1 มิ.ย. 2021 เวลา 05:30 • ปรัชญา
ศีลถ้าเข้าใจรักษาไม่ยาก
"หลวงพ่อคะ เรื่องศีล ๕ มีอยู่ข้อหนึ่งที่รักษายากคือข้อมุสาวาท ห้ามพูดปด ความจริงก็ไม่อยากพูดปดหรอกค่ะ แต่ด้วยความเกรงใจเขาบ้าง ถ้าเราไม่พูดปดเขาก็ยิ่งเกลียด แล้วจะทำอย่างไรดีคะ"
รูปหลวงพ่อฤาษี ในศาลานวราช วัดท่าซุง
ก็พูดไม่ปดก็หมดเรื่อง แต่ความจริง คำว่ามุสาวาท ถ้าไม่เข้าใจก็รู้สึกรักษายากการพูดไม่ตรงตามความเป็นจริง แต่เต็มไปด้วยความเมตตา อันนี้ไม่เรียกมุสาวาท อย่างสมมุติว่า
คน ๒ คนทะเลาะกันอยู่ อีกคนหนึ่งมาหาเราแล้วก็ไปนั่งนินทาคนนั้น ที่นี้พอเขาไปแล้ว อีกคนหนึ่งถามว่า เมื่อกี้เขามาว่าอย่างไร เขานินทาฉันหรือเปล่า ถ้าเราพูดตามความเป็นจริง คน ๒ คนก็จะทะเลาะกันใหญ่ เราบอกว่าเปล่า เขามาพูดธรรมดาๆ ไม่เห็นว่าอะไรเธอ ไอ้นี่ไม่ตรงตาม ความเป็นจริง แต่เป็นพรหมวิหาร ๔ สงเคราะห์ให้เขา : คนไม่แตกร้าวกัน อันนี้ไม่ขาด
1
คือศีลมุสาวาทจะขาดต้องทำลายประโยชน์เขา แต่นี่รักษาประโยชน์ พระพุทธเจ้าก็ใช้ พระสารีบุตรก็เคยใช้มาก่อน ใช้แล้วก็มีผลให้บุคคลนั้นบรรลุมรรดผล และสำหรับคนที่เราสงเคราะห์ถึงไม่บรรลุมรรคผล แต่ผลให้มีความชื่นใจ อันนี้ก็ยังดี
"ทีนี้ถ้าหากว่าเรารักษาได้ทั้ง ๕ ข้อเป็นประจำวันนะคะ จะต้องสมาทานศีลไหมคะ"
ไม่ต้องหรอก ศีลน่ะมันอยู่ที่ตัวเว้น สมาทานน่ะ ขอรักษาเฉยๆ เพราะยังไม่รู้ว่าศีลมีอะไรบ้าง ถ้ารู้แล้วถ้าตัวไหนเว้นได้ ตัวนั้นเป็นศีล สมาทานกันวันละ ๑๐๐ ครั้ง ถ้าไม่เว้น ก็ไม่เป็นศีล ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่สมาทาน ถ้าสัตว์ตัวเล็กๆ มันเดินคลานมา เราเห็นแล้ว เราไม่ฆ่า อันนี้ราเว้นได้ เราไม่ทำ ถ้าเรามีโอกาสแต่ว้นได้ ก็เป็นศีล เรื่องโกหกเราพอจะโกหกได้ แต่ไม่โกหกก็เป็นศีล ศีลถ้าเข้าใจแล้วไม่ยาก
1
**ศีล ๘**
"อย่างเวลารักษาศีล ๘ นะคะ ตอนนี้เพิ่งเริ่มปฏิบัติใหม่ๆ สักทุ่มหนึ่งก็แย่แล้ว มันหิวค่ะ”
ก็กินต่อสิ....
ก็ต้องลาศีลก่อนสิคะ
ไม่ต้องลา ฟิโธ่ ! หิวจะตายมัวรอลา ศีลจำลาก่อน ลาไปไหนล่ะ
"ไม่ตกนรกหรือคะ"
วิกาลโภชนาเวรมณี ละเมิดแล้วไม่ได้ลงนรก
ศีล ๘ ถ้าจะลงนรกมี ๔ ข้อ คือ ปาณาฯ อทินนาฯ มุสาฯ สุราฯ อพรัหมจริยาฯ เพิ่มขึ้นมาแทนกาเมในศีล ๘ อพรัหมฯ ตัวนี้ถ้าเขาไปร่วมรักเฉพาะสามีภรรยาเขา ศีลไม่ขาด แต่ถ้ากาเมฯ ขาด
ศีล ๘ เป็นธรรมะ ๔ ข้อ ตั้งแต่ข้ออพรัหมจริยา วิกาลโภชนาลาไป นี่ไม่ขาด
"การรักษาศีล ๘ บางวัดบอกดื่มนมไม่ได้ แต่บางวัดบอกดื่มได้"
วัดไหนดื่ม แล้ววัดไหนไม่ดื่ม แหม..ถ้าวัดไหนมันกินนมนะ
"พระดื่มค่ะ"
อ้าว ! ก็บอกพระสิ นี่บอกว่าวัดดื่ม ไม่ได้บอกว่าพระดื่มนี่ นมสด นมส้ม เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ดื่มได้ และก็สงเคราะห์เป็นนมข้น นมสด นมใสได้ ในหลักมหาประเทศ อย่าถือส่งเดชไปนะ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดในพระวินัย
"นมถั่วเหลืองได้ไหมคะ"
นมถั่วเหลืองได้ ถ้าเขาคั้นแล้ว เขากรองแล้วใช้ได้
อย่าง น้ำอัฎบาน คือน้ำผลไม้ ๘ อย่าง น้ำมะม่วง น้ำชมฟู หรือน้ำหว้า น้ำมะปราง หรือลิ้นจี่ น้ำเหงาอุบล น้ำลูกจันทร์ หรือองุ่น น้ำกลัวยไม่มีเม็ด น้ำมะซาง แต่ว่าผลไม้นั้นต้องไม่ เท่าส้มโอ ตั้งแต่ส้มโอขึ้นไปจัดเป็นมหาผล ดื่มไมได้ อย่างมะพร้าวอ่อน ถึงกินน้ำก็ไม่ได้
อันนี้ท่านตรัสอนุญาตไว้ ๘ อย่าง ต่อมาในหลักมหาประเทศท่านบอกว่า ถ้าอะไรไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยที่เราตรัสไว้ คือผลไม้ต่างๆ เอามาคั้น หรือกรองก็ฉันได้ เราต้องดูในวินัยท่านตรัสไว้ตรง เมื่อตรัสไว้ตรงแล้วก็ยังมีสิ่งประกอบ คือว่า ในเมื่อตถาดตนิพพานไปแล้ว อะไรที่ขัดต่อพระวินัย ห้ามทำ อย่างยาฝิ่น เฮโรอิน สมัยนั้นไม่มี เวลานี้ก็สงเคราะห์เข้าไปในยาเสพติด เช่น สุรา ยาเมา ด้วย ที่นี้ถ้าท่านสงเคราะห์ในด้านอนุญาตให้ปฏิบัติได้ อย่างผลไม้ ท่านตรัสไว้ ๘ อย่าง ขนาดไหน และเว้นขนาดไหน เราทำไม่ได้แน่ ถ้าเป็นขนาดที่ท่านอนุญาต เรากรองเสียก็ใช้ได้
"หลวงพ่อครับ อย่างบางวัดเขาห้ามฉันนมเลยครับ"
อันนี้ความจริงในวินัยมีอยู่ แต่ท่านถืออย่างไรก็ไม่ทราบ ทำให้ชาวบ้านหลงผิด แต่ว่าระวังให้ดีเถอะ หน้าวัดไม่ฉัน แต่หลังวัดกระป้องเกลื่อนหมด เพื่อนๆ กันมี เคยถามเฮ้ย ! วัดแกกินหรือเปล่าวะ วัดไม่ได้กินหรอก แต่พระกิน นี่ ! พระพุทธเจ้าไม่ทรงห้าม ก็ไม่น่าไปเว้นให้ชาวบ้านเขาเข้าใจผิด มันกลายเป็นมายา เจ้าเล่ห์ ใช่ไหม หลอกเขาอีก กิเลสมันก็กินหัวผุ ตรงไปตรงมาเสียดีกว่า
พระพุทธชิราช ในวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร วัดท่าซุง
**ห้ามรับเงิน**
"แล้วพระที่รับเงินหรือไม่รับเงินล่ะครับ"
ที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามการรับเงินรับทอง ซึ่งเป็นของรูปิยะ วินัยข้อนี้บัญญัติไว้ชัดรับเอาก็ดี ให้คนอื่นรับเอาก็ดี หรือดนอื่นเก็บไว้เพื่อตนก็ดี เป็นอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์หมดล่อเสียเองไม่ดีกว่าหรือ ให้คนอื่นรับเดี๋ยวก็ใช้หมด เกิดโมโหอีก และประการที่สอง ฉันไม่รับเงิน โกหกชาวบ้านอีก แต่จิตถือว่าเป็นของตัว ใช่ไหม
1
ทีนี้พระพุทธเจ้าทรงห้ามข้อนี้เพราะอะไร เพราะอย่าเอาจิตไปติด เดี๋ยวจะหาว่ารวยคิดว่ารวยมันจะเกิดกิเลส ถ้าเรารับคิดว่าไม่เป็นของเรา รับกี่บาทเป็นของสงฆ์หมด แล้ว จิตอย่าไปติด เขาให้มาก็ไปทำสาธารณประโยชน์ อะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนกลางได้ เราก็ทำให้หมดไป เพื่อนพระด้วยกันไม่มีอาหารจะกิน ก็จัดเป็นอาหารถวายพระ เป็นสังฆทาน การก่อสร้างในวัดมีขึ้น เราไปร่วมก่อสร้างกับเขาก็เป็นวิหารทาน ส่วนใดเป็นเรื่องของธัมมะธัมโม เอาเงินไปร่วมลงทุนด้วย เป็นธรรมทาน ถ้าทำได้อย่างนี้ เจ้าของถวายได้หลายอย่าง เจ้าของได้มากขึ้น เราก็ไม่มีโทษตามพระวินัย วินัยปรับเฉพาะจิตติดโลภเท่านั้นแหละ ถ้าพระอรหันต์ท่านรับไปปรับท่านได้เมื่อไร พระอรหันต์ท่านรับไหม ท่านรับ ท่านไม่โกหกชาวบ้านหรอก
มีอยู่ตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพาน พระพุทธองค์ตรัสว่า
"เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ในกาลภายหลังสิกขาบทเล็กน้อย ในบางสิกขาบทที่ ไม่เหมาะกับกาลสมัย ให้สงฆ์เพิกถอนได้"
ทีนี้คำว่า เพิกถอน ต้องประชุมสงฆ์ทั้งโลกเราทำไม่ได้ เราก็ถอนของเราเอง ชนเลย ก็มีเท่านี้ ถ้ารับเอาก็ดี ให้คนอื่นรับก็ดี คนอื่นเก็บไว้เพื่อตนเองก็ดี เรารู้อยู่เป็นอาบัติเท่กัน แล้วให้ชาวบ้านรับทำไม แล้วก็มีโทษอีกคือโมโห
อย่างเจ้าคุณโพธิวงศาจารย์ เจ้าคุณจังหวัดอ่างทอง ท่านบอกว่าตอนที่ท่านเป็นเปรียญอยู่ที่วัดเบญจฯ มีวันหนึ่งเขาโทรเลขจากบ้านไปที่วัดเบญจฯ ว่าเวลานี้โยมที่บ้านป่วยหนัก ให้มา ท่านบอกว่าเวลานั้นท่านทราบ ท่านเก็บสตางค์มีเงินอยู่ ๘๐๐ บาท เรียกเด็กเข้ามาบอกว่าเวลานี้โยมป่วยจะเอาเงินไปใช้ ไอ้เด็กบอกว่า
๒๐๐ บาทครับ ท่านก็ถามว่าอีก ๖๐๐ บาทไปไหน มันบอกว่าใช้หมดแล้วครับว่าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เก็บเองดีกว่า ไม่ต้องมีโมโห อันนี้จิตไปโกรธเด็ก โกรธเด็กมันก็เป็นบาป พอโกรธจิตก็เศร้าหมอง ท่านบอกว่า
จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคคติ ปาฏิกังขา
"ถ้าจิตเศร้าหมองเวลานั้น ถึงแม้เราจะมีบุญอะไรก็ตามตายแล้วลงนรกก่อน"
สมเด็จพระพุทธเมตามหากรุณา วัดท่าซุง
ดีไหม ก็ตรงไปตรงมาไม่ดีหรือ ดีไหม...
เขาให้ เรารับ ชาวบ้านไปพูดว่าองค์นั้นรับสตางค์ เขาไม่ชอบใจเขาก็ไม่ให้ เขาชอบใจเขาก็ให้ มันเปิดเผยดีกว่า ถ้าเราไม่รับ ทีหลังเขารู้ว่ารวยมันซวยจัด ใช่ไหม สู้กันตรงไปตรงมาดีกว่า อันนี้มันเลี่ยงไม่ได้ ที่ว่าไมรับ ไม่ยินดี วัดนั้นมีการก่อสร้างไหม พระวัดนั้นมีการป่วย ป่วยแล้รักษาโรคหรือเปล่า เวลารักษาเอาอะไรมารักษา จะกินเข้าไปถ้าอะไรไม่พอกินจะเอาอะไรมาซื้อ เงินซื้อใช่ไหม ถ้าขึ้นรถขึ้นเรือ เขาเก็บสตางค์แล้วจะไปได้ยังไง ว่าไง นี่พูดเสียให้รู้ว่า ทำอย่างนี้คบหรือไม่คบ ฉันให้เลือกเอาตามชอบใจ ใช่ไหม คบก็คบ ไม่อยากคบก็คบ
เอ๊ ! ยังไง อีตรงนี้เห็นจะฟังยากหน่อยนะ ความจริงอาตมาคิดว่าตรงไปตรงมาดีกว่า ถ้าเขาไปรู้ที่หลังจะคิดยังไง เขาก็เสียใจ เวลาที่เรารับ ต่อหน้าคนเรารับ ลับหลังคนเรารับ อันนี้ทำให้จิตสบาย
ตอนที่บวชกับหลวงพ่อปาน วันแรกท่านสอน ท่านบอกว่า เงินที่เขาถวายเข้ามาในปี ถ้ามีเหลืออย่าให้เกิน ๑.... บาท ถ้าเกินต้องทำอะไรให้หมดไป เงินปีนี้อย่าให้เหลือถึงปีหน้า ก็ถามท่านว่า ถ้าเขาถวายวันสิ้นปีล่ะ
ท่านบอกว่า ก็ตั้งใจไว้ก่อนว่า ปีหน้าจะทำอะไร มันจะต้องมากกว่าเงินวันนั้น สร้างส้วมหลังเดียวก็มากกว่าแล้ว
อันนี้ท่านตัดไว้เลย ดีจริงๆ แล้วทำให้อารมณ์เราสบาย
ความรู้สึกมีสตางค์น่ะ ไม่มีทุกวันนะ ที่ญาติโยมให้มาน่ะ ก่อนนี้ตั้งเยอะแยะ มัน ยังไม่พอกับหนี้ที่มีอยู่นะ หนี้เป็นล้าน สบายโก๋ !
"แหม...หลวงพ่อพูดเป็นวัยรุ่นเลย"
ก็พูดรุ่นๆ ไม่มีกิ่งไม่มีก้าน
"อ่านหนังสือของหลวงพ่อก็สนุก ฟังจากหลวงพ่อเองก็สนุก"
ก็ลีลาเดียวกันแหละ อ่านหนังสือก็เอามาจากเทป คือว่าศัพท์ภาษาตำราเราพูดได้ แต่เข้าใจยาก ใช่ไหม ศัพท์ภาษาตำรานี่พูดง่ายกว่าภาษาตลาด เวลาทำหนังสือนะ เวลาเทศน์มือนกัน เวลาฟังทศน์ เทศน์ภาษาตำราก็หนักคนฟังเป็นนางกวักนายกวักไปเลย
ไม่พอเป็นนายหมอบด้วย ใช่ไหม ถ้าเราพูดภาษาตลาด ภาษาธรมดา เขาจะเข้าใจง่าย แต่ก็ยากเวลาทำหนังสือ ทำยาก เวลาพูดอาจจะพูดได้ ตามธรรมดาถ้พูดภาษาธรรมะมักจะเอาภาษาตำราเข้ามา กว่าจะพูดภาษาตลาดได้ก็หลายปี พูดธรรมดพูดได้ พอพูดธรรมะขึ้นมาเล่น ตำราเลย ตอนนี้พวกก็หลับ นั่งสัปหงกหมด สวัสดี.
……
คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๖๗ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
โฆษณา