30 พ.ค. 2021 เวลา 16:44 • ธุรกิจ
4M ที่จะมาทำให้อนาคตของคนในทวีปเอเชียและคนไทยรุ่งโรจน์
ที่มา  Thailand Business News
เศรษฐกิจของโลกในอนาคตจะมีการเปลี่ยนขั้วย้ายมาอยู่ที่ทวีปเอเชีย โดยมีปัจจัยหลักจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศจีนและอินเดีย ที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 36% ของโลก (ที่มา Worldometer) และมีขนาดของผลผลิตมวลรวมในประเทศเป็นสัดส่วน 21.61% (สหรัฐอเมริกา 24.1%) (ที่มา Statisticstimes.com)
ในเวลาแค่เพียงหนึ่งทศวรรษตลาดอีคอมเมิร์ซของจีนเติบโตขึ้นจากเดิมที่เคยมีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของยอดขายทั่วโลก กลายมาเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2016 คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของการทําธุรกรรมที่นับตามมูลค่า ในแพลตฟอร์ม เช่น Alibaba JD.com สามารถเข้าถึงผู้ซื้อได้เกือบพันล้านราย มีขนาดตลาดที่ใหญ่กว่าสหรัฐอเมริกาถึง 3 เท่า
Source:  Oberlo
ในขณะเดียวกันการเติบโตทางด้านนําเทคโนโลยีมือถือของอินเดีย ก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าอัศจรรย์เพราะว่า Reliance Jio กลายมาเป็น บริษัทเทคโนโลยีที่โดดเด่นของอินเดียในชั่วข้ามคืน ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังผู้คน 1.3 พันล้านของอินเดียได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าสถานการณ์ของ Covid-19 ระบาดอย่างหนักแต่ Google และ Facebook ก็ยังมีการลงทุนเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในบริษัท โทรคมนาคมนี้ ที่คาดการณ์ว่าจะมีสมาชิกกว่า 500 ล้านคนภายในปี 2023
1
เหตุการณ์ในสองประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกกับทิศทางการเติบโตและเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ทำให้นักลงทุนทั่วโลกมีความสนใจที่จะลงทุนในระยะยาว พลังของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มาจากการพัฒนาด้านนวัตรกรรมดิจิตอล ที่มีพื้นฐาน 4M ที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในเอเชีย
Top 20 Asian Economies 2021 (Nominal GDP) Source: YouTube Channel  Dr. Top 10
แม้ว่าเราอยู่ในช่วงของเวลาแห่งความไม่แน่นอนและมีอีกหลายปัจจัยที่ที่อาจทำให้เกิดการคาดการณ์ที่ผิดพลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ การขยายตัวของเทคโนโลยี 5G การแข่งขันที่เกิดขึ้นภายในภูมิภาคเอเชียและผลจากCovid-19 ทั้งหมดก่อให้เกิดภัยคุกคามต่ออนาคตของทวีปเอเชียและเศรษฐกิจในช่วงศตวรรษที่ 21ของเอเชียได้
1
นักลงทุนทั่วโลกกําลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากที่จะลงทุนผ่านตลาดทุนและตลาดการเงินในเอเชีย จากข้อมูลของ CB Insights พบว่าในประเทศจีนมี "ยูนิคอร์น" (สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์) ถึง 188 บริษัท สหรัฐฯมี 238 บริษัท ในขณะที่อินเดียกําลังมี “ยูนิคอน” เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันโดยมีถึง 24 บริษัทมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ปัจจัยทั้งหมดนี้มีพื้นฐานมาจาก 4 M
1.Millennials
คนกลุ่ม Millennial คือคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523-2539 ที่เป็นกลุ่มที่พึ่งจบการศึกษาและอยู่ในช่วงวัยทำงาน ในเอเชียมีจำนวน 800 ล้านคนเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกามีจำนวน 66 ล้านคน ส่วนในทวีปยุโรปมีจำนวน 60 ล้านคน คนในกลุ่มนี้จะกลายมาเป็นผู้บริโภคที่มีพลังในการจับจ่ายมากที่สุดในโลก ในประเทศไทยจากการคาดการณ์ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าประชากรในกลุ่ม Millennial จะเป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2563 มีสัดส่วนถึง 40% (ที่มา MGR Online.com)
1
Source:  Forbes
2. Middle Class (ชนชั้นกลาง)
ในเอเชียมีคนชั้นกลางหลายร้อยล้านคนที่มีสถานะรายได้ปานกลางที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากที่สุด Brookings Institute ระบุว่าในเอเชียมีสัดส่วนเกือบ 90% ของประชากร ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในจีน อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2025 (พ.ศ. 2568) คาดว่ามูลค่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคชนชั้นกลางของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่ามากกว่าการจับจ่ายประชากรส่วนอื่นของโลกรวมกัน
อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพคืออุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพที่ผสมผสานกับเทคโนโลยี
Source:  Vox
3.Metropolitan (สังคมเมืองขนาดใหญ่)
1
ด้วยการเติบโตของสังคมเมืองที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงทำให้มีการย้ายถิ่นฐานเข้ามาสู่เมืองใหญ่กัน ในทวีปเอเชียมีมากกว่า 300 เมืองที่มีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน สหรัฐอเมริกามีเพียง 10 เมืองและสหภาพยุโรปมี 18 เมือง จำนวนประชากรความหนาแน่นสูงของเอเชียทำให้เป็นที่น่าสนใจในการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก เพราะมีโอกาสสูงที่ธุรกิจจะเติบโตด้วยกำลังซื้อที่มีมากมายในสังคมเมืองทั้ง 300 เมืองของทวีปเอเชีย ยกตัวอย่างที่สังคมเมืองทำให้การลงทุนเติบโตได้สูงคือ แอพเรียกรถของจีน Didi Chuxing ซึ่งมีผู้ขับขี่ที่ใช้งานอยู่ 30 ล้านคนในปัจจุบัน มีจํานวนมากกว่าผู้ใช้ Uber ถึง 10 เท่า
1
Source:  Wallpaperflare
4. Mobile-Enable (เทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือ)
ปัจจัยสุดท้ายนี้นำมาพิจารณาคือการใช้เทคโนโลยีมือถือที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในทวีปเอเชียมีการลงทะเบียนสมัครสมาชิกโทรศัพท์มือถือมากกว่า 4 พันล้านราย มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 2 พันล้านราย รวมแล้วมากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ
Alibaba และกลุ่มเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น We Chat และ Tencent (ทั้งหมดเป็นประเทศจีน) กําลังสร้างนวัตกรรมในเข้าถึงพลังซื้อของผู้บริโภคจำนวนมากในเอเชีย โดยการทำแอพพลิเคชั่นที่รวมบริการต่างๆ เช่น ธุรกรรมออนไลน์ การเรียกรถ การส่งข้อความรวมถึงการประกันภัย
ในอินเดีย นักพัฒนาต่างๆ เช่น Flipkart และ Paytm ก็กำลังเข้าหาทางที่ให้เทคโนโลยีต่างๆเข้าถึงประชากรในพื้นที่ไกลๆ ที่มีอยู่จำนวนหลายร้อยล้านคน เพราะสามารถทำได้ง่ายขึ้นเนื่องจาก Reliance Jio ที่เป็นบริษัททางด้านโทรคมนาคมได้นำเสนอบริการโทรคมนาคมในราคาไม่สูงนักให้กับชาวอินเดียทุกคน
Source:  Hotelogix
ถึงแม้ว่าจะมีกล่าวถึง 2 ประเทศหลักคือจีนและอินเดียก็ตาม แต่ในรายงานนี้ให้น้ำหนักรองลงมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย เพราะมีจำนวนประชากรกว่า 650 ล้านคน มีเมืองใหญ่อยู่ปลายเมือง แต่เรื่องที่น่าห่วงคือประเทศไทยมีกลุ่ม Millennial ที่จะกลายมาเป็นกลุ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกจำนวนไม่มาก เพราะสังคมไทยมีสัดส่วนผู้สูงวัยมากกว่าประเทศอื่นในเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นประเทศเดียว แต่หากดูภาพรวมแล้วประเทศไทยมีคุณสมบัติที่จะเติบโตได้สูงมากทีเดียว เพราะอีก 3 M ที่เหลือเราไม่ได้เป็นรองใครเลย
Source:  Nonwovens Industry
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernizationmarketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Thailand Modern Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
สนใจการทำตลาดสุขภาพ ติดต่อได้ที่
โฆษณา