28 พ.ค. 2021 เวลา 08:53 • หนังสือ
รีวิวหนังสือ The Why Café คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เราตัดสินใจซื้อเพราะชอบหนังสือของทางสำนักพิมพ์นี้อยู่แล้ว และเนื้อหาก็น่าสนใจและคิดว่ามันเหมาะกับเรามากซึ่งช่วงนั้นเรารู้สึกห่อเหี่ยวใจเหลือเกิน อยากได้หนังสือที่เป็นฮาวทูให้เรารู้ว่าควรต้องทำยังไงกับเส้นทางของชีวิต ซึ่งแค่ชื่อหนังสือและพล็อตเรื่องก็สามารถทำให้เราตัดสินใจซื้อทันที และหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแต่ละครั้งให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน โดยการอ่านครั้งแรกเรารู้สึกเฉยๆแต่ก็ไม่ได้ผิดหวังที่ซื้อมา แต่พอได้มีโอกาสอ่านหลายๆครั้งยิ่งทำให้เข้าใจในจุดที่อาจไม่เคยสังเกต ได้ทบทวนตัวเอง แถมยังได้แง่คิดดีๆอีกด้วย และอีกเหตุผลหนึ่งที่คิดจะเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้เพราะรู้สึกว่าสังคมปัจจุบันมันมีความวุ่นวาย เร่งรีบ และยึดติดกับคำว่าประสบความสำเร็จ และมักมีค่านิยมที่หล่อหลอมให้เรารู้สึกว่าชีวิตมันต้องเป็นแบบนี้ ทำแบบนี้ ถึงจะถูกต้องแล้ว มันทำให้ทุกคนต้องตั้งคำถามกับตัวเองถึงสิ่งที่เรายึดเป็นเป้าหมายของชีวิตว่าแท้จริงแล้วมันใช่ความต้องการของเราหรือไม่
อยากรู้แล้วใช่มั๊ยละคะ ว่าหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่าอะไร หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า The Why café คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง เขียนโดย John Strelecky แปลโดย ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ สำนักพิมพ์ Being ซึ่งโดยส่วนตัวเราชอบหนังสือของ สำนักพิมพ์ Biblio อยู่แล้วซึ่งสำนักพิมพ์ Being ก็อยู่ในเครือของสำนักพิมพ์เช่นกัน และถ้าใครติดตามเพจก็จะทราบว่าช่วงต้นปีเราได้เขียนรีวิวหนังสือผู้พิทัก์ต้นการ์บูร ซึ่งเป็นของสำนักพิมพ์ในเครือของสำนักพิมพ์นี้เช่นกัน และเราก็ชอบการแปลของผู้แปลเพราะอ่านง่ายเข้าใจและเก็บลายละเอียดคำเฉพาะต่างๆให้เข้าใจและไม่เสียอรรถรสในการอ่าน ซึ่งผู้แปลหนังสือเล่มดังกล่าวก็ได้แปลหนังสือเล่มนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ซื้อ
สำหรับเรื่องย่อแบบไม่สปอย์เนื้อหาหลัก
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวจิตวิทยา ที่ดำเนินเรื่องโดยบอกเล่าผ่านเรื่องราวของตัวละครที่ชื่อ John ที่วันนึงเขาได้ตัดสินใจลาพักร้อนแต่เส้นทางที่เขาใช้นั้นกับเกิดอุบัติเหตุซึ่งจอห์นไม่อยากเสียเวลารอคอย ทำให้เขาเลือกเส้นทางใหม่แต่ว่ายิ่งขับไปเท่าไหร่มันดูยิ่งไกลออกไปทุกทีจนกระทั่งเขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางอีกครั้งและได้พบเจอกับ The Why are you here café คาเฟ่สุดแปลกที่มี 3 คำถามนี้อยู่ในเมนู เหตุใดคุณจึงมาที่นี่ คุณกลัวตายไหม และคุณพึงพอใจกับชีวิตแล้วหรือยัง ซึ่งทั้งสามคำถามอาจดูเป็นคำถามธรรมดาแต่ก็ทำให้จอห์นไม่สามารถสลัดความคิดในเรื่องดังกล่าวลงไปได้ นอกจากนี้ยังมีสาวเสริฟ์ที่ชื่อเคซีย์ และ ไมค์ ผู้เป็นพ่อครัวและเจ้าของคาแฟ่แห่งนี้ ที่จะคอยช่วยให้จอห์สามารถพิจารณาและตอบคำถามดังกล่าวด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของจอห์นไม่ใช่จากรูปแบบกรอบของสังคม และเมื่อคุณอาจจบแล้วคุณจะได้ทบทวนตัวเองในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของเป้าหมายในการดำเนินชีวิตของคุณ อย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถหาคำตอบดังกล่าวได้จากหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้เพียงชี้ให้คุณเห็นความสำคัญและทบทวนเรื่องราวต่างๆ เพื่อที่คุณจะได้ไม่หลงทางอยู่ในเส้นทางของชีวิตที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ความต้องการของคุณ หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือปลุกใจที่ให้พลังแบบฮึกเฮิมหรือยัดเยียดพลังบวกแบบเวอร์วัง แต่ให้ความสงบเพื่อที่คุณจะได้ทบทวนตัวเองอย่างแท้จริง และมาดูกันนะคะว่าคาเฟ่แห่งนี้นอกจากจะเติมอาหารให้จอห์นได้ไม่รู้สึกหิวโหยจากการเดินทาง ยังจะสามารถช่วยให้จอห์นตระหนักและเข้าใจคำถามดังกล่าวได้หรือไม่
ส่วนสำหรับใครที่ไม่ได้กลัวการสปอยเนื้อหาก็สามารถอ่านเหตุผลที่ชอบพร้อมลายละเอียดและข้อคิดที่เราได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ได้เลยค่ะ
1. สูตรสำเร็จของชีวิตที่เราให้ความสำคัญและปฏิบัติตามโดยยึดถือเป็นเป้าหมายของชีวิต บางครั้งมันเป็นเพียงคำแนะนำที่ดี แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ และอาจเป็นเพียงความจำเป็นที่ควรทำแต่ไม่ใช่ทำทั้งหมดจนลืมพิจารณาว่ามันเป็นความต้องการของเราอย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งเราได้ข้อคิดนี้จากการอ่านในช่วงอารัมบทและรู้สึกชอบที่ผู้เขียนไม่ได้ปฏิบัติให้จอห์นมองว่าคำแนะนำที่เขาได้รับในการเรียนหรือในการทำงานเพื่อได้รับความก้าวหน้าได้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นเป็นคำแนะนำที่ไม่ดี เพราะในโลกของความเป็นจริงนั้นความมั่นคงจากการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน โดยเราจะได้รับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นไปพร้อมกับภาระความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นไปด้วยเพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมายดังกล่าวหลายคนจึงอาจให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษจนหลงลืมว่าชีวิตไม่ได้มีแค่การทำงานเพียงอย่างเดียว และการทำงานเพียงหวังแต่ความก้าวหน้าหรือค่าตอบแทนเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นโดยไม่ได้ให้คุณค่ากับงานที่เราทำ เมื่อคุณเจอปัญหาในการทำงานคุณจะพบว่าความทรมานในการแก้ปัญหาหรือความเหนื่อยล้าจากการทำงานมากกว่าคนที่มองเห็นงานของตนเป็นมากกว่าอาชีฟที่ต้องได้รับเงินเดือน
 
2."คนเรามักมีเหตุผลในการปฏิเสธหรือลังเลกับสิ่งที่ตนเองต้องการ หรืออาจรอให้ผู้อื่นชี้นำว่าสามารถกระทำได้ทั้งที่บางครั้งมันเป็นเรื่องราวธรรมดาในชีวิตประจำวันทั่วไป" เราได้แง่คิดนี้จากเรื่องราวที่จอห์นไม่รู้ว่าจะสั่งเมนูอะไร เคซีย์เลยเสนอว่าเดี๋วเธอจะนำเมนูไปให้ไมค์เลือกให้จอห์น แต่สุดท้ายไมค์ก็ได้บอกว่าตนอยากได้ชุดอาหารเช้า แต่ตอนนี้มันเลยเวลาเช้าแล้ว เคซีย์จึงได้ถามกลับว่า นั่นเป็นความต้องการของคุณใช่มั๊ย จอห์นจึงได้ยืนยันอีกครั้ง และเคซีย์ได้ตอบว่าถ้านั่นเป็นความต้องการของเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร
แม้ว่าสุดท้ายจอห์นจะได้พูดออกไปถึงความต้องการของตัวเองก็ตาม แต่ในเมื่อมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยมากในชีวิตประจำวัน ทำไมไม่สั่งไปก่อนเลยถ้าไม่ได้เขาก็จะบอกเอง แต่นี่รอจนกระทั่งเคซีย์จะเอาเมนูให้ไมค์ไปเลือกให้เพราะคิดว่าไมค์พ่อครัวจะรู้อะไรเหมาะกับจอห์น ถึงกล้าแสดงความต้องการของตัวเองออกมา มันทำให้คิดถึงเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันทั่วๆไปที่บางครั้งเราไม่กล้าแสดงออกในสิ่งที่เราต้องการที่ไม่ผิดกฎหมายหรือไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเพียงเพราะกลัวถูกเสียงวิจารณ์หรือปฏิกิริยาจากคนรอบข้างหรือสังคม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการและจะได้ผลลัพธ์ดังใจเสมอไป แต่อย่างน้อยมันก็จะเกิดความสบายใจและไม่รู้สึกติดค้างหรือเสียดาย อย่างเช่นถ้าเราไปร้านอาหารแต่ทางร้านไม่ได้เขียนเวลาขายชุดเมนูอาหารเช้าไว้ ถ้าเราไม่ถามว่าตอนนี้สามารถสั่งได้หรือไม่เพียงเพราะคิดไปเองว่าไม่ได้แน่นอนจึงสั่งอย่างอื่นไปแทน เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเราจะมีโอกาสได้ทานเมนูนั้นหรือไม่ และเผลอๆ มื้ออาหารมื้อนั้นอาจทานไม่อร่อยเพราะใจคุณไปโฟกัสกับความอยากรู้รสชาตของอาหารที่อยากทานแต่ไม่กล้าที่จะถามว่าสั่งได้หรือไม่
3.การที่ผู้คนมักเดินทางไปพักผ่อนเพื่อหวังว่าจะเติมเต็มไฟในการทำงาน หรือเพื่อหลีกหนีปัญหาอะไรต่างๆ โดยหวังว่าจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากการเดินทางดังกล่าว มันแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องดีขึ้นเพราะในช่วงเวลานั้นเราโฟกัสกับสถานที่สวยงามหรือเพลิดเพลินกับการเดินทาง และบางครั้งเราอาจสงสัยได้ว่าทำไมการเดินทางครั้งนี้กลับไม่รู้สึกเติมเต็มพลังให้กับคุณได้เหมือนครั้งอื่นๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะคุณคาดหวังให้มันเป็นมากกว่าการเดินทางเพื่อไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ อย่าลืมว่าขนาดแบตเตอร์รี่โทรศัพท์มือถือ เขายังไม่ได้ให้ชาร์ตต่ำกว่า 15% บ่อยๆเพราะแบตจะเสื่อม กรณีนี้ก็เช่นเดียวกันเมื่อคุณเริ่มชาร์ตจากศูนย์บ่อยๆ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมามันอาจจะต้องใช้เวลานานขึ้นเพื่อให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และจะเป็นจะดีมากถ้าเราสามารถเติมพลังชาร์ตแบตให้กับตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการเดินทาง เนื่องจากในการเดินทางแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่าย ไหนจะต้องทำเรื่องเพื่อขอลาพักผ่อนอีกและเราไม่สามารถขอลาพักผ่อนจนกว่าเราจะรู้สึกดีขึ้นได้ ดังนั้น "หากเราไม่คาดหวังกับการเดินทางไปพักผ่อนว่าเป็นการชาร์ตแบตให้กับตัวเองเพื่อเยียวยาตัวเองให้เต็มร้อย เราอาจซึมซับหรือเต็มอิ่มกับการเดินทางไปพักผ่อนนั้นได้มากกว่า"
4. สำหรับ 3 คำถามที่อยู่บนเมนู
เหตุใดคุณจึงมาที่นี่
- เป็นการให้เราพิจารณาถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรและ โดยสิ่งนั้นจะต้องเป็นความต้องการของเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่กรอบของสังคมหรือคำแนะนำต่างๆบอกให้เราควรต้องทำ และคุณได้ยึดถือสิ่งนั้นเป็นเป้าหมายของการมีชีวิต ซึ่งการตั้งเป้าหมายในชีวิตนี้ไม่มีหนังสือหรือคำแนะนำจากที่ไหนที่จะสามารถให้คำตอบกับคุณได้ คุณจะต้องเป็นผู้พิจารณาค้นหาคำตอบด้วยตนเอง และเมื่อเราสามารถหาคำตอบได้แล้ว มันจะมีแรงดึงดูดที่เกินต้านที่เราไม่สามารถปฏิบัติได้เพราะเหมือนเรามีลายแทงสมบัติ เรารู้ว่าสมบัติดังกล่าวอยู่ที่ไหนและทำไมเราจะไม่ออกตามหา
โดยเคซีย์ได้เล่าให้จอห์นฟังว่าลุกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่นี้คนที่พึงพอใจในชีวิตของตนเองคือคนที่หาคำตอบดังกล่าวเจอและลองทำทุกอย่างเพื่อสนองมัน แม้กระทั่งคนที่พอใจในชีวิตน้อยที่สุดก็ได้ทำอะไรมากมาย โดยจอห์นได้คิดในใจโดยเติมประโยคดังกล่าวว่า ได้ทำอะไรมากมายแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายชีวิตของตน ซึ่งเราชอบบทสนทนาดังกล่าวมากเพราะมันทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน และไม่ได้เป็นการดูถูกคนที่ไม่พึงพอใจในชีวิตน้อยว่าเขาไม่ได้ทำอะไร เขาลงมือทำเช่นกันเพียวแต่สิ่งนั้นมันไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของเขา
และคนที่ทำตามเป้าหมายชีวิตของตัวเองจะมีพลังงานบางอย่างที่ดึงดูดผู้คนที่พบเห็นให้รู้สึกชื่นชมและอยากช่วยเหลือเมื่อสามารถทำได้ และการช่วยเหลือไม่จำเป็นที่ต้องเป็นผู้ช่วยเหลือเอง อาจเป็นคนที่แนะนำให้ผู้ที่กำลังต้องการสิ่งที่ผู้มีเป้าหมายในชีวิตนั้นกำลังทำอยู่ให้การช่วยเหลือบุคคลนั้น
คุณกลัวตายไหม
- ในหนังสือผู้เขียนชี้ให้เห็นเลยว่าบุคคลที่ไม่กลัวตายคือบุคคลที่ได้ทำตามเป้าหมายของชีวิตสำเร็จแล้ว หรือหากยังไม่สำเร็จแต่บุคคลดังกล่าวได้พยายามตามทำเป้าหมายชีวิตในทุกๆวัน เขาจะไม่ได้มานั่งเสียดายในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำเพราะคุณได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว
แน่นอนว่าใครๆก็อยากมีชีวิตให้ยืนยาวที่สุด โดยฉพาะคนที่มีความสุขเพราะได้ทำตามเป้าหมายของชีวิตแล้วเพราะเขาจะได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำสิ่งนั้นได้ยาวนานขึ้น แต่ความตายไม่ได้ใจดีที่จะรอให้ทุกคนหาคำตอบเป้าหมายของชีวิตของทุกคนเจอและได้ลงมือทำมัน ความตายจะมาเยือนคุณเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้ แต่เมื่อมันมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตก่อนที่เราจะลาจากโลกใบนี้เวลาที่เราได้ทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาที่เราได้ทำลงไปในการตอบคำถามของเป้ายหมายของชีวิตว่าเราได้กระทำอะไรลงไปบ้าง เราจะไม่เสียดายที่ต้องจากไปหากเราไม่มีเรื่องที่ต้องให้เสียดายในสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำ
คุณพึงพอใจกับชีวิตแล้วหรือยัง
- คนทั่วไปมักจะคิดว่าเราจะต้องทำสิ่งที่เป็นเป้าหมายของชีวิตให้สำเร็จก่อน เมื่อเราทำเร็จแล้วเราจะไม่กลัวตาย และสามารถพึงพอใจในชีวิตได้ ซึ่งจอห์นก็คิดแบบนั้นเช่นกัน โดยคิดว่า “จนกว่าเราจะไปไกลกว่าการรู้แค่เหตุผลของการมาที่นี่ และเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ตอบสนองเหตุผลนั้นอย่างจริงจัง เราไม่สามารถพึงพอใจในชีวิตได้” แต่ไมค์กลับบอกกับจอห์นว่า “แม้แต่คนที่รู้สึกว่าตัวเองมีเป้าหมายของการมีชีวิตและเชื่อว่าตัวเองมีสิทธิที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น บางครั้งยังไม่เชื่อว่าการพึงพอใจกับชีวิตนั้นง่ายเท่ากัยการรู้ว่าเขาสามารถทำได้ แล้วลงมือในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ”
มันดูเหมือนจะง่ายแต่ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ยาก เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนที่หาเป้าหมายในชีวิตเจอจะสามารถลงมือทำได้ทันที การลงมือทำได้ทันทีนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไรและมีเงื่อนไขในการบรรลุให้สำเร็จลงอย่างไรบ้าง แต่หนังสือเล่มนี้ก็ได้ยกตัวอย่างให้เห็นและเข้าใจคำตอบของการพึงพอใจในชีวิตในการลงมือในสิ่งที่ตัวเองอยากทำโดยเป็นการยกตัวอย่างของจอห์นที่ได้สมมุติได้สมมุติความหมายของการมีชีวิตของเขาคือการสัมผัสประสบการณ์เศรษฐีเงินล้าน เคซีย์ได้ตอบจอห์นว่า “คุณควรจะทำสิ่งที่เข้ากับนนิยามของการเป็นเศรษฐีเงินล้านของคุณ ถ้ามันหมายถึงมีปฏิสัมพันธ์กับเศรษฐีเงินล้าน ก็ทำไป ถ้าหมายถึงการทำงานจนคุณมีเงินล้านดอลล์ลาร์ก็ทำไป ตัวอย่างอื่นๆก็เช่นกันทางเลือกเป็นของคุณ” มันจึงตอบได้ว่าแม้ตอนนี้เรายังไม่มีโอกาสทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายของชีวิต แต่ในขณะที่เรากำลังพยายามทำสิ่งที่ใกล้เคียงต่างๆเพื่อไปให้ถึงจุดหมายดังกล่าวเราสามารถมีความพึงพอใจในชีวิตได้
 
5.เมื่ออ่านจบแล้วผู้เขียนได้มีคู่มือผู้อ่านให้เราได้ตอบคำถามถึง 17 ข้อ เพื่อเป็นการทบทวนพิจารณาตัวเอง ว่าเรามีความเห็นมุมมองในเรื่องราวนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งเราคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราจะได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองด้วย
6.สิ่งที่เราไม่ชอบในหนังสือเล่มนี้
สิ่งที่เราไม่ชอบในหนังสือเล่มนี้มีเพียงเรื่องเล่าที่ไมค์เล่าให้จอห์นฟังถึงเรื่องของชาวประมง ที่วันนึงมีนักธุรกิจเดินทางไปยังหมู่บ้านที่ห่างไกลเพื่อชาร์ตแบตและได้สังเกตว่าชาวประมงคนนี้ดูมีความสุขและความพึงพอใจมากกว่าทุกคน จึงได้ถามว่าเขาได้ทำอะไรบ้าง และนักธุรกิจได้ถามว่าทำไมไม่จับปลาที่มีจำนวนเกินกว่าความต้องการของครอบครัว ไม่จำทั้งวันเพื่อเพิ่มรายได้และลงทุนเพื่อให้ได้รายได้มากยิ่งขึ้น ชาวประมงถามกลับว่าทำเพื่ออะไร นักธุรกิจตอบว่าทำหาเงินได้มากๆแล้วค่อยเกษียณและชาวประมงได้ถามกลับว่าเกษียณแล้วทำอะไร นักธุรกิจตอบว่าทำอะไรก็ได้แต่คำตอบที่ตอบกลับไปมันดูให้แต่แง่ลบ เช่น จับปลาได้แต่ปลาอาจจะน้อยลง หรือ ไปเดินเล่นชายทะเลแต่ลูกของคุณอาจโตกันหมดแล้ว
มันเป็นการสอนที่บอกว่าเงินไม่สำคัญที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเงินเป็นหนึ่งในปัจจัยในการดำรงชีวิต เราต้องยอมรับว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญแต่ไม่ใช่ให้ความสำคัญมากจนไม่ได้ทำอะไรที่เป็นความต้องการของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้ความสำคัญเลย เพราะหนังสือไม่ได้บอกว่าเราต้องมีเป้าหมายในชีวิตเพียงอย่างเดียว ดังนั้นเราจึงมีหลายอย่างได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงสามารถทำได้สิ่งที่เป็นเป้าหมายของชีวิตไปพร้อมๆกันได้
จบลงไปแล้วนะคะสำหรับสิ่งที่เราได้บอกทุกคนว่าหลังจากการอ่านหนังสือ The Why Café คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง เราได้แง่คิดมุมมองอะไรบ้าง หวังว่าจะทำให้ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ว่าหนังสือเล่มนี้มีเรื่องราวที่คุณสนใจอยากรู้หรือไม่ และหากคุณสนใจหนังสือเล่มนี้เราแนะนำให้คุณซื้อที่ https://www.biblio-store.com/ เพราะได้ลดถึง 15% และถ้าซื้อ 4 เล่มเป็นต้นไปได้ลด 20% เราว่าคุณใจแข็งมากเลยนะถ้าเข้าไปดูเว็บไซต์ดังกล่าวและซื้อเพียวเล่มเดียวเพราะในนั้นมีหนังสือที่หลากหลายมีทั้งนิยาย ความรู้ทั่วไป และจิตวิทยา ที่ล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น สำหรับส่วนลดนี้มีตั้งแต่ 22-30 พฤษภาคม 2564 ถามว่าทำไมรู้ เพราะเราเป็นแฟนฟนังสือของสำนักพิมพ์นี้ หรือคุณสามารถซื้อที่ช่องทางอื่นตามที่คุณสะดวกเพราะหนังสือเล่มนี้มีการจัดจำหน่ายทั่วไปที่ร้านหนังสือ
ช่องทางการรับฟัง
#รีวิวหนังสือ #แนะนำหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #หนังสือดีบอกต่อ
โฆษณา