23 พ.ค. 2021 เวลา 14:08 • ไลฟ์สไตล์
อยากกลายเป็นคนมีคาริสม่า ต้องทำอย่างไร?
ในท่ามกลางผู้คนมากมาย เคยสังเกตมั้ย? ในสังคมจะมีสาวๆหรือหนุ่มๆที่มีหน้าตาธรรมดา ไม่ได้หล่อสวยเหมือนดาราเซเลปหรือตัวท็อปในเหล่าสังคมนั้นๆ แต่เขาเหล่านั้นกลับกลายเป็นคนที่ดูเหมือนจะมีแสงเปล่งประกายออกจากตัว ผู้คนอยากที่จะเป็นมิตร ตีสนิท พูดคุย หรือแม้กระทั่งอยากที่จะควงคนนั้นเป็นแฟนหรือคู่รักเสียให้ได้ เพราะอะไรกันนะ? และเชื่อมั้ยเราทุกคนสามารถเป็นอย่างพวกเขาได้ เพียงแค่รู้ความลับเหล่านี้.....
Kharisma มีที่มาจากรากศัพท์ภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ของประทานจากพระเจ้า ดังนั้นเสน่ห์แบบนี้บางคราวจึงเกิดขึ้นมาแบบเหนือธรรมชาติ หรือเกินกว่าที่จะอธิบายถึงที่มาที่ไป ดังนั้น charisma นี้ จึงมีความหมายว่า พรสรรค์
เมื่อฟังคำนิยามแล้ว สำหรับคนทั่วไปที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีทักษะการพูดแพรวพราวราวกับเป็นนักกล่าวสุนทรพจน์ ไม่ได้มีหน้าตาหรือรูปร่างตามพิมนิยมของสังคม หรือแม้กระทั่งไม่ค่อยชอบการพูดคุยกับคนอื่น หรือเริ่มบทสนทนากับคนแปลกหน้า ความคิดที่อยากทำให้ตัวเองกลายเป็นคนมีคาริสม่าหรือสร้างตัวตนให้กลายเป็นคนเจ้าเสน่ห์ ก็คงจะดูเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้หรือทำได้ยากมาก
แต่โชคดีมาก ที่คาแรกเตอร์และบุคลิกภาพของเหล่าคนที่มีคาริสม่า เป็นทักษะที่เราสามารถฝึกได้ ซึ่ง Wondergirl เชื่อและมั่นใจว่าพวกเราเหล่าสาวๆหนุ่มๆสามารถฝึกฝนและพัฒนาตนให้กลายเป็นคนที่มีคาริสม่าได้ (หากอ่านโพสต์นี้จบแล้วนำไปใช้)
1.ทำให้คนที่เข้ามาคุยด้วยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญหรือมีความมั่นใจและรักในตัวเองมากขึ้น
คนที่มีคาริสม่ามักจะให้ความใส่ใจและความเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้งแก่คนที่อยู่ตรงหน้า เพราะการที่คุณอยากจะให้ตัวเองกลายเป็นคนสำคัญในสายตาคนอื่นอย่างจริงใจ (ไม่ใช่สำคัญเพราะตำแหน่งหรือยศ) อันดับแรกคุณจะต้องพูดคุยหรือปฏิบัติต่อคนที่อยู่ตรงหน้าราวกับเขากลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดของเราในช่วงเวลาพูดคุย ตั้งใจฟังคำพูดของคนตรงหน้าและตั้งคำถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย บางครั้งคุณแทบจะไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนที่พูดเก่งที่สุด แต่แค่เป็นนักฟังที่ใส่ใจคู่สนทนาอย่าลึกซึ้ง แค่นี้คุณก็เริ่มมีทักษะของการเป็นคนมีคาริสม่าแล้ว
แต่ถ้าคู่สนทนาเป็นคนไม่ค่อยพูดคุยหรือพูดจาไม่เก่งหล่ะ? กรณีนี้แนะนำให้คุณใช้ทักษะการคุยเล่น (จากหนังสือ อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เก่ง )
คือ เลือกหัวข้อสนทนาเบาๆที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคนอื่น อย่าง สภาพอากาศ ข่าวเด่นๆหรือดังๆในช่วงนั้น หรือแม้กระทั่งชมการแต่งกายของบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งหนังสือในเล่มนี้ได้แนะนำไว้ว่าหากอยากให้การคุยเล่นกลายเป็นเรื่องสนุก ทางที่ดีเราก็ควรที่จะเตรียมหัวข้อหรือเก็บข้อมูลความสนใจของคนที่คุยด้วยไปก่อนสัก 5-6 เรื่อง (อาจดูเป็นเรื่องจริงจังแต่เมื่อฝึกไปเรื่อยๆสิ่งนี้จะทำให้คุณกลายเป็นคนสำคัญของคนอื่นในทันทีหลังจบการสนทนา) โดยมีหลักแบบนี้
คุยๆไปเรื่อยๆ หากหัวข้อที่คุยนั้น เป็นหัวข้อที่คุณแค่สนใจ ไม่ได้มีความรู้หรือความกระายที่อยากรู้เรื่องนั้นไปมากกว่านี้ ก็เปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอเรื่องที่คุณและคู่สนทนาต่างก็สนใจและมีความรู้หรือว่าอยากที่จะรู้เรื่องนี้จากกันและกัน ก็ให้คุยลึกลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากเมื่อเป็นหัวข้อที่ต่างคนต่างสนใจ การสนทนาก็จะสนุกและราบลื่นราวกับเป็นคนสนิทกันมาตั้งนาน สิ่งนี้แหละจะทำให้เขารู้สึกว่าคุณใส่ใจเขา และอยากที่จะมาคุยกับคุณอีกในครั้งต่อไป นี่ไงล่ะคุณสมบัติข้อแรกของคนมีคาริสม่า
2.ฝึกทักษะการพูดในที่สาธารณะ
เชื่อหรือไม่ประชากรโลกร้อยละ 75 มีอาการ Glossophobia หรืออาการกลัวการพูดในที่สาธารณะ แต่เดี๋ยวก่อน.. ความกลัวเป็นธรรมชาติของมนุษย์เพื่อป้องกันเหตุการณ์อันตราย แต่จริงๆแล้วความกลัวเป็นสิ่งที่ดี ตำราทุกเล่มบอกว่าความตื่นเต้นก่อนพูดมีประโยชน์ เพราะทำให้เรากระตือรือร้นที่จะพูดให้ดีที่สุด และแสดงว่าร่างกายเรากำลังเตรียมตัวต่อความท้าทาย มีผลให้คิดเร็วพูดเร็ว พูดคล่องและลื่นไหล ฉะนั้น เราควรเอาความกลัวและตื่นเต้นมาเป็นแรงขับให้เราพูดได้ดีที่สุด วิธีการเดียวที่จะเอาชนะความกลัวการพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ก็คือ ซ้อม ซ้อม และซ้อม ควรซ้อมโดยการอัดคลิปแล้วดูตัวเองเพื่อปรับปรุง ในระหว่างซ้อมก็ควรจินตนาการให้ตัวเองอยู่บนเวที จินตนาการถึงผู้คน ในส่วนของเทคนิคการพูดสามารถติดตามในเพจ Wondergirl ในบทความต่อไปเรื่อยๆ
3.ใส่ใจและทำให้ข้อดีของตัวเองโดดเด่น
การเป็นคนมีคาริสม่าไม่ได้หมายความถึงการเป็นคนที่สวยที่สุด แทนที่จะหมกมุ่นกับปมด้อยทางร่างกายหรือหมกมุ่นกับข้อด้อยของตัวเอง เราควรที่จะมองหาข้อดีหรือบางอย่างเป็นเป็นเอกลักษณ์(ในทางที่ดี)ของตัวเอง มาพัฒนาและขัดเกลาจนทำให้ผู้คนจดจำเราจากสิ่งนั้นๆได้ในที่สุด เช่น ผู้หญิงที่มีโหนกแก้ม เป็นที่รู้ๆกันในประเทศไทย ผู้หญิงที่มีโหนกแก้มหรือมีกรามอาจไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นพิมนิยมของเหล่าชายไทยมากนัก ไม่เช่นนั้นสาวไทยก็คงไม่นิยมไปฉีดลดโหนกแก้มหรือกรามกันหรอก ถูกต้องใช่มั้ย แต่คุณเชื่อหรือไม่? สิ่งนี้แหละที่ทำให้คนหลายๆคนมีซิกเนเจอร์และเป็นสาวมีโหนกแก้มที่พราวเสน่ห์ มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ สิ่งนี้ต้องเกิดจากความภาคภูมิใจในตัวเองของเราเป็นอันดับแรก เราต้องรักและภูมิใจในสิ่งที่เรามี ใส่อินเนอร์ความสวยลงไปในจิตใจทุกครั้งที่มองหน้าตัวเองในกระจก ขอยกตัวอย่างบุคคลที่มีคาริสม่าที่ Wondergirl ชื่นชอบนะคะ
คุณสุนารี ราชสีมา เป็นบุคคลที่มีคาริสม่าและมีเอกลักษณ์มากๆ
เฟิร์ส หวัง นางงามและนางแบบที่มีโหนกแก้มและกราม เป็นเอกลักษณ์และตัวจริงสวยเปล่งประกายมากๆ
4.ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่น่าค้นหา
คนที่น่าค้นหา คือ คนที่มีความมั่นใจในตัวเอง แล้วจะทำอย่างไรหล่ะเราถึงจะมั่นใจในตัวเอง? วิธีการที่ง่ายที่สุด คือ การเลิกคิดลบๆและใส่ใจกับความคิดลบๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะปัดทิ้งทุกสิ่งที่ลบ เพราะเราก็ต้องมองให้ดีว่าความคิดลบบางอย่างก็แฝงไปด้วยสิ่งที่ต้องการให้เราปรับปรุงเพื่อให้เรากลายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง หลับตาและบอกกับจิตใต้สำนึกก่อนนอนทุกวันว่า "ฉันเป็นคนมั่นใจในตัวเอง ฉันเป็นคนที่มีคาริสม่าทำให้ใครอยากจะเข้าหา" สิ่งนี้จะทำให้คุณมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ส่วนเคล็ดลับการฝึกให้ตัวเองเป็นคนมั่นใจก็ไม่ได้มีเพียงแค่เท่านี้ แต่ยังมีอีกหลายข้อที่ Wondergirl อยากจะแบ่งปันให้แฟนเพจ ซึ่งจะมีในบทความต่อๆไป
5.ยิ้มแย้มอย่างสม่ำเสมอ
หากคุณเป็นเหล่าแฟนๆนางงาม Miss Universe ก็คงน้อยมากที่ไม่รู้จักคำว่า "จริตเมาแมว"
ยิ้มแย้มบนเวที แจกพลังบวกและความสดใสให้แก่ผู้พบเห็น (ถึงแม้เทอจะไม่ได้พูดคุยกับใครตรงหน้า แต่เทอก็ยิ้มแย้มอย่างเป็นธรรมชาติ และสดใสสุดๆไปเลย)
Sthefany Gutierrez 1 ในผู้ประกวด Miss Universe 2018 ที่สามารถเข้าไปสู่ Top 3 ได้
จริตเมาแมว คือ จริตการยิ้มของนางงาม แต่ๆๆ หากเรานำมาปรับใช้ในชีวิตจริง ก็ควรที่จะยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติและจริงใจ(เดี๋ยวคนจะหาว่าปลอม) หากเดินๆอยู่แล้วยิ้มแบบนี้คนเดียว คนก็คงจะมองเป็นอย่างอื่น
ทางที่ดีก่อนที่คุณจะเข้าไปคุยกับคนอื่นหรืออยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก ก็ควรจะยกมุมปากเพื่อให้หน้าตาดูเข้าหา เมื่อพูดคุยแล้วก็ควรจะยิ้มอย่างสดใสและจริงใจ สิ่งนี้จะทำให้คุณมีเสน่ห์และน่าเข้าหามากกว่าคนที่แค่แต่งหน้าสวยแต่ไร้ซึ่งรอยยิ้มเป็นทวีคูณ
6.เป็นคนเล่าเรื่องตลก แต่ในความเป็นจริงไม่ต้องตลกก็สามารถทำให้คุณมีคาริสม่าได้
การเป็นคนเล่าเรื่องได้สนุกและตลกจะทำให้กลุ่มที่พูดคุยเต็มไปด้วยความสว่างไสวน่าเข้าไปแจมด้วย แต่การเล่าเรื่องตลกคงไม่ใช่คุณสมบัติที่จะมีในตัวของคนทุกคนเสมอไป หลายๆคนอาจจะไม่ได้เป็นคนตลกอะไรขนาดนั้น ที่จริงแล้วหลังการสนทนาจบลง ผู้คนมักจะจดจำคนที่เล่าเรื่องหัวข้อที่น่าสนใจได้ชัดเจนกว่าบุคคลที่แค่ตลกอย่างเดียว(จำได้ว่าเป็นคนฮาๆ)
แค่คุณพูดคุยเรื่องที่อีกฝ่ายสนใจและอยากให้คุณเล่าให้ฟัง แค่นี้บรรยากาศการคุยเล่นก็จะสนุกสนานขึ้นแล้ว สิ่งนี้ก็จำทำให้ผู้คนจดจำและชื่นชอบเราได้มากยิ่งขึ้น
เพียงแค่คุณฝึกฝนและพัฒนาตน Wondergirl เชื่อว่าทุกคนจะมีคาริสม่าในแบบของตัวเอง การเป็นคนมีคาริสม่าไม่เพียงแต่จะทำให้คุณเปล่งประกายในสังคม แต่จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายทั้งในการสร้างสัมพันธ์ทางสังคม รวมถึงชีวิต หน้าที่การงาน ครอบครัว โอกาสที่ดีในอนาคต
สามารถติดตามข่าวสารข้อมูลดีๆได้ที่
Page : Wondergirl
โฆษณา