27 พ.ค. 2021 เวลา 01:44 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
ความรักของอาที่ไม่เคยรู้จักหลานมาก่อน
ต้องยอมรับว่า ซีรี่ย์เกาหลีใน Netflix มีเรื่องราว หรือ ข้อคิดดีๆทิ้งไว้ให้คนดูได้คิดอยู่มากมาย ละ 1 ในซีรี่ย์ที่กินใจคนดูได้มากที่สุดในตอนนี้เลยก็คือเรื่อง Move to Heaven
เนื้อหาในโพสนี้อาจจะมีการสปอยเนื้อเรื่องเพื่ออธิบายเนื้อหานะครับ เลยอยากให้เพื่อนๆดูจบทุกตอนก่อนเเล้วมาเเชร์มุมมองกัน
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเรื่องนี้มากๆ เพราะรู้สึกว่า เนื้อหา หรือ ข้อคิดในซีรี่นี้ย์มีอยู่ในทุกๆตอน เเต่ เนื้อหานึงที่ผมดูทุกตอนเเล้วยังรู้สึกว่าหนังไม่ได้บอกคนดูแบบตรงๆ เเต่ เขาพยายามให้เราคิดตลอดทั้งเรื่อง เเละ ให้เราสรุปกันเอง เลยก็คือ เหตุผลอะไรที่พ่อส่งโจซังกู(อา)มาให้ดูเเลฮันกือรู(ลูก)เเทน?
เนื้อหาต่อไปนี้คือ ความรู้สึกของผมหลังจากดูจบทีั่จะมาเเชร์ให้เพื่อนๆนะครับ ใครคิดเห็นยังไงสามารถคอมเม้นได้เลยครับ
ซึ่งข้อคิดที่ผมได้เรียนรู้มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่างก้คือ
1)อยากให้คนที่เรารักทั้งสองคนในชีวิตได้รู้จักกัน
2)สิ่งที่ต่างกัน อาจจะเป็นสิ่งที่เข้ากันได้ดีที่สุด
3)สิ่งสุดท้ายในชีวิตของเราที่อยากเห็นมากที่สุดคือ รอยยิ้มของคนที่เรารัก
1) อยากให้คนที่เรารักทั้งสองคนในชีวิตได้รู้จักกัน
ในโลกของ ฮันจองอู (พ่อของกือรู) คนที่เขารักมากที่สุดในชีวิตก็คือ ภรรยาของเขา ฮันกือรู เเละ โจซังกู (น้องชายของเขา) สิ่งนึงที่หนังปูมา เเล้วอาจจะมีคนสังเกตบ้าง หรือไม่ทันสังเกตบ้างก็คือ โจซังกูยังไม่เคยเจอ หรือ รู้จัก ฮันกือรูสักครั้งในชีวิตของเขา จนกระทั่งเขาย้ายเข้ามาอยู่ อาจจะเป็นเพราะ เขามีความหลังกับฮันจองอู จนทำให้ คน 2 คนนี้ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เเต่นั่นก็เป็นเเค่มุมมองของ โจซังกูที่มีต่อพี่ชายเขาก่อนที่จะรู้ความจริง
เเต่ถ้าเรากลับมามองในมุมมองของ ฮันจองอูที่มีต่อน้องชายเขา คือ เขาไม่เคยที่จะรู้สึกน้อยใจ หรือ ไม่ชอบในการกระทำของน้องชายเขาที่ไม่คุย ไม่ติดต่อ เเละหายไปเเม้สักครั้ง
โจซังกูในตอนโตก็ยังเป็น โจซังกูที่เขาเชื่อมั่น เชื่อใจ เเละยังรัก เหมือนโจซังกูในตอนเด็กๆ เเละนั่นก็คือความรุ้สึกที่เขาแสดงให้น้องชายเขาได้เห็นว่า ทำไมเขาถึงมอบหมายหน้าที่ ที่สำคัญที่สุดให้น้องชายเขาได้ทำ นั่นก็คือ การมาดูเเลลูกชายที่เขารักมากที่สุดในชีวิต เหมือนหนังกำลังบอกอ้อมๆว่า นี่คือ ข้อความสุดท้ายในชีวิตที่ พี่ชายคนนึงจะทิ้งไว้ให้น้องชายที่เขารักมากที่สุดในชีวิต ว่า “ฝากดูเเลลูกของพี่ด้วยให้ด้วยนะ เพราะ ถ้าไม่ใช่นาย พี่คงไม่มีใครอีกเเล้วที่จะทำหน้าที่นี้ได้”
เเต่ก็ไม่ใช่เเค่ข้อความที่ส่งถึงน้องชายของเขา เเต่ยังส่งให้ลูกของเขาด้วยว่า “ เเละ อีกอย่าง ฮันกือรูลูก นี่คือคนที่พ่อรักมากที่สุดในชีวิต ฝากลูกเตือนเขาในการกระทำที่เเย่ๆของเขาด้วยนะ ภายนอกเขาอาจจะดูเป็นคนปากร้ายเเต่ข้างในจิตใจของเขาจริงๆ เขาเป็นคนที่ดีมาก”
เเล้วหนังก็ให้พวกเขาไปหาคำตอบเองว่า ทำไมพวกเขาถึงได้รับมอบหมายหน้าที่นี้มา
2) สิ่งที่ต่างกัน อาจจะเป็นสิ่งที่เข้ากันได้ดีที่สุด
ต้องบอกก่อนเลยว่าครั้งเเรก หรือ ตอนช่วงเเรกๆที่ผมเห็น โจซังกู ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไรในเรื่องของ การที่เขาจะมาเป็นผู้ปกครองดูเเล ฮันกือรู เพราะ ถ้าเอาตรงๆ ภายนอกของเขาทำให้เรารู้สึกว่า การดูเเลเด็กคนนึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เเละยิ่งเป็นเด็กที่มีอาการผิดปกติต้องให้คนที่เข้าใจในตัวตนของคนนั้นๆมาดูเเล
เเละถ้าเราเปรียบเทียบ โจวังกูจะเหมือน จอมมารที่โหดร้าย เป็นคนที่ไม่เชื่อในความรักจากผู้อื่นเพราะอดีตที่เขาเคยเจอมากับตัวของเขา เลยทำให้รู้สึกว่า เขาไม่น่าจะมอบความรักให้ใครได้ ส่วน ฮันกือรูคือ เทวดาที่ซื่อตรง บริสุทธิ์ สดใส เขาถูกเลี้ยงมาอย่างดี ต่อให้เขาเป็นเด็กที่ผิดปกติเเต่พ่อเขาเลี้ยงจนทำให้เขาดูเป็นเด็กที่ฉลาดเเละ อัจฉริยะจนหลายๆคนตั้งอิจฉา
พอจะเห็นภาพมั้ยครับว่า คนสองคนนี้เขามีความเเตกต่างขนาดไหน จนมันทำให้คนดูคิดว่า เห้ยยเเล้ว อาที่เป็นแบบนี้จะมาดูเเลหลานคนนี้ได้จริงๆหรอ พวกเขาจะอยู่ด้วยกันได้จริงๆหรอ เพราะ ตอนที่ อาย้ายเข้ามาครั้งเเรกๆก็ทำตัวไม่สมเป็นผุ้ปกครอง เเถมยังต้องให้เด็กมาเก็บกวาดบ้านอีก ตอนเเรกผมก็คิดว่าไม่น่าจะรอดหรอก ยังไม่รวมประเด็นที่เข้ามาเพื่อหวังเอาเงิน
เเต่ต้องยอมรับเลยว่า ยิ่งพอเราดูไปเรื่อยๆ เราจะรับรู้ได้ถึงเเววตาของอา ที่เขามองดูหลานที่ ฉลาด เเละ สายตาของหลานที่มองดูอาที่ไม่ค่อยเอาไหน ตัวละคร 2 ตัวนี้ ยิ่งอยู่นานๆไปยิ่งรู้สึก ผูกพันธ์กันเรื่อยๆอาจจะเป็นเพราะ เมื่อสิ่งที่ต่างกัน ของโลก 2 โลกมารู้จักกัน ช่วงเเรกคือช่วงที่ต้องยอมรับซึ่งกันเเละกัน เลยอาจจะมีการทะเลาะบ่อยเเต่ถ้าผ่านไปได้จะเข้าสู่ช่วงเรียนรู้ซึ่งกันเเละกัน
เมื่อสิ่งที่ต่างกันเปิดใจให้กัน เเละ พยายามเข้าใจกัน 2 สิ่งที่ต่างกันมากที่สุดจะผสมผสานเป็นสิ่งใหม่ที่งดงามยิ่งกว่า เหมือนน้ำร้อนที่ถูกเอาไปเเช่เย็น ตอนเเรกๆต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยน เเต่พอลงตัวจากน้ำร้อนธรรมดาจะกลายเป็น น้ำเเข้ง 1 ก้อน ก็เหมือนกับชีวิต ของ 2 คนนี้ ที่เขาได้เรียนรู้ซึ่งกันเเละกัน จนสุดท้าย ฮันกือรูก็ยอมรับในตัวอา เเละ อาก็ยอมรับในตัวฮันกือรู จนผมรู้สึกว่ามันคือการผสมผสานที่ลงตัวมากๆ โจซังกูคือด่านหน้าที่คอยรับตีนรับหมัด ให้ฮันกือรูส่วน ฮันกือรูคือหลังบ้านที่คอยเป็นหัวสมองให้ โจซังกู
3) สิ่งสุดท้ายในชีวิตของเราที่อยากเห็นมากที่สุดคือ รอยยิ้มของคนที่เรารัก
ผมรู้สึกว่า ฮันจองอู น่าจะรู้ตัวก่อนอยู่เเล้วว่า เขาคงมีชีวิตอยู้ได้อีกไม่นาน เเต่เขาเเค่ไม่รู้ว่า เขาจะจากโลกนี้ไปตอนไหน ยิ่งถ้าเป็นตอนที่เราไม่รู้ตัว
เราต้องวางแผนสิ่งต่างๆในชีวิตไว้ก่อนไม่ว่าจะเป็น พินัยกรรม หรือ เเม้กระทั่งอนาคตของลูกเรา นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ฮันจองอูถึงได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนที่เขาจะจากไป เพราะ ตอนที่เขาจากไป คือเราสามารถรับรู้ได้ว่า เขาได้เตรียมใจมาก่อนเเล้ว
เเต่ยังมีอีกสึ่งหนึ่งที่เขายังไม่ได้จัดการไม่ใช่ว่า เขาทำไม่ได้เเต่เเค่เวลายังมาไม่ถึง นั่นก็คือการเคียปมในอดีตที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขากับน้องชายของเขา เพราะตอนที่ฮันจองอูจากไป โจซังกูยังติดอยู่ในคุก เเละ โจซังกูก็ไม่อยากเห็นหน้าพี่ชายของเขา เขาเลยไม่สามารถ อธิบายให้น้องชายฟังได้ว่า วันนั้นในตอนวัยเด็กมันเกิดไรขึ้น
ด้วยเหตุผลนี้การจะเคียปมนี้ได้ดีที่สุดคือการให้โจซังกูเข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมทิ้งล่องลอยในอดีตไว้ เพื่อให้น้องชายของเขามารับรู้ความจริงในวันนั้น จนวันนึงน้องชายเขาก็ได้รับรู้เเล้วว่า ในอดีตมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันก็คือการเคียปมของหนังให้กับตัวละคร มันเลยทำให้เรารู้สึกได้ว่า ถ้าฮันจองอูจากไปโดยที่ไม่ได้เคียปมในอดีต ไม่ใช่เเค่เขาที่ไม่มีความสุขก่อนจาก เเต่น้องของเขาก็จะไม่มีความสุขที่ได้อยู่บนโลกนี้เพราะจากปมในอดีต สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก่อนจาก ก็คือการทิ้ง เรื่องราวทั้งหมดไว้ที่บ้านของเขา สุดท้ายเขาก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของน้องเขาเหมือนตอนเด็กๆ ที่ฮันจองอูได้เอาขนมเค้กชิ้นเล็กๆให้ โจซังกูได้กินพร้อมกับรอยยิ้มจากใบหน้าของเขา ผมรู้สึกว่านี่คือความรู้สึกเดียวที่ ฮันจองอูอยากเห็นก่อนที่เขาจากไป เเต่เขาก็ไม่ได้เห็น เเต่ก็ยังมีตัวเเทนเขาที่ทำหน้าที่นี้เเทนเขานั่นก้คือ ฮันกือรูคนที่เขารักอีกคน
ในตอนจบของซีรี่ย์ จากอาที่ไม่เคยรู้จักหลานคนนี้มาก่อน ไม่ยอมรับในตัวของพี่ชายเเละเกียจมากๆ ทุกเรื่องราวในซีรี่ย์ที่ได้ดำเนินมาทำให้ ความรู้สึก เเละ มุมมองของ ผู้ชายคนนึงที่มองโลกในเเง่ลบเปลี่ยนกลายเป็น คนที่มีความสุขมากที่สุดคนนึงเหมือนตอนที่เขายังเด็กๆ
เเละ เด็กคนนึงที่สูญเสียพ่อไปอย่างกระทันหันจนไม่มีที่เพิ่ง เขากลับกลายมีอาคนนึงที่รักเขามากๆเป็นที่พึ่ง หรือ ตัวเเทน พ่อของเขาได้ดีที่สุด
จนตอนจบของหนังผมยัง รับรู้เเละมองเห็นในตัวของ โจซังกูที่มี ฮันจองอูอยู่ในตัวของเขาได้อย่างลึกซึ้ง
โฆษณา