31 พ.ค. 2021 เวลา 04:57 • หนังสือ
#สรุปหนังสือ
The Dhandho Investor
นักลงทุนดันโด
ตอนที่ 1 : เข้าใจวิถี นักลงทุนดันโด
หนังสือ The Dhandho Investor (นักลงทุนดันโด) เขียนโดย โมห์นิช พาไบร เป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) ชาวอินเดีย ผู้ซึ่งนำแนวทางการลงทุนของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มาใช้ในการลงทุนและประสบความสำเร็จสูงมากในการลงทุน สร้างผลตอบแทนสูงกว่า 28% ต่อปี
หนังสือเล่มนี้จะบอกถึงแนวความคิดและวิธีการลงทุนแบบ "ดันโด" ผมจะสรุปให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
ตอนที่ 1 : เข้าใจวิถี นักลงทุนดันโด
1. Dhan-dho(ดันโด) เป็นภาษาอินเดีย หมายถึง "ความมั่นคง หรือ ธุรกิจ" แนวทางการลงทุนแบบดันโด คือการลงทุนที่ "ผลตอบแทนสูงสุด ขณะที่จำกัดความเสี่ยงให้ต่ำสุด"
2. ปาปา พาเทล
ปาปา พาเทล อพยพเข้ามาใน อเมริกาด้วยเงินติดตัว 5,000 ดอลลาร์ เขาเห็น โมเต็ลขนาด 20 ห้องประกาศขายด้วยราคาถูกเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา เขาจึงตัดสินใจกู้ธนาคารเพื่อซื้อโรงแรม เพราะสามารถเป็นทั้งการลงทุนและที่พักอาศัยได้
พาเทลและครอบครัวบริหารและทำงานที่โมเต็ลทั้งหมดด้วยตนเอง ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มข้นทั้งทำความสะอาดและซักรีดเอง ทำให้ต้นทุนดำเนินงานต่ำ ทำให้ค่าเช่าต่ำกว่าที่อื่น แต่ยังทำกำไรต่อห้องได้พอๆกับโรงแรมอื่น และด้วยราคาที่ต่ำทำให้อัตราเข้าพักสูง และสามารถทำกำไรได้มาก
พาเทลลงทุนโมเต็ล ขนาด 20 ห้อง ราคา 50,000 ดอลลาร์ ด้วยเงินมัดจำที่มี 5,000 ดอลลาร์ และด้วยการบริหารต้นทุนที่ต่ำ ทำให้มีรายได้ถึงปีละ 50,000 ดอลลาร์
ต้นทุนการบริหารโมเต็ล ประกอบด้วย ดอกเบี้ย 5,000 us เงินต้น 5,000 us ค่าบำรุงรักษาและดูแลประมาน 10,000 us ค่าใช้จ่ายในครอบครัว 5,000 us ทำให้ค่าใช้จ่ายรวม 20,000 us รายได้หลังหักภาษีจึงประมาณ 20,000 us
= ลงทุน 5,000 กำไร 20,000
เขาสร้างผลตอบแทนระดับ 400% ได้ภายในวลา 1 ปี ฟังเหมือนดูดี แต่ถ้าธุรกิจไม่สำเร็จหล่ะ?
ถ้าหากพาเทลดำเนินธุรกิจได้ไม่ดี ทำให้ขาดทุน ธนาคารก็จะยึดโมเต็ลไปและยึดเงินมัดจำไปด้วยเท่ากับ เขาจะเสียทั้งหมดที่มี!!
แต่..ถ้าขนาดพาเทลที่ลดต้นทุนขนาดนี้แล้วยังทำกำไรไม่ได้ คงไม่มีใครทำได้แล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดของธนาคาร คือร่วมมือกับพาเทลช่วยให้กิจการมีกำไร โดยอาจยืดการชำระหนี้ หรือลดดอกเบี้ยเพื่อให้พาเทลบริหารต่อจนมีกำไร เท่ากับความเสี่ยงที่เขาจะเสียเงินทั้งหมดลดลง
หากเรามองการลงทุนครั้งนี้เป็นการเดิมพัน
Best Case : สามารถสร้างผลตอบแทนระดับ 400% ต่อปีได้ตลอดระยะเวลา 10 ปี
- การลงทุนนี้จะได้ผลตอบแทน 21 เท่า
Base Case : ธุรกิจมีสะดุดบ้าง ไม่ได้รับผลตอบแทนเลยใน 5 ปีแรก และใน 5ปี ต่อมา กลับมาทำกำไร ระดับ 200% ต่อปี
- การลงทุนนี้จะได้ผลตอบแทน 7 เท่า
Worse Case : ตลอด 10 ปี ธุรกิจไม่สำเร็จ ถูกยึดโมเต็ล และเงินทุนทั้งหมด
หากเราตั้งสมมติฐาน
Best Case : มีโอกาส 80%
Base Case : มีโอกาส 10%
Worse Case : มีโอกาส 10%
ถือว่าตั้งต่ำมากเพราะให้โอกาสที่สถานการณ์จะแย่ถึง 10% ทั้งๆที่เรารู้ดีว่าพาเทลบริหารโมเต็ลอย่างมีประสิทธิภาพมาก
การเดิมพันครั้งนี้
90% มีโอกาสได้ มากกว่า 100,000 us
10% มีโอกาสเสีย 5,000 us
ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มมาก และความเสี่ยงต่ำ
" กำไรมาก โอกาสมาก vs เสียน้อย โอกาสต่ำ "
กฏคลาสสิคของการลงทุนแบบดันโด
" เดิมพันน้อยอย่าง เดิมพันหนักๆ ไม่เดิมพันบ่อย "
" ออกหัว ได้เงินก้อนโต ออกก้อย เสียเงินนิดหน่อย "
3. วิถีดันโดของ ริชาร์ด แบรนสัน
ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของเครือธุรกิจ Virgin ที่ทำธุรกิจในหลากหลายกลุ่ม กว่า 200 ธุรกิจ ทั้ง ค่ายเพลง เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ฟิตเนส หรือแม้กระทั่งสายการบิน
แบรนสัน ขณะนั้นเป็นเจ้าของค่ายเพลง Vergin เขาไม่มีความรู้เรื่องสายการบินเลย มีผู้มาเสนอแผนธุรกิจการบินเส้นทาง ลอนดอน-นิวยอร์ค ที่มีแต่ชั้น first class เขาตั้งข้อสังเกตุว่า
"เมื่อไหร่ที่มีผู้มาเสนอแผนธุรกิจการบิน กับเจ้าของค่ายเพลง แสดงว่าเขาถูกปฏิเศษจากนักธุรกิจมาก่อนแล้ว" เขาคิดว่าการที่นักธุรกิจซึ่งเข้าใจธุรกิจการบินอย่างดีไม่สนใจแผนนี้ แสดงว่าแผนอาจมีปัญหา
เขาจึงศึกษาธุรกิจนี้ โทรหาผู้เกี่ยวข้องต่างๆ เขาค้นพบว่า มีช่องว่างให้เขาพอจะสามารถทำธุรกิจได้
เขาโทรหา Boeing เพื่อเช่าเครื่องบินเก่าๆที่จอดไม่ได้ใช้งาน เขาไม่ต้องซื้อเครื่องบินด้วยเงินมหาศาล ลงทุนเพียงค่าเช่า และเขาจะจ้างพนักงานภาคพื้นกลุ่มเล็กๆ ที่เหลือจ้างมืออาชีพของสายการบินใหญ่ แค่นี้เขาก็สามารถทำโฆษณา และเปิดธุรกิจได้เลย
เขามองเห็นช่องว่างของธุรกิจที่สายการบิน ใหญ่ๆยังไม่มีในขณะนั้น คือการบินชั้นประหยัด เพียงใช้ความคิดสร้างสรรค์ การควบคุมต้นทุน และการสร้างแบรนด์ เขาก็สามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจได้
ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่ใช้ต้นทุนต่ำแบบนี้ หากไม่สำเร็จเขาจะเสียค่าเช่าเครื่องบิน และค่าพนักงานเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าสำเร็จเขาจะได้กำไรมหาสาร
สรุปตอนที่ 1
แนวคิดการทำธุรกิจแบบ "ดันโด"
หัวใจคือ " การลงทุนที่โอกาสสำเร็จสูง โอกาศขาดทุนต่ำ"
" ออกหัว ได้เงินมาก
ออกก้อย เสียเงินนิดหน่อย"
** คือ การจำกัดความเสี่ยง **
Lucky Pilot Investor
" เพราะการบินและการลงทุน
มีหัวใจเดียวกันคือ
ทำด้วยความรู้ "
Aviation - Invesment - Technology
โฆษณา