29 พ.ค. 2021 เวลา 03:53 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
สุดยอดหนังดี จาก Top 250 บนเวบไซด์ IMDb Part 9 : ลำดับที่ 41-45
สรุปอันดับหนัง Top 250 IMDb ที่รีวิวไปแล้วในตอนก่อน
30. Parasite (2019)
31. Léon: The Professional (1994)
32. Hara-Kiri (1962)
33. The Usual Suspects (1995)
34. The Lion King (1994)
35. The Pianist (2002)
36. Back to the Future (1985)
37. Terminator 2: Judgment Day (1991)
38. American History X (1998)
39. Modern Times (1936)
40. Psycho (1960)
หมายเหตุ : คะแนนดาวเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน 3 ระดับ คือ
3 ดาว = หนังดี ควรหามาดู
4 ดาว = หนังดีมาก แนะนำให้ดู
5 ดาว = หนังดีมากๆ ไม่ควรพลาดเด็ดขาด
41. City Lights (1931)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 171,217 คน
ชาร์ลี แชปลินยังคงรับบทเป็นชายจรจัด เขาคือชายหนุ่มผู้พบรักกับสาวตาบอด เธอนั่งขายดอกไม้ที่ริมกำแพงโดยไร้คนสนใจ
แชปลินเป็นชายเพียงคนเดียวที่มองเห็นความงามของเธอ เขาปลอมตัวเป็นมหาเศรษฐีใจบุญอุดหนุนดอกไม้ของเธอ ทั้งที่จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้มีเงินมากมาย เขาทำเพราะหวังจะให้หญิงสาวมีความสุข ชายจรจัดยอมทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาซื้อดอกไม้จากเธอ แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับความรักครั้งนี้
เป็นอีกครั้งที่ชาร์ลี แชปลิน ทำหนังตลกโดยใส่ประเด็นทางสังคมเกี่ยวกับชนชั้น ความรัก และคุณค่าของชีวิต เข้าไปได้อย่างลงตัว
บทวิจารณ์ : ★★★★★
City Lights ไม่ใช่หนังตลก สำหรับผมแล้วนี่คือหนังรักโรแมนติกที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก
ชาร์ลี แชปลินเป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดงที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง เมื่อรวมกับอารมณ์ขันที่เขาสอดแทรกเข้ามาก็ทำให้ City Lights กลายเป็นหนักรักรสละมุนที่น่าจดจำและไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นหนึ่งในผลงานสุดคลาสสิคของชารืลี แชปลินที่มีคุณค่าเหนือกาลเวลา คุณจะบอกคนอื่นว่าเป็นคอหนังรักโรแมนติกไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ดู " City Lights "
42. Gladiator (2000)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,367,240 คน
1
หนังเล่าถึงชีวิตของแม็กซิมัส แม่ทัพโรมันที่สามารถนำทัพชนะศึกสงครามในการขยายอาณาเขตของโรมได้สำเร็จ ซึ่งจักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุส หวังจะให้มักซิมุสมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากตน
ทำให้คอมโมดุสผู้เป็นบุตรชายจักรพรรดิไม่พอใจ เขาลอบปลงพระชนม์บิดาและออกคำสั่งให้ตามจับแม็กซิมัสโดยกล่าวหาว่ามักซิมุสคิดจะชิงบัลลังก์ ทำให้มักซิมุสต้องหลบหนีการจับกุมอีกทั้งลูกเมียก็ถูกสังหาร
ในที่สุดแม็กซิมัสก็ตกเป็นทาสอยู่ในกรุงโรม ทางเดียวที่แม็กซิมัสจะรอดพ้นจากอันตรายครั้งนี้ เขาจะต้องเอาชนะการประลองของเหล่าทาสเพื่อหาโอกาสแก้แค้นคอมโมดุสให้ได้
บทวิจารณ์ : ★★★★★
นี่คือหนังต่อสู้แบบโรมันที่ดุเดือดและยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ฉากต่อสู้บนลานประลองทำให้คนดูฮึกเหิมและลุ้นระทึกไปกับแม็กซิมัส
ใครว่าทาสจะต้องอยู่เป็นทาสเสมอไป หากหัวใจของเขาแข็งแกร่งพอ ก็ไม่มีใครจะมาลดทอนคุณค่าในตัวเขาได้ และนี่คือสิ่งที่แม็กซิมัสแสดงให้เราเห็นในหนังเรื่องนี้
Gladiator คือหนึ่งในผลงานการแสดงที่ดีที่สุดของรัสเซล โครว์ การันตีคุณภาพโดยริดลี่ย์ สก็อต (ผู้กำกับ Alien, Blade runner) และหนังก็กวาดรางวัลออสการ์ได้มากถึง 5 รางวัล ในปี 2001 (สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม , ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ,บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม) ครบเครื่องขนาดนี้จะพลาดได้ไง
43. The Departed (2006)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,213,851 คน
The Departed ดัดแปลงมาจากหนังฮ่องกงชื่อดังอย่าง "Infernal Affairs" เป็นเรื่องราวของบิลลี่ คอนติแกน( Billy Costigan ) นายตำรวจหนุ่มที่ต้อวปลอมตัวเข้าไปอยู่ในแกงค์อาชญากรที่นำโดยอฟรงค์ คอสเทโล่ ( Frank Costello) ซึ่งแฟรงค์เองก็ก็ได้ส่งโคลิน ซุลลิแวน (Collin Sullivan) แฝงตัวเข้าไปเป็นตำรวจด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมเพื่อหาหนอนบ่อนไส้ในองค์กรให้เจอก่อนที่จะถูกเปิดโปงเสียเอง
บทวิจารณ์ : ★★★★
ถ้าไม่ติดว่าผมชอบ" Infernal Affairs "มากๆ คะแนนของThe Departed คงสูงกว่านี้
จริงๆแล้วนี่คือหนังที่ดีมากเรื่องหนึ่ง แต่ด้วยความที่ผมอินและเข้าถึงตัวละครแบบเอเชียมากกว่าทำให้ผมชอบต้นฉบับฮ่องกงมากกว่าภาครีเมค
ตรงนี้ก็แล้วแต่รสนิยมคนดู สำหรับผมฉบับฮ่องกงคือหนังเฉือนคมที่มาพร้อมกับบทที่ชาญฉลาด ขณะที่ฉบับฮอลลีวูดจะอิงไปทางดราม่าอาชญากรรม แต่ก็ยังหักมุมพอให้ได้ลุ้นอยู่บ้าง เอาเป็นว่าโดยรวมก็สนุกทั้งสองเวอชั่นเพียงแต่ว่าใครจะชอบแบบไหนมากกว่ากันเท่านั้นเอง
44. Whiplash (2014)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 739,563คน
Whiplash (2014) เป็นเรื่องราวของ แอนดริว นีแมน (Andrew Neyman) มือกลองหนุ่มผู้หลงไหลดนตรีแจ็ส เขาสอบเข้าเรียนที่สถาบันดนตรีระดับประเทศและได้ร่วมเล่นในวง "แจ๊ส ออร์เคสตรา" ของมหาวิทยาลัย
ที่นั่นแอนดริวได้พบกับเฟรชเชอร์ (Fletcher) อาจารย์ดนตรีสุดโหดที่ชอบกดดันนักเรียนเพื่อดึงศักยภาพทางดนตรีของลูกศิษย์ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยวิธีที่เข้มงวดและสุดโต่ง
แอนดริวมุ่งมั่นซ้อมตีกลองอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ว่าจะทุ่มเทแค่ไหน เขาก็ไปไม่ถึงระดับที่เฟรชเชอร์พอใจ และเมื่อความกดดันพุ่งไปถึงขีดสุด ทุกอย่างก็พังทลาย
ความฝันที่เคยมุ่งมั่นจะพ่ายแพ้ให้กับแรงกดดันที่ต้องเจอหรือไม่ ? หาคำตอบได้จาก " Whiplash " ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ
บทวิจารณ์ : ★★★★
หนังสอนให้เรารู้ว่า การที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุดนั้น จะต้องฝ่าฟันทุกอุปสรรคให้ได้ ต้องอดทน ขัดเกลา และฝึกฝนตนเองอย่างเข้มข้น ไม่มีความสำเร็จใดจะได้มาง่ายดาย
หนังผสานดนตรีกับจังหวะการเล่าเรื่องได้ดีมาก จังหวะของหนังมีเร่ง มีผ่อน มีโซโล่ และเลือกที่จะบรรเลงท่อนจบในช่วงที่เร้าใจที่สุดเพื่อให้เสียงในใจเรายังบรรเลงอย่างต่อเนื่องแม้หนังจะจบไปแล้วก็ตาม
1
ถ้าให้จัดอันดับหนังที่จบได้ทรงพลังมากที่สุด ผมยกให้ Whiplash เป็นหนึ่งในนั้น
พี่ที่แนะนำให้ผมรู้จักหนังเรื่องนี้บอกกับผมว่า ตอนดูหนังจบ "เสียงยังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลย" แล้วผมก็พบกับความจริงนั้นตอนดูจบเช่นกัน ขอรีวิวสั้นๆเท่านี้ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องหาหนังเรื่องนี้มาดูครับ
45. Grave of the Fireflies (1988)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 243,280 คน
เรื่องราวของสองพี่น้องเซตะ และ เซซูโกะ ที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันน่าเศร้าในยุคที่ญี่ปุ่นอยู่ในสภาวะสงคราม เซตะพาน้องของเขาออกมาเผชิญโลกกันตามลำพัง เพราะทนไม่ไหวที่ป้าของเขามักจะดูแคลนและมองทั้งสองคนเป็นภาระ
ความยากจน ความขัดสนจากยุคสงครามเป็นสิ่งที่สองพี่น้องต้องพบเจอ จนนำไปสู่บทสรุปที่เป็นโศกนาฏกรรมอันน่าหดหู่ใจ
บทวิจารณ์ : ★★★★★
ถ้าจะให้นิยามหนังเรื่องนี้ด้วยประโยคสั้นๆ คงไม่มีประโยคไหนเหมาะสมเท่ากับคำว่า " ความหดหู่ที่งดงาม "
หนังนำเสนอความโหดร้ายของสงครามผ่านตัวละครเด็กที่ไร้เดียงสา พวกเขาต้องเผชิญกับความอดอยากแร้นแค้นและความสิ้นหวังอย่างที่สุด แต่ในความลำบากนั้นก็ยังมีประกายแห่งความหวังพอให้พวกเขาได้มีความสุขอยู่บ้าง ซึ่งความหวังอันน้อยนิดนี้ก็เปรียบเสมือนแสงของหิ่งห้อยยามค่ำคืน ที่แม้ดูสวยงามท่ามกลางความมืดแต่ก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา