29 พ.ค. 2021 เวลา 08:41 • หนังสือ
ผมเริ่มต้นการเป็นหนอนหนังสือจากการอ่านนิยายไทย ก่อนจะค่อยๆ ผันตัวเองมาอ่านนิยายแปล และมาจบที่นิยายภาษาต้นฉบับเมื่ออายุมากขึ้นและเชี่ยวชาญเรื่องภาษามากพอที่จะอ่านนิยายภาษาอังกฤษจบเป็นเล่มๆ ได้ ปัจจุบันนี้ การอ่านนิยายของผมก็ยังวนๆ สลับไปมาระหว่างนิยายภาษาไทย นิยายแปลจากภาษาอื่นเป็นภาษาไทย และนิยายภาษาอังกฤษ ผมเชื่อว่าการอ่านนิยายที่หลากหลายไม่ซ้ำแนวทางกันจะลดทอนความเบื่อหน่ายจากการอ่านได้ (แน่สิครับ ถึงจะเป็นนักอ่านที่อยากประกาศว่าตัวเองเป็นนักอ่านตัวยง แต่ก็ยังมีวันที่อ่านไม่ได้ ไปไม่เป็น ที่ผมเรียกขานด้วยศัพท์ที่คิดเองเข้าใจเองว่า Reader’s Block อยู่ดี)
สมัยก่อน ตอนที่ยังเรียนอยู่แถวสามย่าน ผมมักชอบแวะไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ กันหลังเลิกเรียน (หรือบางทีก็โดดเรียนไป แล้วแต่สถานการณ์จะอำนวย) หนึ่งในร้านที่ผมแวะไปไม่ขาด คือ “วรรณวิภา” ร้านหนังสือเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งบนชั้น 4 ของห้าง ที่นั่น มีนิยายแปลมากมายให้เลือกสรร และทุกครั้งที่แวะไป ผมก็มักได้นิยายเล่มสองเล่มติดตัวกลับมาเสมอ ทีแห่งนั้นทำให้ผมได้รู้จัก “สุวิทย์ ขาวปลอด” หนึ่งในตำนานของนักแปลรุ่นแรกๆ ที่มีผลงานออกมาสม่ำเสมอ
ถึงผมจะไม่เคยอ่าน Clifton Chronicles ผลงานขึ้นหิ้งของ Jeffrey Archer มาก่อน แต่ชื่อเสียงของนิยายชุดนี้ขจรขจายไปทั่ว (จนผมต้องหาซื้อมาเก็บดองไว้ แต่ยังไม่ได้อ่าน) เมื่อไม่นานมานี้คุณสุวิทย์ ขาวปลอดได้แปล A Detective William Warwick Novel นิยายชุดใหม่ของ Archer ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นงาน spin off จาก Clifton Chronicles ออกมา ผมจึงไม่รอช้ารีบจัดการหาซื้อมาอ่าน ตอนนั้น ตั้งใจแค่ว่าจะลองประเดิมอ่านนิยายของ Jeffrey Archer ที่เขาเล่าลือว่าเด็ดดวงนักหนาด้วยนิยายเล่มแรกจากชุดนี้นี่แหละ ปรากฏว่าตอนที่อ่านนิยายจบ ผมอดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมมันยังเหลือหน้าอีกตั้งค่อนเล่ม พอพลิกหน้าต่อไปดูก็ถึงบางอ้อว่าที่แท้คุณสุวิทย์ใจป้ำ แปลนิยายให้เราอ่านกันสองตอนแต่รวมไว้ในเล่มเดียว surprise surprise!!!
นิยายชุด Clifton Chronicles นั้น แฮร์รี่ คลิฟตัน ตัวละครในเรื่องมีสัมมาอาชีพเป็นนักเขียน และนิยายอันเป็นลูกรักที่เขาฟูมฟักนั้นคือนิยายสืบสวนที่มีวิลเลี่ยม วอร์วิค ตำรวจหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์เป็นตัวละครหลัก Jeffrey Archer ตัดสินใจเขียนนิยายชุดใหม่ โดยใช้ วิลเลี่ยม วอร์วิคเป็นจุดขายและเลือกที่จะเล่าเรื่องราวในชีวิตของวอร์วิคตั้งแต่เริ่มต้น หรือหากให้อธิบายกันแบบเข้าใจง่ายที่สุดก็คือตัวละครวิลเลี่ยม วอร์วิคนั้นเป็นตัวละครที่อยู่ในนิยายของแฮร์รี่ คลิฟตัน ตัวละครใน Clifton Chronicles การนำวอร์วิคมาเขียนจึงให้อารมณ์เหมือนตัวละครจากในนิยายที่ผุดขึ้นมามีชีวิตจริงๆ จะเรียกแบบนั้นก็คงไม่ผิดอะไรครับ
ใน Hidden in Plain Sight หรือซ่อนไว้ในที่แจ้ง ตอนที่สองของชีวิตนักสืบ วิลเลี่ยม วอร์วิคย้ายจากหน่วยงานเดิมสู่สังกัดใหม่ ในแผนกคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และได้รับมอบหมายให้ตามจับราชายาเสพติดตัวเอ้ที่แผ่อิทธิพลไปทั่วลอนดอน ซ้ำร้าย ไมลส์ ฟอล์คเนอร์ ทรชนที่วอร์วิคจับได้ในคดีโจรกรรมภาพเขียน (จากตอนแรก) แต่ไม่ได้ถูกจำคุก แค่เพียงลงอาญาไว้ก็ยังตามรังควานและหาเรื่องเขา (โดยเฉพาะในฉากแต่งงานระหว่างวอร์วิคกับเบธ แฟนสาวที่ฟอล์คเนอร์ปรากฏตัวได้อย่างเจ็บแสบมาก เป็นฉากเด็ดดวงที่ผมอ่านแล้วทั้งอึ้ง ทั้งทึ่ง ทั้งขำ) คดีก็ต้องทำ ศัตรูก็ต้องกำจัด แถมเรื่องครอบครัวก็ยุ่งเหยิงเมื่อภรรยาของเขาตั้งครรภ์ลูกแฝดอีกต่างหาก
ความสนุกของนิยายในชุดนี้ คือการที่ Archer ไม่ได้เล่าเรื่องสืบสวนสอบสวนในขนบของเรื่องเล่าทำนองนี้ หากแต่เล่าผ่านรายละเอียดและเรื่องราวในชีวิตของนายตำรวจผู้หนึ่ง ดังนั้น นอกเหนือจากเรื่องคดีความและงานที่วอร์วิค ตัวละครหลักของเรื่องต้องทำ เรายังได้เห็นมุมมองอื่นๆ ในชีวิตของเขา ตั้งแต่เรื่องครอบครัว พ่อแม่ พี่สาว และภรรยา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเพื่อน (ในตอนนี้มีการเล่าถึงอดีตระหว่างวอร์วิคกับเอเดรียน ฮีธ เพื่อนเก่าสมัยเรียน) สำหรับผม การเล่าเรื่องด้วยวิธีแบบนี้ทำให้เรื่องมีมิติ น่าสนใจมากขึ้น ทำให้เรื่องราวที่ปรากฏในเรื่องมีรสชาติอื่นๆ นอกเหนือไปจากอารมณ์ตื่นเต้น ลุ้นระทึกแบบนิยายสืบสวนสอบสวนทั่วไป
อย่างไรก็ดี ผมแอบรู้สึกว่าตอนที่อ่าน Nothing Ventured เล่มแรกของชุดนั้น ผมสนุกกับเรื่องมากกว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะตัวละครในตอนแรกกับตัวละครในตอนที่สองนี้ มีวุฒิภาวะแตกต่างกันหรือเปล่า ผมอาจจะรู้สึกสนุกเวลาที่เห็นตัวละครตั้งไข่ และค่อยๆ เรียนรู้ชีวิตการทำงานของตนผ่านสิ่งที่ตนทำ แต่ใน Hidden in Plain Sight ตัวละครมีวัยวุฒิและคุณวุฒิมากขึ้น ลูกลุ้นหรือความสนุกสนานอันเกิดจากการมองเห็นตัวละครทำข้อผิดพลาดและเรีบนรู้จากมันก็ลดลงตามไปด้วย แต่ส่วนที่ลดความสนุกลงนั้นก็ถูกทดแทนด้วยฉากตื่นเต้นของการไล่จับพ่อค้ายาที่ผมว่าก็ระทึกใจดี พอให้อภัยกันได้ครับ
เผื่อใครข้องใจว่านิยายชุดนี้ อ่านแยกจากกันได้ไหม เช่น อ่านตอนที่ 2 ก่อนค่อยไปอ่านตอนแรกได้ไหม?
ผมว่ามันก็ได้นะ เพราะรายละเอียดหลักๆ หรือคดีความในแต่ละตอนน่าจะแยกจากกันเป็นเอกเทศแต่อาจจะเหมือนนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปกลับมาซะหน่อย และอาจสับสนเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครอีกเล็กน้อย แต่ผมมองว่ามันก็พออ่านข้าม อ่านสลับได้อยู่แหละ นี่ก็รออ่านตอนที่สามต่อแล้วนะ ไม่แน่ใจว่าคุณสุวิทย์ ขาวปลอดจะแปลให้อ่านรวดเดียวสองตอน คือตอนสามและสี่ เท่ากับที่ออกว่างจำหน่ายในอเมริกาแล้วเลยไหม?
…มาลุ้นกันครับ!
#ReadingRoom #HidinginPlainSight #JeffreyArcher #สุวิทย์ขาวปลอด
โฆษณา