หมอแผนไทยน่าอับอายหรือน่าภูมิใจ
• ผมเคยไม่ให้แม่กินยาสมุนไพรเพราะรับข่าวสารว่าทำลายไตตับ
- เมื่อเรียนเอง ใช้จริงเองจนรู้เอง (เรียนแล้วรู้) ก็ไม่ใช่อย่างที่เคยรับรู้
- พรบ. ประกอบโรคศิลปะฉบับแรกแยกหมอแผนโบราณกับหมอแผนปัจจุบัน(เป็นที่มาของคำว่า”หมอแผนโบราณ”)
- สมัยกรุงศรีอโยธยา ใช้คำว่า “หมอ”กับหมอทั้งหมด เช่น หมอพะโค หมอจีน หมอวิลาศ (ศักดิ์เท่าเทียมกัน)
- ประเทศจีนหมอแผนจีนหมอแผนฝรั่งศักด์เท่ากัน เพราะเริ่มต้นเรียนพร้อมกัน (เหมือนรวมเหล่าในอดีต) มาแยกแผนเอาปีหลังๆ
• พรบ. ควบคุมหมอฉบับแรกเอาเป็นว่า “ไทยเราแบ่งแยก” (แถมลดศักดิ์หมอแผนไทยด้วย) เขากำหนดประมาณนี้ครับ...
- หมอแผนโบราณ ห้ามทดลองถือว่าเชื่อต่อๆกันมา และห้ามใช้คำว่ารักษา อนุญาตให้เพียงบำบัดฟื้นฟูเท่านั้น
- หมอแผนปัจจุบันทดลองเป็นวิทยาศาสตร์ ใช้คำว่ารักษาได้ มีสิทธิใช้คำว่า “แพทย์” ได้เท่านั้น
- ส่วนหมอแผนอื่น เข่น หมอแผนโบราณห้ามใช้คำว่าแพทย์ ถ้าใช้คำว่าแพทย์ถือมีความผิดตามพรบ. กฎหมาย
• เมื่อยุคประชาธิปไตยเบ่งบานจึงมีเรียกร้องให้เสมอภาค พรบ. ควบคุมหมอฉบับใหม่ยอมแก้คำที่ต่างศักดิ์ให้เสมอภาค
- เปลี่ยนจาก ”หมอแผนโบราณ”เป็น “แพทย์แผนไทย”และให้ใช้คำว่ารักษาได้
• ท่าน ศ. นพ. อวย เกตุสิงห์ ท่านให้อนุรักษ์ภูมิปัญญาดั่งเดิม
- ที่เพิ่มเติมคือ “การแพทย์แผนไทยประยุกต์”
- ท่านเปิด โรงเรียนอายุรเวท สอนใช้เครื่องมือแผนปัจจุบันได้บางรายการ เช่น เย็บแผลได้ ใช้เครื่องตรวจหูฟังได้ ใช้เครื่องวัดความดันฯ
- และเน้นนวดอย่างเป็นระบบเรียกว่า “การกดจุดสัญญาณ” เอาท่ารำดาบมาประยุกต์กับการนวดราชสำนัก
- นับตั้งแต่นั้นแยกเป็น ๑. นวดราชสำนักกับ ๒. นวดเชลยศักดิ์ (ต่อมาเปลี่ยนเหลือแต่ “นวดแผนไทย” ไม่แยกราชสำนัก)
• ครูผมท่านจบอายุรเวทได้ทำงานที่ รพ. อำเถอในภาคใต้
- ท่านเป็นหมอมีใบประกอบโรคศิลปะ ท่านรักษาแผนไทยได้ จ่ายยาแผนไทยได้ แต่เจ้านายผู้ควบคุมเป็นพยาบาลรักษาไม่ได้ จ่ายยาไม่ได้ จะบังคับครูให้นวดอย่างเดียวจนปินเกลียวกัน
- สุดท้ายให้คุณพยาบาลไปเรียนหมอแผนไทยเสีย จะได้รักษาได้ จ่ายยาได้ เรื่องจึงยุติ
- ครูก็ได้รักษาตามวิชาหมอแผนไทย ตั้งตำรับยาสมุนไพร จ่ายยาสมุนไพร ที่เพิ่มเติมประยุกต์ คือ เย็บแผลแบบแผนปัจจุบันได้ด้วย
• เคสครูผมเราต้องมองในมุมของคุณพยาบาลท่านด้วย
- ท่านไม่รู้เรื่องวิชาหมอแผนไทยเลย แต่ตำเหน่งต้องรับผิดชอบร่วม เอาต้นไม้อะไรให้กินก็ไม่รู้ ถ้าอันตรายขึ้นมาถูกฟ้องร้อง ๑. จำเลยที่หนึ่งนั้นหมอผู้รักษา ๒. จำเลยที่สองคือหัวหน้าคุณพยาบาล
• หรือเคสน้ำมันกัญชาหมอแผนปัจจุบันไม่สนใจใช้เลย
- เพราะเขาไม่มีความรู้ แต่เขาต้องรับผิดชอบเต็มๆ ขึ้นศาลผู้พิพากษาถามท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเปล่า?
- ถ้าไม่ใช่รักษาทำไมทำไมไม่ส่งต่อผู้เชี่ยวชาญมันผิดเต็มๆ
- ปัจจุบันจึงใช้แพทย์เฉพาะทาง เช่น ต้องเจาะคอ ก็ให้หมอศัลยกรรมมาจัดการ ถ้าต้อง จะ x-ray ก็ส่งให้หมอรังสีรับผิดชอบ ถ้าผลออกมาเกี่ยวกับสมองก็ส่งต่อหมอสมอง
- ทีนี้หมอกัญชาไม่มี หมออายุรเวทก็ไม่เอาไม่เสี่ยงด้วย หมอสมองก็ไม่เอาไม่ยุ่ง
- พูดอย่างนี้ทำให้เข้าใจในมุมหมอแผนปัจจุบัน คือ เขาไม่รู้เรื่องไม่เขี่ยวชาญจึงไม่เสี่ยงใช้ (ก็ถูกต้องแล้วครับ)
• จากตัวอย่าง “สมมุติกัญชาคือหมอแผนไทย”
- ที่หมอแผนปัจจุบันไม่เอาหมอแผนไทย หรือเหมือนครูผมที่คุณพยาบาลไม่เสี่ยงด้วย ท่านเข้าใจแล้วนะครับเพราะเหตุใด
• ผมยอมรับจุดอ่อนต่างๆของหมอแผนไทย เช่น ไม่มีงานวิจัย ใช้ศัพท์แสงโบราณ สงสัยในการปลุกเสกเลขยันต์เป่ามนต์คาถา ทำไมต้องมีพิธีกรรมในการรักษา หรือ poor hygiene (เมื่อเทียบหมอแผนปัจจุบัน)
• แต่สำหรับผมถือว่านั้นเป็น “จุดเด่นเป็นเสน่ห์” ที่หมอแผนอื่นไม่มีไม่ว่าหมอแผนจีน หมอแผนแขก หรือหมอแผนฝรั่ง
- เหมือนการใช้เตาถ่านถึงมือจะเปื้อนเขม่า (ถ่านเปื้อนมือไม่ได้หมายความว่าถ่านสกปรกนะครับ)
- หรือปักเฉลียว หรือดูวันเดือนปีเวลาตกฟาก มันเป็นเสน่ห์เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมันเป็นภูมิปัญญาหมอแผนไทยครับต้องอนุรักษ์รักษาไว้ครับ
• ผิดเลยถ้าหมอแผนไทยเรียกร้องขอไปขอทำงานที่โรงพยาบาล ที่นั้นต้องให้หมอแผนปัจจุบันที่ไม่รู้เรื่องสมุนไพรต้องมารับผิดชอบด้วย เขาเลือกให้นวดอย่างเดียวครับเพราะไม่เสี่ยง
- หมอแผนไทยสร้างสถานพยาบาลเอง รักษาเอง รับผิดชอบเอง ที่นั้นไม่มีใครเขาตำหนิ หรือหมิ่นศักดิ์ศรีครับ
- สมมุติถ้ามีผู้ใดดูแคลนการประกอบวิชาชีพหมอแผนไทย ก็ทำหนังสือขอคำชี้แจ้งไปที่สภาที่ควบคุมเขาให้ช่วยชี้แจงเรื่องจรรยาบรรณ “เรื่องการก้าวก่ายกันได้ “ ไม่ใช่ด่าทอ โต้ตอบผ่าน social กันแบบนี้ผิดไม่สร้างสรรทุกฝ่ายเลยครับ
สรุป “หมอแผนไทยน่าอับอายหรือน่าภูมิใจ”ครับ!!!
หมอบวร จันทร์โภคาไพบูลย์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
