4. สำหรับ 3 คำถามที่อยู่บนเมนู
เหตุใดคุณจึงมาที่นี่
- เป็นการให้เราพิจารณาถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรและ โดยสิ่งนั้นจะต้องเป็นความต้องการของเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่กรอบของสังคมหรือคำแนะนำต่างๆบอกให้เราควรต้องทำ และคุณได้ยึดถือสิ่งนั้นเป็นเป้าหมายของการมีชีวิต ซึ่งการตั้งเป้าหมายในชีวิตนี้ไม่มีหนังสือหรือคำแนะนำจากที่ไหนที่จะสามารถให้คำตอบกับคุณได้ คุณจะต้องเป็นผู้พิจารณาค้นหาคำตอบด้วยตนเอง และเมื่อเราสามารถหาคำตอบได้แล้ว มันจะมีแรงดึงดูดที่เกินต้านที่เราไม่สามารถปฏิบัติได้เพราะเหมือนเรามีลายแทงสมบัติ เรารู้ว่าสมบัติดังกล่าวอยู่ที่ไหนและทำไมเราจะไม่ออกตามหา
โดยเคซีย์ได้เล่าให้จอห์นฟังว่าลุกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่นี้คนที่พึงพอใจในชีวิตของตนเองคือคนที่หาคำตอบดังกล่าวเจอและลองทำทุกอย่างเพื่อสนองมัน แม้กระทั่งคนที่พอใจในชีวิตน้อยที่สุดก็ได้ทำอะไรมากมาย โดยจอห์นได้คิดในใจโดยเติมประโยคดังกล่าวว่า ได้ทำอะไรมากมายแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายชีวิตของตน ซึ่งเราชอบบทสนทนาดังกล่าวมากเพราะมันทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน และไม่ได้เป็นการดูถูกคนที่ไม่พึงพอใจในชีวิตน้อยว่าเขาไม่ได้ทำอะไร เขาลงมือทำเช่นกันเพียวแต่สิ่งนั้นมันไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของเขา
และคนที่ทำตามเป้าหมายชีวิตของตัวเองจะมีพลังงานบางอย่างที่ดึงดูดผู้คนที่พบเห็นให้รู้สึกชื่นชมและอยากช่วยเหลือเมื่อสามารถทำได้ และการช่วยเหลือไม่จำเป็นที่ต้องเป็นผู้ช่วยเหลือเอง อาจเป็นคนที่แนะนำให้ผู้ที่กำลังต้องการสิ่งที่ผู้มีเป้าหมายในชีวิตนั้นกำลังทำอยู่ให้การช่วยเหลือบุคคลนั้น
คุณกลัวตายไหม
- ในหนังสือผู้เขียนชี้ให้เห็นเลยว่าบุคคลที่ไม่กลัวตายคือบุคคลที่ได้ทำตามเป้าหมายของชีวิตสำเร็จแล้ว หรือหากยังไม่สำเร็จแต่บุคคลดังกล่าวได้พยายามตามทำเป้าหมายชีวิตในทุกๆวัน เขาจะไม่ได้มานั่งเสียดายในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำเพราะคุณได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว
แน่นอนว่าใครๆก็อยากมีชีวิตให้ยืนยาวที่สุด โดยฉพาะคนที่มีความสุขเพราะได้ทำตามเป้าหมายของชีวิตแล้วเพราะเขาจะได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำสิ่งนั้นได้ยาวนานขึ้น แต่ความตายไม่ได้ใจดีที่จะรอให้ทุกคนหาคำตอบเป้าหมายของชีวิตของทุกคนเจอและได้ลงมือทำมัน ความตายจะมาเยือนคุณเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้ แต่เมื่อมันมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตก่อนที่เราจะลาจากโลกใบนี้เวลาที่เราได้ทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาที่เราได้ทำลงไปในการตอบคำถามของเป้ายหมายของชีวิตว่าเราได้กระทำอะไรลงไปบ้าง เราจะไม่เสียดายที่ต้องจากไปหากเราไม่มีเรื่องที่ต้องให้เสียดายในสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ
คุณพึงพอใจกับชีวิตแล้วหรือยัง
- คนทั่วไปมักจะคิดว่าเราจะต้องทำสิ่งที่เป็นเป้าหมายของชีวิตให้สำเร็จก่อน เมื่อเราทำเร็จแล้วเราจะไม่กลัวตาย และสามารถพึงพอใจในชีวิตได้ ซึ่งจอห์นก็คิดแบบนั้นเช่นกัน โดยคิดว่า “จนกว่าเราจะไปไกลกว่าการรู้แค่เหตุผลของการมาที่นี่ และเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ตอบสนองเหตุผลนั้นอย่างจริงจัง เราไม่สามารถพึงพอใจในชีวิตได้” แต่ไมค์กลับบอกกับจอห์นว่า “แม้แต่คนที่รู้สึกว่าตัวเองมีเป้าหมายของการมีชีวิตและเชื่อว่าตัวเองมีสิทธิที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น บางครั้งยังไม่เชื่อว่าการพึงพอใจกับชีวิตนั้นง่ายเท่ากัยการรู้ว่าเขาสามารถทำได้ แล้วลงมือในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ”
มันดูเหมือนจะง่ายแต่ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ยาก เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนที่หาเป้าหมายในชีวิตเจอจะสามารถลงมือทำได้ทันที การลงมือทำได้ทันทีนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไรและมีเงื่อนไขในการบรรลุให้สำเร็จลงอย่างไรบ้าง แต่หนังสือเล่มนี้ก็ได้ยกตัวอย่างให้เห็นและเข้าใจคำตอบของการพึงพอใจในชีวิตในการลงมือในสิ่งที่ตัวเองอยากทำโดยเป็นการยกตัวอย่างของจอห์นที่ได้สมมุติได้สมมุติความหมายของการมีชีวิตของเขาคือการสัมผัสประสบการณ์เศรษฐีเงินล้าน เคซีย์ได้ตอบจอห์นว่า “คุณควรจะทำสิ่งที่เข้ากับนนิยามของการเป็นเศรษฐีเงินล้านของคุณ ถ้ามันหมายถึงมีปฏิสัมพันธ์กับเศรษฐีเงินล้าน ก็ทำไป ถ้าหมายถึงการทำงานจนคุณมีเงินล้านดอลล์ลาร์ก็ทำไป ตัวอย่างอื่นๆก็เช่นกันทางเลือกเป็นของคุณ” มันจึงตอบได้ว่าแม้ตอนนี้เรายังไม่มีโอกาสทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายของชีวิต แต่ในขณะที่เรากำลังพยายามทำสิ่งที่ใกล้เคียงต่างๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายดังกล่าวเราสามารถมีความพึงพอใจในชีวิตได้
5.เมื่ออ่านจบแล้วผู้เขียนได้มีคู่มือผู้อ่านให้เราได้ตอบคำถามถึง 17 ข้อ เพื่อเป็นการทบทวนพิจารณาตัวเอง ว่าเรามีความเห็นมุมมองในเรื่องราวนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งเราคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราจะได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองด้วย
6.สิ่งที่เราไม่ชอบในหนังสือเล่มนี้
สิ่งที่เราไม่ชอบในหนังสือเล่มนี้มีเพียงเรื่องเล่าที่ไมค์เล่าให้จอห์นฟังถึงเรื่องของชาวประมง ที่วันนึงมีนักธุรกิจเดินทางไปยังหมู่บ้านที่ห่างไกลเพื่อชาร์ตแบตและได้สังเกตว่าชาวประมงคนนี้ดูมีความสุขและความพึงพอใจมากกว่าทุกคน จึงได้ถามว่าเขาได้ทำอะไรบ้าง และนักธุรกิจได้ถามว่าทำไมไม่จับปลาที่มีจำนวนเกินกว่าความต้องการของครอบครัว ไม่จำทั้งวันเพื่อเพิ่มรายได้และลงทุนเพื่อให้ได้รายได้มากยิ่งขึ้น ชาวประมงถามกลับว่าทำเพื่ออะไร นักธุรกิจตอบว่าทำหาเงินได้มากๆแล้วค่อยเกษียณและชาวประมงได้ถามกลับว่าเกษียณแล้วทำอะไร นักธุรกิจตอบว่าทำอะไรก็ได้แต่คำตอบที่ตอบกลับไปมันดูให้แต่แง่ลบ เช่น จับปลาได้แต่ปลาอาจจะน้อยลง หรือ ไปเดินเล่นชายทะเลแต่ลูกของคุณอาจโตกันหมดแล้ว
มันเป็นการสอนที่บอกว่าเงินไม่สำคัญที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเงินเป็นหนึ่งในปัจจัยในการดำรงชีวิต เราต้องยอมรับว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญแต่ไม่ใช่ให้ความสำคัญมากจนไม่ได้ทำอะไรที่เป็นความต้องการของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้ความสำคัญเลย เพราะหนังสือไม่ได้บอกว่าเราต้องมีเป้าหมายในชีวิตเพียงอย่างเดียว ดังนั้นเราจึงมีหลายอย่างได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงสามารถทำได้สิ่งที่เป็นเป้าหมายของชีวิตไปพร้อมๆกันได้
จบลงไปแล้วนะคะสำหรับสิ่งที่เราได้บอกทุกคนว่าหลังจากการอ่านหนังสือ The Why Café คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง เราได้แง่คิดมุมมองอะไรบ้าง หวังว่าจะทำให้ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ว่าหนังสือเล่มนี้มีเรื่องราวที่คุณสนใจอยากรู้หรือไม่ และหากคุณสนใจหนังสือเล่มนี้เราแนะนำให้คุณซื้อที่ https://www.biblio-store.com/ เพราะได้ลดถึง 15% และถ้าซื้อ 4 เล่มเป็นต้นไปได้ลด 20% เราว่าคุณใจแข็งมากเลยนะถ้าเข้าไปดูเว็บไซต์ดังกล่าวและซื้อเพียวเล่มเดียวเพราะในนั้นมีหนังสือที่หลากหลายมีทั้งนิยาย ความรู้ทั่วไป และจิตวิทยา ที่ล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น สำหรับส่วนลดนี้มีตั้งแต่ 22-30 พฤษภาคม 2564 ถามว่าทำไมรู้ เพราะเราเป็นแฟนฟนังสือของสำนักพิมพ์นี้ หรือคุณสามารถซื้อที่ช่องทางอื่นตามที่คุณสะดวกเพราะหนังสือเล่มนี้มีการจัดจำหน่ายทั่วไปที่ร้านหนังสือ