24 พ.ค. 2021 เวลา 12:15 • ธุรกิจ
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุไหน สิ่งที่คุณจะหลีกเลี่ยงในชีวิตประจำวันไม่ได้เลยก็คือการสื่อสารกับคนอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าในบางบทสนทนา คุณเองก็อยากสร้างความประทับใจกับคนที่กำลังพูดหรืออ่านอยู่กับคุณอยู่
ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้การสื่อสารของคุณดูน่าฟังและมีอะไรมากขึ้น ทาง The Digital Work จึงจะพามาทำความรู้จักกับความหมายของ Rhetorical Devices ว่าเจ้าสิ่งนี้มีกี่ประเภทบ้าง แล้วมีเทคนิคการใช้ Rhetorical Devices อะไรบ้าง
ก่อนที่เราจะมาพูดถึง Rhetorical Devices เคยมีสักครั้งหรือไม่ ในเวลาที่คุณกำลังนำเสนองานอยู่แล้วคุณอยากให้คนที่ฟังอยู่สนใจคุณ เคยมีสักครั้งหรือไม่ ในเวลาที่คุณอยากพูดโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อคุณ ทว่าคุณกลับไม่สามารถทำให้คนที่กำลังฟังคุณอยู่ฟัง หรือเชื่อคุณได้เลย ดังนั้น Rhetorical Devices จึงเป็นเทคนิคที่จะทำให้การพูดของคุณมีพลังมากยิ่งขึ้นจนทำให้คนฟังอยากในสิ่งที่คุณพูดต่อ
📌Rhetorical Devices คือ เทคนิคการพูดหรือการเขียนที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อชักจูงให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังรู้สึกคล้อยตามด้วยการใช้ภาษา โดย Rhetorical Devices สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ Logos, Pathos และ Ethos
🔍Logos คือการใช้ภาษาด้วยหลักการใช้เหตุและผล โดยส่วนมากจะเป็นการใช้ตัวเลขสถิติ หรือการอ้างอิงจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ หรือการใช้คำพูดของบุคคลที่มีอำนาจมาประกอบในการพูด ซึ่งหัวใจสำคัญของการใช้ Logos คือการไม่ใช้ความรู้สึกเกี่ยวข้อง แต่ต้องเป็นการพูดด้วย Fact เพราะหลักเหตุและผลที่ดีเราไม่ควรเอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้งนั่นเอง
🔍Pathos คือการใช้ภาษาด้วยการใช้อารมณ์ ซึ่งการใช้วิธีนี้จะสามารถทำให้ผู้ฟังมีความรู้สึกร่วมกับเราได้ตั้งแต่ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ สงสาร ความโกรธ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนทัศนคติของผู้ฟัง
🔍Ethos คือการใช้ภาษาเพื่อที่เราจะสื่อให้ผู้ฟังและผู้อ่านว่า ‘ตัวเรา’ เองนี่แหละ ที่เป็นแหล่งน่าเชื่อถือ คำพูดของเรามีน้ำหนักมากพอที่ควรค่าแก่การฟัง เพราะเราเคยมีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านั้นมาแล้ว
หากเราสามารถนำแต่ละประเภทที่กล่าวข้างต้นมาประยุกต์ใช้กับเทคนิคของ Rhetorical Devices ได้ นั่นก็จะยิ่งทำให้การพูดและเขียนของเรามีพลังมากขึ้นที่จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกคล้อยตามไปกับเรา ซึ่งในครั้งนี้ทาง The Digital Work จะมายกตัวอย่าง 5 เทคนิคจาก Rhetorical Devices ที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งในการพูดและการเขียน
📌Anaphora เป็นเทคนิคเชิงวาทศิลป์ที่จะใช้คำ หรือ วลีซ้ำกันในทุก ๆ ต้นประโยค ซึ่งการพูดซ้ำแบบนี้จะเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของคำนั้น ๆ อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นความรู้สึกของผู้ฟังได้อีกด้วย
ในเดือนมีนาคม ปี 2011 บรูส อัลวาร์ด แพทย์และนักระบาดวิทยาชาวแคนาดาเองก็ได้มีการนำเทคนิคนี้ไปใช้ในงาน TED Talk กับหัวข้อ “เราจะกำจัดโปลิโออย่างถาวรอย่างไร” โดยบรูสได้กล่าวไว้ว่า “พวกเรามีวัคซีนตัวใหม่ พวกเรามีทางเลือกใหม่ และพวกเรามีกลยุทธ์ใหม่”
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า “พวกเรามี” จะเป็นคำที่ใช้ไว้เริ่มต้นใหม่ในทุก ๆ ประโยคนั่นเอง
📌Anadiplosis เป็นเทคนิคเชิงวาทศิลป์ที่จะใช้คำ หรือ วลีที่อยู่สุดท้ายในประโยค มาขึ้นต้นเป็นคำแรกของประโยคต่อไป
โดยมัลคอล์ม เอ็กซ์ นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนในสหรัฐอเมริกาได้มีการใช้เทคนิคนี้ในการพูดของเขาว่า “เมื่อคุณเปลี่ยนปรัชญาของคุณ คุณเปลี่ยนวิธีการคิด เมื่อคุณเปลี่ยนวิธีการคิด คุณเปลี่ยนทัศนคติ เมื่อคุณเปลี่ยนทัศนคติ มันเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณ แล้วคุณก็จะลงมือทำบางสิ่ง”
จากรูปประโยคนี้เอง เราจะเห็นได้ว่าทุกวลีในท้ายประโยค จะนำมาเริ่มเป็นคำพูดในประโยคต่อไปตลอด
📌Hypophora เป็นเทคนิคเชิงวาทศิลป์ด้วยการตั้งคำถามกับผู้ฟัง แล้วหลังจากนั้นเราก็ตอบคำถามนั้นด้วยตัวเอง
ซึ่งเคิร์ต วอนเนกัต นักประพันธ์ชื่อดังชาวอเมริกันเองก็ได้มีการใช้เทคนิคนี้ในการเขียนหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า Palm Sunday: An Autobiographical Collage ไว้ว่า “วัยรุ่นสมัยนี้ควรทำอะไรหรือ? แน่นอนว่ามีหลายอย่าง แต่สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดคือการสร้างชุมชนที่มั่นคงที่จะสามารถรักษาโรคร้ายอย่างความโดดเดี่ยวได้”
📌Amplification เป็นเทคนิคเชิงวาทศิลป์ที่มีชื่อตรงตามตัวของมัน นั่นก็คือ ‘การขยาย’ นั่นเอง ซึ่งการใช้เทคนิคนี้จะทำให้การพูดของเรามีความหมายที่ลึกซึ้งมากขึ้น โดยเราพูดให้คนรู้ถึงข้อควรรู้ในสิ่งที่เราพูดเพิ่มเติม และนั่นจะทำให้เขาสามารถเข้าใจเราในเชิงลึกได้มากยิ่งขึ้นอีก
บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง ‘มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์’ นักเคลื่อนไหวทางสังคม ผู้เรียกร้องสิทธิให้แก่ผลเมือง และความเสมอภาคของชาวอเมริกันผิวสี ได้มีการนำเทคนิคนี้ในการการกล่าวของเขากับสุนทรพจน์ที่มีชื่อว่า “I have a dream” ไว้ว่า “ผมมีความฝันว่าลูกตัวน้อยทั้งสี่ของผมจะมีวันที่พวกเขาสามารถใช้ชีวิตในประเทศนี้โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกตัดสินจากสีผิว หากแต่เป็นที่ตัวตนของพวกเขา”
เมื่อเราลองมาคิดกันดูดี ๆ แล้ว ในความเป็นจริงมาร์ตินสามารถพูดว่า “ผมอยากให้ลูก ๆ ของใช้ชีวิตโดยไม่ถูกตัดสิน” ก็ได้แล้ว ทว่าเขากลับเลือกที่จะอธิบายเพิ่มถึงเรื่องของ สีผิว ขึ้นมา เพื่อแสดงให้คนฟังเห็นว่าการถูกตัดสินจากสีผิวเป็นเรื่องที่สาหัส และต้องให้ความสำคัญมากแค่ไหน
📌Germination เป็นเทคนิคเชิงวาทศิลป์ที่ในประโยคจะมีการใช้คำ ๆ หนึ่งนำมาพูดซ้ำกันหลายครั้ง
โดยสตีฟ จ็อบส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Apple ก็ได้มีการนำเทคนิค Hypophora มาใช้ร่วมกับ Germination ในการพูดของเขาไว้ว่า “ตอนนี้พวกเราสามารถขายเพลงได้มากกว่า 5 ล้านเพลงในหนึ่งวันแล้ว ไม่คิดว่ามันเหลือเชื่อเหรอครับ? นั่นคือ 58 เพลงในทุกวินาทีของทุกนาทีในทุกชั่วโมงของทุกวัน”
โดยประโยคแรกของสตีฟได้มีการใช้ Hypophora ในการตั้งคำถามและตอบ และจากคำตอบของเขาเองก็ได้มีการใช้ Germination นั่นก็คือการใช้คำว่า ‘ทุก’ หลาย ๆ ครั้งในหนึ่งประโยค
ในความเป็นจริงแล้วเทคนิคการใช้ Rhetorical Devices ยังมีอยู่อีกหลากหลาย และสิ่งที่ทางเรายกตัวอย่างมานั้นเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้น และเพื่อที่จะทำให้การพูดของคุณดูมีอะไรมากยิ่งขึ้น ก็อย่าลืมนำเทคนิคที่เรานำมาฝากไปลองใช้กันดูล่ะ😉
นี่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ควรรู้ในการทำการตลาดออนไลน์เท่านั้น ส่วนใครที่สนใจอัพเดทเทรนด์ หรืออยากพัฒนาทักษะ เพิ่มความถนัดด้าน Digital Marketing โดยเฉพาะและต้องการรู้เคล็ดลับเพิ่มเติมในสายงานนี้ ก็สามารถกดติดตาม Blockdit ของ The Digital Work เพื่อไม่ให้พลาดการอัพเดทเนื้อหาดี ๆ แบบนี้ได้เลย!
โฆษณา