24 พ.ค. 2021 เวลา 09:02 • ถ่ายภาพ
ตอนที่ 2 มาเป็น กูรู เรื่อง รู กัน
สวัสดีครับท่านผู้อ่านผู้ใฝ่รู้เรื่องรูทุกท่าน เพราะถ้าไม่ใฝ่รู้เรื่องรูคงไม่เปิดมา อ่าน Part รูตอนน้ี อย่าคิดมากนะครับ ผมหมายถึงเรื่อง “รูรับแสง” ไม่ได้ หมายถึงรูปู รูงู หรือรูอะไร แต่มีอยู่รูหนึ่งผมชอบมากครับ นั่นก็คือ “รูเยิฟ...เลิฟยู” (หัวเราะแบบ อายๆ) อันน้ีขอยืมมุขคุณเอกพิธีกรคู่หูของผม เค้ามาใช้หน่อยนะครับ คุณผู้อ่านจะได้รู้ว่าผมยังวัยรุ่นอยู่...
ผมเคยยกเรื่อง “รูรับแสง” มาพูดในรายการ Photo story cheeze อยู่ ตอนหนึ่ง ตอนน้ันเราไปถ่ายทํากันที่จังหวัดเชียงใหม่แขกรับเชิญใน เทปนั้นก็คือ คุณโบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ และถ้าจําไม่ผิด มุขที่คุณเอก เล่นตอนเปิดรายการในเทปน้ันก็คืออันน้ีครับ
เอก : “ใครๆ แถวนี้ก็เรียกผมว่าพ่อเลี้ยงเอก”
โบวี่ : “งั้นแสดงว่าพี่เอกก็เป็นคนรวยทางภาคเหนือสิคะ”
เอก : “เปล่าครับ...พอดีแม่ไม่ว่างเลี้ยง พ่อเลยเลี้ยงอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เป็นยังไงครับมุขคุณเอก อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่ฮาแต่ฆ่าเวลาได้ แต่ถ้าไม่ ฮาบ่อยๆ เดี๋ยวทีมงานก็ฆ่าเขาทิ้งเองล่ะครับ ในเทปนั้นเราได้เลือกไป ถ่ายทํารายการกันที่ วัดท่าตอน ตําบลท่าตอน อําเภอแม่อาย การ เดินทางไปที่วัดนี้พวกเราออกจะเดินทางกันหลายต่ออยู่ครับ เพราะที่ตั้ง ของวัดนี่อยู่เหนือสุดของจังหวัดเชียงใหม่ ผมกับทีมงานเลยเลือกที่ จะขึ้นเครื่องไปลงที่เชียงรายก่อน แล้วนั่งรถยนต์ย้อนกลับไปที่วัดอีกที
แต่ก่อนข้ึนเครื่องก็มีเรื่องให้ลุ้นระทึกกันนิดหน่อย เพราะรถของคุณโบวี่มี ปัญหา เธอจึงมาขึ้นเครื่องเกือบไม่ทัน แต่แล้วสวรรค์ก็มีตา ฟ้าก็เป็นใจให้ พวกเราได้ทํางานกับคนสวยและมีความสามารถอย่างเธอ ตอนนั้นทาง สายการบินประกาศว่าเครื่องจะออกแล้ว ทันใดนั้นเราก็เห็นภาพคุณโบวี่วิ่งเข้ามาแบบไม่คิดชีวิต ชนทุกอย่างที่ขวางหน้า กระโดดหลบทุกอย่างท่ี ขวางเธอ เรียกว่าถ้าคุณเฉินหลงมาเห็นภาพเธอตอนนั้น ต้องติดต่อเธอไป เล่นหนังเรื่อง “วิ่งสู้ฟัด” อย่างแน่นอน แต่บังเอิญคุณเฉินหลงไม่มีบุญครับ รายการเรามีบุญกว่า ก็เลยได้เธอมาร่วมรายการในเทปนั้น
ท่านผู้อ่านอาจจะนึกสงสัยว่าทําไมทีมงานโฟโต้สตอรี่ถึงเลือกไปถ่ายทํา รายการ กันท่ี “วัดท่าตอน” ในเมื่อเชียงใหม่ก็มีวัด และสถานที่สวยงาม มากมายให้ไปแอ่วกันตั้งเยอะแยะ คุณโบวี่สาวสวยวิ่งสู้ฟัดของเราก็ถามผมเช่นนี้เหมือนกัน ผมก็เลยตอบเธอไปว่านอกเหนือจากความสวยงาม ของวัดและอากาศที่ดี
ความพิเศษของวัดท่าตอนอยู่ตรงที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง และมีพื้นที่ ทอดยาวไปตามไหล่เขาถึง 9 ชั้น แถมแต่ละช้ันก็ยังเป็นที่ต้ังของศาสนสถานที่งดงามตระการตาอีกด้วย ซึ่งบริเวณยอดเขาจุดศูนย์กลางเอง ยังเป็นที่ประดิษฐานของ
 
"พระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์" หรือ เรียกสั้นๆ ว่า “พระเจดีย์แก้ว”
พอเล่าจบคุณโบวี่ถึงกับบอกว่าขนลุก คุณเอกพยายามเล่นมุขว่า ท่ีขนลุก น่ะเพราะหนาวแอร์รึเปล่า แต่คุณโบวี่บอกว่าขนลุกในความมหัศจรรย์ ของวัดท่าตอนนี้จริงๆ ค่ะ ตอนท่ีทีมงานเล่าให้ผมฟังคร้ังแรก ผมก็รู้สึก ขนลุกแบบคุณโบวี่นั่นแหละครับ พอได้ไปเห็นกับตาจริงๆ ก็อะเมซิงกว่า ท่ีคิดไว้อีกครับ เรียกว่ายืนอึ้งอ้าปากค้างไปตามๆ กัน และการถ่ายทํา เทปนั้นเราก็ได้ทั้งภาพสวย และความเป็นสิริมงคลแบบสุดๆ มาฝาก คุณผู้ชมในรายการกันถ้วนหน้าครับ นึกแล้วก็อยากจะไปอีกสักรอบ ถ้าคุณ ผู้อ่านท่านใดสนใจจะไปก็ชวนกันบ้างนะครับ เดี่ยวผมเป็นไกด์พาเที่ยวให้ แต่ตอนน้ีลองดูภาพที่ผมถ่ายมาไปพลางๆ ก่อนแล้วกันครับ
สถาปัตยกรรมภายในพระเจดีย์แก้วประกอบด้วย 3 ช้ัน
ช้ันที่ 1 เป็นชั้นแห่งทาน และใต้ฐานพระบรมธาตุฯ บรรจุด้วย บันทึกรายช่ือผู้บริจาค
ชั้นที่ 2 เป็นช้ันแห่งศีล ซึ่งมีสะพานสายรุ้ง สื่อถึงเส้นทางทอดผ่าน จากแดนมนุษย์ (โลกิยภูมิ) ขึ้นสู่แดนสวรรค์ (โลกุตรภูมิ)
ชั้นท่ี 3 เป็นช้ันแห่งภาวนา และเป็นท่ีประดิษฐานพระเจดีย์แก้ว ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้
ดังนั้น ผู้ใดได้ร่วมสร้างพระบรมธาตุรัชมังคลาจารย์สมานฉันท์ ก็เหมือน ได้สร้างสะพานสายรุ้งให้แก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อข้ึนสู่แดนสุขาวดี... งานนั้น พวกเราก็เลยร่วมกันทําบุญเพื่อสร้างสะพานสายรุ้งให้แก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อ ขึ้นสู่แดนสุขาวดีกันอย่างเต็มที่ แต่คุณเอกพิธีกรคู่หูผมบอกว่าไม่อยากสร้าง สะพานสายรุ้ง แต่อยากทอดสะพานรักไปหาคุณโบวี่มากกว่า ไม่รู้ว่าจะต้อง ทําบุญด้วยวิธีใด ผมเลยแนะนําไปว่าให้เอามือแหย่ปลั๊กไฟตายซะ เผื่อ เกิดใหม่ชาติหน้าอาจจะหน้าตาดีกว่านี้ แล้วคุณโบวี่อาจจะสนใจก็ได้
หลังจากรู้เรื่องประวัติของวัดกัน ไปแล้ว ตอนน้ีเรามารู้เรื่อง “รูรับแสง” กันดีกว่าครับ อย่างท่ีผมได้ ชวนไว้ในช่ือตอนแล้ว ว่ามาเป็น กูรูเรื่องรูกัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะ อธิบายเรื่องรูแบบง่ายๆ ให้ฟังครับ รูรับแสง คือ รูที่แสงวิ่ง ผ่านเข้าไป ในกล้อง...จบแล้วครับ เรื่องของ รูรับแสงก็มีเพียงเท่านี้ (ฮา) แต่ ถ้าผมเล่าเรื่องรูแต่เพียงเท่าน้ี ตัวผมอาจมีรูพรุนแน่เลย เอาเป็น ว่าผมอธิบายขยายความเพิ่มเติม ต่อถึงรู และผลของรูดีกว่านะครับ
รูรับแสง
รูใหญ่ - แสงเข้ามาก รูเล็ก - แสงเข้าน้อย
เป็นไปตามธรรมชาติของรูครับ แต่ท่ี สําคัญไปกว่าน้ันคือ แสงที่วิ่งผ่านเข้ารูมามีผลต่อภาพที่ออกมาอย่างมหาศาลครับ เพราะฉะน้ัน เราไปดูขนาดของรูกันดีกว่าค่าของรูรับแสงจะมีค่าเป็นตัวเลขดังน้ีครับ
1.2, 1.4, 1.8, 2.0, 2.8, 3.5, 4.5, 5.6, 8, 14, 16, 18, 22, 32
เอาเป็นว่าเราไม่ต้องไปรู้ และไม่ต้องไปจําตัวเลขของรูหรอกครับ เดี๋ยวจะงง กันเปล่าๆ แต่คุณเอกบอกว่าจะจํา เพราะเขาเป็นคนจําแม่น ก่อนมาเป็น พิธีกรรายการ Photo story เขาเคยทํางานเก่ียวกับตัวเลขมาก่อน คุณโบวี่ก็เลยถามว่า “ทํางานเก่ียวกับบัญชีเหรอคะ” คุณเอกตอบว่า“เปล่าทํางานจดแต้มดัมม่ีอยู่ในบ่อน” เอาเป็นว่าอย่าไปสนใจมุขราคาถูกห้าบาทสิบบาทของคุณเอกเขาเลยครับ คุณผู้อ่าน
เรามาเข้าเรื่องรูกันต่อดีกว่า สรุปว่าไม่ต้องไปจําตัวเลขมันหรอกครับ ให้จําแค่ว่า เลข มาก - รูจะเล็ก เลขน้อย - รูจะใหญ่ บางท่านอาจจะคิดว่า แล้วจะรู้ไปทําไม ไอ้รู เล็ก รูใหญ่เนี่ย อันน้ีต้องรู้ครับ เพราะไอ้รูเล็กรูใหญ่เนี่ย มันมีผลต่อภาพท่ีออกมาครับ เขาเรียกว่า Side effect ผลข้างเคียงของ รูรับแสง นั่นก็คือ ความชัดตื้น ชัดลึก นั่นเอง ความชัดตื้น ชัดลึกจะขึ้นอยู่กับรูรับแสง ยิ่งปรับให้รูรับแสงไปที่ตัวเลขน้อย ภาพออกมาจะ “ชัดตื้น” คือ ชัดเฉพาะส่วน ส่วนรูรับแสงที่ตัวเลขมากๆ ภาพจะ “ชัดลึก” คือ ชัดต้ังแต่หน้าถึงหลัง แต่ถ้าใครถ่ายออกมาแล้วเบลอทุกรูปไม่ว่าจะ ปรับไปทางรูไหน อันนั้นผมแนะนําให้ไปตัดแว่นครับ
สรุปอีกทีนะครับ
รูรับแสง หรือ ค่า F : เลขน้อย-ชัดตื้น เลขมาก-ชัดลึก
เอาเป็นว่าลองดูตัวอย่างจากภาพท่ีผมถ่ายมาแล้วกันครับ
“รูปชุดแรก รูปขวดน้ําสีต่างๆ
รูปที่ 1 ใช้ F5 เลขน้อย ชัดตื้น ผมปรับโฟกัสให้ชัดที่ขวดส้มขวดหน้า สังเกตครับ ว่า จะชัดเฉพาะขวดสีส้มขวดหน้าขวดเดียว
รูปท่ี 2 ขวามือ ใช้ F11 ปรับโฟกัสท่ีขวดสีส้มขวดหน้าเหมือนเดิม แต่สังเกตครับ ความชัดเกิดตั้งแต่ขวดส้ม ถึง ขวดเขียว
รูปที่ 3 ซ้าย ใช้ F32 ปรับโฟกัสท่ีขวดสีส้มขวดหน้าเหมือนเดิมเช่นกัน สังเกตนะ ครับว่า ระยะชัด จะชัดตั้งแต่ขวดส้ม จนถึง ขวดฟ้า โดยประมาณ เราเรียกว่า F32 มีระยะชัดลึกมากกว่า F5 ครับ”
“รูปชุดท่ี 2
สังเกตครับว่า รูปซ้ายและรูปขวา มีความชัดตื้นทั้งคู่ แต่ถ้าดูให้ดี ฉากหลังของรูป ทั้ง 2 จะมีความเบลอไม่เหมือนกัน รูปขวายังเห็นเป็นรั้ว แต่รูปซ้าย เบลอจนไม่รู้ ว่าเป็นอะไร แล้วลองดูดอกไม้ด้านหน้าซิครับ รูปด้านซ้ายดอกไม้ด้านหน้าเบลอมาก กว่ารูปด้านขวา ทั้งน้ีก็เพราะรูปด้านซ้ายใช้ F6.3 ซึ่งทําให้รูปชัดตื้นกว่า F18 ในรูป ขวานั่นเอง”
ดังน้ัน เวลาท่ีเราอยากจะเน้น หรือควบคุมความชัดลึก ชัดตื้น ด้วยตนเอง เวลาถ่ายภาพ ก็ต้องใช้โหมดควบคุมรูรับแสง กล้องทั่วไปก็คือโหมด A หรือ ก็โหมด Av
ผมมาถ่ายวัดท่าตอน เน้นทิวทัศน์ และสถาปัตยกรรม ก็ต้องการความ ชัดลึก ผมจึงเปิดรูรับแสงที่เลขมากๆ ประมาณ F16, F22 ประมาณ น้ัน
"แอบกอดแม่กก"
“ขึ้นรถ ลงเรือ ไปเหนือ ล่องใต้”
คุ้นกับสโลแกนโฆษณายาหม่องอันนี้ ไหมครับ ถ้าไม่คุ้นก็แสดงว่ายังเด็กอยู่ แต่ถ้าใครคุ้นบอกได้เลยว่าแก่ครับ จริงๆ ผมก็ไม่คุ้นหรอก มีคนเขาบอกให้ฟังอีกที (ฮา) จริงๆ ผมหยุดความ เป็นหนุ่มของผมไว้ตั้งแต่ตอนอายุสามสิบแล้วครับ ถ้าใครถามผมว่าอายุ เท่าไร ผมจะตอบว่า “ก็ไม่เท่าไรหรอก คนกันเองพอลดให้ได้” เอาเป็น ว่า การเดินทางไปวัดท่าตอนที่จังหวัดเชียงใหม่คราวนี้ สถานการณ์มันจะเป็นแบบนั้นน่ะครับ คือ “ข้ึนรถ ลงเรือ ไปเหนือ ล่องใต้” ตอนแรกผมเล่าว่า ข้ึนเครื่องบิน แล้วมาต่อรถยนต์แล้วใช่ไหมครับ คราวน้ีผมจะพาคุณผู้อ่าน ไปต่อเรือบ้าง เพราะในการถ่ายทํารายการในวันน้ัน เราได้ไปล่องเรือ ไปเท่ียวชมแม่น้ํากกกันด้วยครับ ในวันนั้นน้องโบวี่นางเอกเรื่องวิ่งสู้ฟัดของผม เธอไม่ย้อท้อแต่อย่างใด เรียกว่าไปไหนไปกันเธอสู้ฟัดอยู่แล้วไม่ว่าจะ เหนื่อยแค่ไหน แต่แล้วความงามของแม่น้ํากกในวันนั้นก็ทําให้เราหาย เหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ผมคงไม่สามารถบรรยายความสวยงามของแม่น้ํากกได้ ด้วยตัวหนังสือ เอาเป็นว่าไปชมภาพดูแล้วกันครับ เพราะว่าล้านตัวหนังสือ ก็มิอาจสู้ภาพท่ีเห็นด้วยดวงตาเพียงภาพเดียว
จะเห็นว่าภาพที่ผมโชว์ข้างต้น ใช้เทคนิคชัดตื้น โดยเปิดรูรับแสง ตัวเลข น้อยๆ แล้วปรับระยะชัดให้ชัดท่ีตัวแบบ คือ ตัวคุณโบวี่ และให้ ฉากหน้า ฉากหลังเบลอ ขับเน้นตัวนางแบบให้โดดเด่นข้ึนมา ในเมื่อเรา มาล่องเรือชมแม่น้ํากกกันทั้งที ผมก็ขอถือโอกาสนี้ บอกเล่าเกร็ดความรู้ เกี่ยวกับแม่น้ํากกสักเล็กน้อยแล้วกันครับ
แม่น้ํากกมีความยาวขนาด 130 กิโลเมตร และมีต้นกําเนิดอยู่ท่ีประเทศพม่า เข้าสู่ ประเทศไทยท่ีช่องแม่น้ํากก อําเภอ แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ไหลมาเรื่อยๆ จนผ่านตัวอําเภอเมืองเชียงราย หลังจากนั้นก็ไหลผ่านบริเวณสบรวก อําเภอ เชียงแสน จังหวัดเชียงราย ก่อนไปรวม กับเส้นเลือดใหญ่ คือ แม่น้ําโขง
หากคุณผู้อ่านสนใจจะมาเท่ียวที่นี่ สามารถขึ้นเรือที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือเชียงรายก็ได้ตามแต่สะดวก แต่ถ้าจะข้ึนกันต้ังแต่ที่ท่าพระจันทร์ ท่าวังหลัง หรือท่าน้ํานนท์ ผมว่าคงเป็นเดือน กว่าจะถึง ขอแนะนําให้ไปข้ึนท่ีเชียงใหม่ หรือเชียงรายดีกว่านะครับจะใกล้กว่า แต่ รับรองว่าถ้าคุณผู้อ่านได้ไปแล้วจะหลง เสน่ห์ของสายน้ํา และอ้อมกอดของขุนเขา แถมผ่อนคลายไปกับธรรมชาติที่สวยงาม บริสุทธิ์ เหมือนกับที่ผม คุณเอก และคุณโบวี่สัมผัสกันในวันนั้น....อย่าลืมนะครับ ออกไปกอดประเทศไทยกัน
และเมื่อมีบรรยากาศที่ดี และมีสาวสวย อย่างคุณโบวี่แบบนี้ เราคงทําอะไรไป ไม่ได้นอกจากเล่นไพ่...พูดเล่นนะครับ ...บรรยากาศแบบนี้ก็ต้องถ่ายรูปสิครับ เมื่อมีนางแบบท่ีสวยเราก็ควรจะมาถ่าย ภาพบุคคลกัน คุณเอกพยายามจะนํา เสนอตัวเองเป็นนายแบบ แต่ผมบอกว่าผมจะถ่ายภาพบุคคล แต่คุณเอกหน้าตาเหมือนมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลก ผมถ่ายคุณโบวี่น่าจะสุนทรีกว่า เอาเป็นว่าการถ่ายภาพบุคคลเราจะเน้น คนให้เด่น ส่วนฉากหน้า ฉากหลังเป็นองค์ประกอบของภาพก็ทําให้มันเบลอ ซะ ก็ต้องเป็นการถ่ายแบบชัดตื้น เราจะใช้โหมด A หรือ Av เหมือนตอน ถ่ายทิวทัศน์ แต่จะปรับค่า F ไปตรงกันข้าม คือ ตัวเลขน้อยๆ เพื่อให้เกิด ชัดตื้น วันน้ันผมใช้ F ประมาณ 2.8
ความจริงปัจจัยท่ีทําให้เกิดชัดตื้น ไม่ได้เกิดจากรูรับแสงแต่เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก 4 สาเหตุ ดังนี้ครับ
1. ขนาดรูรับแสง ย่ิงเลขน้อย ยิ่งชัดตื้น
2. ระยะห่างของฉากหลังกับตัวแบบ ย่ิงห่างมาก ยิ่งตื้น
3. ระยะซูม ยิ่งซูมมาก ยิ่งชัดตื้น ข้อนี้ กล้องใครซูมได้มากกว่า
ก็ได้เปรียบกว่ากล้อง ซูมน้อย
4. ระยะห่างของกล้องกับตัวแบบ กล้องย่ิงเข้าใกล้ตัวแบบ ย่ิงมาก ย่ิงชัดตื้นครับ
5. ขนาดของเซ็นเซอร์รับภาพ
เซ็นเซอร์ของกล้องท่ีใหญ่กว่าย่อมทําชัดตื้นได้ดีกว่ากล้องเซ็นเซอร์เล็ก นั่น หมายความว่า กล้องคอมแพกต์ตัวน้อยๆ ก็จะทําชัดตื้นสู้กล้องใหญ่ พวก DSLR ไม่ ได้ครับ
“คาวเกิร์ลท่ีเขาใหญ่”
อธิบายเรื่องการถ่าย Portrait ขึ้นมาแล้วภาพในหัวผมก็มีภาพสาวสวย อีกคนหน่ึงลอยขึ้นมาทันที สาวคนนั้นเธอสวยจริงๆ ครับ เจอกันตอน ถ่ายรายการครั้งแรก คุณเอกพิธีกรคู่หูผมถึงกับบอกว่า เธอสวยหยาดฟ้า มาดินจริงๆ ครับ และเธอคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก คุณหยาด หยาดทิพย์ ราชปาล เทปนั้นเราไปถ่ายทํากันที่เขาใหญ่ ซึ่งเขาใหญ่นี่ผม ก็เคยไปมาหลายคร้ังแล้ว แต่ไม่มีคร้ังไหนสุขใจเท่าคร้ังที่มีคนสวยหยาดฟ้า มาดินอย่างคุณหยาดร่วมเดินทางไปด้วยเลย ส่วนใหญ่ร่วมเดินทางกับคน ขี้เหร่อย่างคุณเอกพิธีกรคู่หูของผม และวันนั้นเธอก็แต่งตัวในสไตล์คาวบอย
ต้องเรียก “คาวเกิร์ล” สิ เพราะเธอเป็น ผู้หญิง เธอช่างเป็นคาวเกิร์ลท่ีหน้าหวาน แถมแอบซ่อนความเซ็กซี่แบบสุดๆ และ เมื่อมารวมกับดอกหญ้าท่ีปลิวไสวตรง บริเวณศาลาเขาใหญ่ รีสอร์ทแอนด์สปา ผมแทบควักกล้องออกมาถ่ายเธอแทบ ไม่ทัน คุณผู้อ่านอาจจะคิดว่าผมออก อาการมากเกินไปหรือเปล่า จริงๆ แล้วผม แค่อยากจะหยิบมาถ่ายเพื่อมาฝากคุณ ผู้อ่านหนังสือผมเนี่ยแหละครับ ผมไม่ได้ คิดอะไรนอกไปกว่าน้ันจริงๆ นะครับ... จริงจริ๊งงงงง...
เอาเป็นว่าพอผมหันไปมองคุณหยาดอีกที ก็เห็นคุณเอกที่พยายามแต่งตัว มาในชุดคาวบอย แล้วเดินไปรวมกับดอกหญ้าที่ปลิวไสวตรงบริเวณศาลา เขาใหญ่ รีสอร์ทแอนด์สปา พร้อมเก๊กหน้าหล่อสุดๆ แต่ผมมองยังไงก็ เหมือนคนเลี้ยงวัวสุดๆ หน้าตาน่าไปกินหญ้ารวมกับวัวแถวนั้นจริงๆ เอา เป็นว่าเชิญดูรูปท่ีนํามาฝากได้เลยครับ และการถ่ายทําในวันน้ันผมยังคง
ใช้ mode A หรือ Av
แล้วเปิดรูรับแสงหรือ ค่า F ท่ีตัวเลขน้อยๆ ในที่นี้คือ F2.8 เพื่อให้เกิดความชัด ตื้น เน้นตัวคุณหยาดให้โดด เด่น ไปชมภาพกันครับ
“กรุงเทพฯ ในวันฝนตก”
อย่างท่ีเราทราบกันนะครับ ส่วนใหญ่วิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ นั้นจะวุ่นวาย อีรุงตุงนังไม่ค่อยมีเวลาไปไหนกันหรอกครับ จะให้ไปเหนือล่องใต้คงยาก นี่ถ้าผมไม่ได้ทํารายการโฟโต้สตอรี่ ผมก็คงจะนั่งทํางานอยู่ในออฟฟิศ ไม่มีเวลาไปไหนมาไหนเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น...เดี๋ยวผมจะหาสถานท่ีเอาใจคนกรุงกันสักหน่อย แต่คนจังหวัดอื่นจะมาด้วยก็ได้นะครับ ผมจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง สถานทที่ ผมว่า นั้น เป็นสถานท่ีสวยงาม สุดอลังการ แต่ระยะทางสุดใกล้กัน สถานที่ท่ีว่าน้ี ก็คือพระท่ีนั่งไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก พระที่นั่งวิมานเมฆแถวเขตดุสิตนั่นเอง
แต่กว่าจะได้เข้าไปยลโฉมสถานท่ีอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่า ทีมงาน Photo Story Cheeze ต้องทําเรื่องขอ หนังสืออนุญาตจากทางราชการ ใช้เวลาถึง 90 วันเลยทีเดียว แต่ก็คุ้มค่า และเป็นบุญตาสุดๆ ครับ และเมื่อผ่านด่านที่หน่ึงไปได้ด้วยดีแล้ว พอถึงวันจริงที่ต้องไปถ่ายทํา พระพิรุณท่านก็ปล่อยฝนลงมาพอดี คุณเอก เลยพยายามเสนอตัวจะไปปักตะไคร้ให้ เพราะเขาว่ากันว่าคนที่บริสุทธิ์ปักตะไคร้กลางแจ้งแล้วฝนจะหยุด แต่หลังจากท่ีคุณเอกปักตะไคร้ไป ฝนก็ดันหยุดทันทีครับ ไม่น่าเชื่อแต่มันก็เป็นไปแล้ว งานนั้นคุณเอกภูมิใจมาก พยายามไปบอกทีมงานสาวๆ ทุกคนว่าตัวเองบริสุทธิ์ จนกระทั่งโปรดิวเซอร์ เดินมาบอกว่า “ผู้ชายท่ีได้ผู้หญิงบริสุทธิ์ไปก็เหมือนได้เพชรเม็ดงาม แต่ ผู้หญิงที่ได้ผู้ชายบริสุทธิ์ไป ก็เหมือนกับได้ควายไปหนึ่งตัว”
กลับมาท่ีพระท่ีนั่งวิมานเมฆกันนะครับ ที่พระท่ีนั่งบริเวณรอบนอกจะ ตกแต่งไปด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้นนานาพรรณสีสันสดใส ภายในพระที่นั่งวิมานเมฆจะแบ่งเป็นห้องชุดต่างๆ 5 สีด้วยกัน คือ ฟ้า เขียว ชมพู งาช้าง และชมพูอมส้ม แต่ละห้องจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 5 รวมถึงเจ้านายช้ันสูง เช่น ห้องสีเขียว เป็น ห้องเครื่องเงิน จากประเทศจีน ส่วนชั้นสองเป็นห้องทรงงานของรัชกาลที่ 5 และห้องบนชั้นสามจะเป็นห้องบรรทม แต่ส่วนที่ผมว่าน่าสนใจมาก คือ ห้องน้ําหรือห้องสรง เนื่องจากสมัยรัชกาลท่ี 5 หน้าที่ทําความสะอาด ท้ังหมดอยู่ในความรับผิดชอบของมหาดเล็ก
หากท่านผู้อ่านสนใจที่จะแวะไปชม ความสวยงามที่ผมได้กล่าวมา ทั้งหมดนี้ ก็แวะไปกันได้เลยนะครับ ใกล้ๆ นี่เอง บางทีคนเราก็มักจะลืม และให้ความสําคัญกับสิ่งใกล้ๆ ตัว เอาเป็นว่าถ้าไปกันก็อย่าลืมว่าต้อง แต่งกายสุภาพ ตรวจสอบวัน - เวลา เปิดปิดทําการ ค่าใช้จ่ายในการเข้า ชม ได้ที่ www.vimanmek.com และหากคุณผู้อ่านอยากจะรู้สึก กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับคอนเซปต์ ที่แสนคลาสสิกของสถานที่ ก็ลองไป หาเครื่องแต่งกายสมัยคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย มาใส่สิครับ แล้ว เข้าไปถ่ายรูปในนั้นกัน รับรองภาพ จะออกมาเหมือนคุณผู้อ่านได้ย้อน เวลากลับไปในอดีตแบบเรื่องทวิภพเลยครับ แต่อย่าถึงขั้นถอดเสื้อนุ่งโจงกระเบนตัวเดียวแบบคนโบราณนะ ครับ เพราะเจ้าหน้าท่ีคงไม่ปล่อยคุณผู้อ่านเข้าไปแน่
และในวันน้ัน ผมต้องการถ่ายภาพพระท่ีนั่งให้มีความชัดตลอดท้ัง ภาพ เรียกว่าชัด ตั้งแต่หน้าถึงหลัง จึงเข้าหลักการถ่ายภาพชัดลึก ผมจึงใช้ mode A หรือ Av เปิดรูรับแสงแคบๆ คือ ค่า F ที่มีตัวเลข มากๆ ในท่ีนี้ผมใช้อยู่ระหว่าง 16, 18 ไปชมภาพกันครับ
โฆษณา