังถอยหน้าเข้าฌานตามลำดับฌาน ยังความเพลิดเพลินให้เกิดขึ้นแก่จิต เป็นการระงับเวทนา
ข้อควรจำเวลาป่วย
นี่เวลาจะตายก็จำไว้นะ เขาทำกันอย่างนี้ อย่าปล่อยให้ตายส่งเดช เมื่อเวลาป่วยใหม่ๆ ต้องรีบจับกรรมฐานทันที ถ้าหากภาวนาแล้วจิตไม่เป็นสมาธิก็ใช้พิจารณาในอสุภะสัญญาบ้าง หรือว่าในมรณานุสสติกรรมฐานบ้าง หรือว่าเข้าวิปัสสนาญาณไปเลย
พิจารณาขันธ์ ๕ ว่าสภาพกายมันเป็นอย่างนี้คือมันจะดับ พอมันดับแล้วเราจะสบาย เราจะไปอยู่ที่ใหม่ของเรา
ในที่สุดเวลาเหลืออีก ๕ นาทีท่านก็ลืมตาขึ้นมาบอกว่า "ลิงดำ..โบสถ์วัดเสาธง จังหวัดสุพรรณบุรี พ่อยังสร้างไม่เสร็จ เมื่อพ่อตายแล้วจงช่วยสร้างให้เสร็จนะ"
ก็กราบเรียนท่านว่า "ถ้าหากเขาไม่รังเกียจกระผม ผมจะช่วยครับเพราะผมยังเด็ก"
ท่านบอก "อืม..ถูกแล้ว"
และท่านบอกว่า "บอกพระทุกองค์ บอกคนทุกคนนะว่าพ่อลาแล้วนะ เหลือเวลาอีกเล็กน้อยพ่อจะลา" นี่ท่านรู้ด้วย ท่านไม่ได้ดูนาฬิกาแต่ท่านรู้
ก็ประกาศให้ทราบด้วยเครื่องขยายเสียงว่าเวลานี้ใกล้จะถึงเวลาหกโมงเย็น เหลืออีก ๓ นาที หลวงพ่อขอประกาศลา บรรดาท่านทั้งหลายที่หลวงพ่อเคยประมาทพลาดพลั้งไปบ้าง ทุกคนขอให้อภัยกับหลวงพ่อ
ทุกคนก็สาธุ เสียงดังพร้อมกัน
พระสาธุ ฆราวาสก็สาธุด้วย
ท่านก็ยิ้ม แล้วก็หลับตา แล้วบอกว่า
"ลิงดำ..พ่อจะลานะลูกนะ แล้วสิ่งที่พ่อสั่งไว้ทุกอย่างลูกอย่าลืมนะ ต้องปฏิบัติตามพ่อที่พ่อสั่ง"
ก็บอกท่านว่าครับทุกอย่างผมขอปฏิบัติ ด้วยชีวิต ขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ถ้าลงตั้งใจ คำใดที่หลวงพ่อสั่งผมจะรักษาไว้ด้วยชีวิต
ท่านก็ยิ้มแล้วบอกว่า "ดีแล้วลูก ลูกพูดอย่างนี้มาหลายชาติเต็มทีแล้ว พ่อพอใจ"
ชีพจรดับพร้อมกัน
หลังจากนั้นท่านก็หลับตา พอนาฬิกาตีเป๊งแรก ๖ โมง เป๊งแรกท่านลืมตาแล้วก็หลับตาหมด.. ชีพจรดับพร้อมกัน
เพราะธรรมดาคนไม่ตายขึ้นก็ตายลง ถ้าตายขึ้นก็หมายความว่าชีพจรทางเท้าหยุดก่อน แล้วจะค่อยๆ เย็นขึ้นมาทีละน้อยๆ จนกระทั่งถึงหัวใจ ชีพจรมือจึงหยุด
แต่นี่ไม่ใช่ คือพร้อมกัน คือตีเป๊งแรก ชีพจรหยุด พระครูอุดมสมาจารย์ก็ลืมตาแล้วบอกว่า ท่านไปแล้ว ไปดีเหลือเกิน สวยงามมาก ออกจากกายสวยมาก ฉันตามไปถึงวิมาน วิมานก็สวยมาก เหลือแต่พวกเรา
คำสอนของพระครูอุดมสมาจารย์
แล้วท่านก็ลุกขึ้นประกาศทางเครื่องขยายเสียงว่า "เวลานี้หลวงพ่อได้มรณภาพแล้ว ได้ละอัตตภาพเสียแล้ว เหลือแต่พวกเราที่ยังไม่ตาย ก่อนตายขอพวกเราควรปฏิบัติตามหลวงพ่อ คำสอนใดที่หลวงพ่อสั่งไว้ทุกคนควรปฏิบัติให้ ครบถ้วน ระหว่างนี้พ่อเราตายก็เหลือแต่ระหว่างพี่ระหว่างน้อง" อันนี้พระครูอุดมสมาจารย์ท่านประกาศ
"พี่น้องเท่านั้นต้องสามัคคีกันไว้ สมบัติใดที่พ่อให้ไว้ ต้องรักษาสมบัตินั้นไว้ยิ่งด้วยชีวิต เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทุกคนจงสามัคคีกัน" ท่านว่าอย่างนี้....
จากหนังสือ ประวัติหลวงพ่อปาน (ฉบับเก่า)
9
โฆษณา