24 พ.ค. 2021 เวลา 08:58 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมรุ บ้านหลังสุดท้ายของ "ชีวิต" : เริ่มต้นการวิจัย
ช่วงหลายปีก่อน ชีวิตต้องหวนกลับไปทำงานตามหน้าที่ที่ถนัด นั่นคือ “งานวิจัย” แต่งานวิจัยคราวนี้เป็น “งานท้าใจ” เพราะเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับสถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้จัดการร่างหลังความตาย นั่นคือ “เมรุ”
1
เนื่องจากที่วัดกำลังจะดำเนินการสร้าง “เมรุ” ขึ้น
เราเองจึงได้รับหน้าที่ในการหาข้อมูลเพื่อที่จะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งนี้
การดำเนินการครั้งนี้แบ่งงานออกเป็นสองส่วนหลังก็คือ
ส่วนแรกส่วนของ “เตาเผาศพ”
และส่วนที่สองเรื่องของ ส่วนปกคลุม เปลือก อาคาร หรือที่เราเรียกโดยรวมว่า “เมรุ”
เมรุฯ ที่มีเตาเผาศพแบบคู่
ตอนแรก เราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ โทรไปติดต่อโรงงานเราก็บอกเขาว่า “เราจะซื้อเมรุ”
เขาก็ถามเราว่า “เมรุหรือเตาเผาศพ” โรงงานขายเตาเผาศพไม่ได้ขายเมรุ เราก็เลยถึงบางอ้อว่า “เมรุกับเตาเผามันคนละส่วนกัน...”
เตาเผาศพ ส่วนใหญ่สมัยนี้เป็นเตาเผาสำเร็จรูป คือ ผลิตจากโรงงานเสร็จแล้วยกใส่รถสิบล้อขนมาตั้งบนเมรุ ติดตั้ง ทดสอบ ตกแต่งให้หล่ออีกนิดหน่อยแล้วก็ใช้ได้เลย
ส่วนเมรุนั้นทางวัดเป็นผู้จัดเตรียม จัดทำ หรือจะเหมาให้ทางส่วนผู้ผลิตเตาเผาศพติดต่อช่างมาทำเหมารวมเลยก็ได้
แค่วันแรกนั้นก็มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายเดือนที่ผ่านมานี้จึงเป็นประสบการณ์อันทรงคุณค่าอย่างมากหลายที่ครั้งหนึ่งได้เข้ามาสัมผัสงานหลังความตายว่าด้วย “เมรุ”
เมรุฯ
ตะลอนทัวร์ มุ่งหน้า หา “เมรุ...”
ธงแรกของการดำเนินงานครั้งนี้ เราตั้งใจว่าจะใช้ “เตาเผาศพไฟฟ้า” ซึ่งเป็นไฟฟ้าทั้งระบบ
เตาเผาศพปัจจุบันในประเทศนั้นหาแบบเป็นไฟฟ้าทั้งระบบค่อนข้างยาก ในประเทศมีอยู่ไม่ถึงสิบเตา
ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเตาที่ใช้ระบบไฟฟ้าควบคุม แต่ส่วนของการเผานั้น จะใช้เชื้อเพลิงคือน้ำมัน หรือแก๊ส
แต่ในส่วนธงของเรา เราต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งระบบ คือ ใช้ความร้อนจากขดลวดในการเผา
เตาเผาศพแบบขดลวด
ซึ่งในส่วนนี้เอง ทำให้เราทราบได้ว่า ขดลวดนำความร้อนที่ใช้ในการเผาศพนั้นมีปัญหาค่อนข้างมาก
กล่าวคือ การเผาศพในประเทศเรา มักจะมีอุปกรณ์เสริมใส่ไปเผาด้วยนอกเหนือจากศพ เช่น เสื้อผ้า และของใช้ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้ตายมีเชื้อสายเป็นคนจีน ก็จะมีการใส่กระดาษเงิน กระดาษทอง บ้าน รถ เครื่องใช้จำลองต่าง ๆ ใส่เข้าไปในเตาเผาพร้อมกับศพด้วย
กระดาษเงิน กระดาษทอง และของใช้นี้เอง ที่มักทำให้ขดลวดมีปัญหา เพราะสิ่งของเหล่านี้มักจะมีส่วนปนเปื้อนด้วยโลหะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พลาสติก” ผสมอยู่ด้วย
เมื่อโลหะหรือพลาสติกถูกความร้อนก็จะหลอมละลาย เมื่อละลายแล้วก็จะไปจับตัวอยู่กับขดลวดที่ใช้เผาศพ
ดังนั้นเมื่อเผาศพเสร็จแล้ว จึงต้องมีการปีนเข้าไป แคะ ขัด งัด เจ้าพวกโลหะหรือพลาสติกที่ละลายติดอยู่กับขดลวดออก
โลหะและพลาสติกเมื่อเย็นตัวลงนั้นก็จะแข็งติดเป็นเนื้อเดียวกันกับขดลวด ทำให้ต้องใช้เหล็ก หรืออุปกรณ์บาง ๆ ขูด (รวมถึงชิ้นเนื้อที่ไหม้เกรียมอยู่ติดกับขดลวดก็ต้องขูดออกด้วย)
1
ขูดเบา ๆ ก็ไม่ออก ขูดแรงไป ขดลวดก็เสีย เมื่อเสียจุดหนึ่ง ไฟไม่สามารถเดินได้ทั้งเส้น ก็เป็นอันต้องเปลี่ยนกันยกแผง และแผงหนึ่ง ๆ ก็แพงมิใช่เล่น (หลายหมื่นบาท) ในหนึ่งเตาต้องใช้หลายสิบแผง
เตาเผาศพขนิดนี้ไม่ค่อยเหมาะสมกับประเพณีคนไทย รวมทั้งดูแลรักษายาก มีปัญหาติดตามมาหลังการใช้งานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่อง "ขดลวด"
ปัญหานี้ ทางผู้ผลิตก็ได้มีการแก้ไขโดยใช้เซรามิคเคลือบขดลวดให้แข็งแรงและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น แต่เทคโนโลยีนี้ก็ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ (ทวีปยุโรป) ซึ่งนั่นก็จะทำให้เราคิดหนักว่า ถ้าเกิดเสียแบบฉุกเฉิน กว่าเราจะสั่งอะไหล่ หรือดำเนินการซ่อมได้ ศพที่รอเผาอยู่นั้นจะทำอย่างไร หรือว่าถ้าเผาไปครึ่งหนึ่งแล้ว ขดลวดเกิดเสียเราจะทำอย่างไร (เคยเกิดขึ้นกับหัวเผาน้ำมันซึ่งหมดอายุกลางคลัน จึงต้องนำศพที่เหลือครึ่งหนึ่งไปฝังไว้ก่อน)
ความรู้ ความชำนาญของช่างภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัปเหร่อจำเป็นแบบเราก็คงจะเข้าไปซ่อม ไปดูแลอะไรได้ไม่มากนักเพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ และค่อนข้างอันตราย (หัวเผาน้ำมันเปลี่ยนด้วยตนเองได้ อะไหล่หัวเผามีขายในประเทศ ราคาประมาณหนึ่งพันบาทต่อหัว)
ห้องเผาศพระบบหัวเผาแบบน้ำมันดีเซล
และสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่เตาเผาศพชนิดไฟฟ้าทั้งระบบ (ขดลวด) นี้ต้องการคือ กำลังไฟฟ้าจำนวนมาก (ใช้พลังงานไฟฟ้าขนาด 150 – 200 KV 3 Phase 380 Volt 50 Hz) แต่เรื่องไฟฟ้านี้ เราได้เตรียมติดตั้งหม้อแปลงขนาด 160 KV ไว้เรียบร้อยแล้ว อันนี้ไม่มีปัญหา (เรื่องกำลังไฟฟ้านี้ก็เพิ่งมารู้เรื่อง รู้ราว ตอนมาหาข้อมูลเรื่องเมรุนี่เอง)
แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสียทั้งหมดแล้ว คือ ความตั้งใจแรกที่จะใช้ระบบไฟฟ้านั้นคือจะเน้นที่ความรวดเร็วในการเผา ซึ่งคิดว่า น่าจะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาทีต่อศพ แต่เมื่อตรวจสอบเรื่องเวลาแล้วพบว่า ใช้เวลาประมาณ 1.30 – 2.00 ชั่วโมงต่อศพ ซึ่งนั่นก็ไม่แตกต่างอะไรกับระบบน้ำมันที่ใช้อยู่แต่ก่อน
ดังนั้น เมื่อผนวกกับปัญหาเรื่องขดลวด และเรื่องราคาที่สูงมาก เฉพาะตัวเตาเผาศพราคาประมาณสามล้านบาทเศษ (สูงกว่าเตาระบบน้ำมันหรือแก๊สประมาณหนึ่งเท่าตัว) เราจึงตัดธงเรื่องเตาเผาศพระบบไฟฟ้า (ขดลวด) นี้ออกไป คงเหลือแต่เตาเผาศพระบบแก๊สเพียงอย่างเดียว
1
R2R (Research to Routine) เรื่องเตาเผาศพครั้งนี้ เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก คือ น่าสนใจว่า “เราทำไปได้อย่างไร...”
เพราะเมื่อก่อนเมรุนี้เห็นแล้วต้องรีบหนีให้ห่างไกล แทบไม่อยากจะเข้าใกล้
แต่ครั้งนี้ต้องเสาะแสวงหา “เมรุจ๋า อยู่ที่ไหน...” เจอแล้ว ต้องรีบรุดเร็วไว ล้วง แคะ แกะ เกาะ เปิดดูทั้งล่าง ทั้งบน ทั้งนอก ทั้งใน อื่ม... ชีวิตนี้กลัวอะไรก็มักจะได้เดินเข้าใกล้ในสิ่งนั้น
เรื่องราวลึก ๆ และความรู้สึกดี ๆ ปัญญาอันหลากหลายเกี่ยวกับเตาเผาศพนี้มีอีกมากมาย ซึ่งเราจะขอนำเสนอในบันทึกถัดไป และถัดไป...
1
ไปไหน ๆ ก็สนใจแต่ "เมรุฯ
โฆษณา