Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คอเดียวกัน
•
ติดตาม
31 พ.ค. 2021 เวลา 17:15 • ธุรกิจ
ความสำเร็จในถ้วย FA Cup อังกฤษของเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่มีตระกูลศรีวัฒนประภา เป็นเจ้าของ ทำให้คนไทยได้ภาคภูมิใจกับความสามารถในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ระดับแถวหน้าของโลก แต่ถ้าใครติดตามฟุตบอลแบบใกล้ชิดจะรู้ว่าในสัปดาห์เดียวกัน ทีมฟุตบอลที่คนไทยเป็นเจ้าของและบริหารอีกทีมคือ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ต้องตกชั้นลงไปอยู่ในลีกระดับ 3 ของอังกฤษ
2
นี่ไม่ใช่เรื่องของฟุตบอล แต่พยายามมองว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เกิดความแตกต่างของสองทีมนี้ ที่สามารถเอามาพัฒนาองค์กรของเราได้
ย้อนความสั้นๆสำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามฟุตบอลอังกฤษ ในปี 2011 คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้ไปซื้อทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมท้องถิ่นระดับกลางล่างที่กำลังเล่นอยู่ในลีกระดับ 2 (EFL Championship) ด้วยเงิน 39 ล้านปอนด์ ค่อยๆพัฒนาทีมจนก้าวขึ้นมาอยู่ใน Premier League และสามารถเป็นแชมป์ได้แบบพลิกความคาดหมายในฤดูกาล 2015-16 ล่าสุดได้แชมป์ FA Cup ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ปัจจุบันทีมมีมูลค่าที่ Forbes ประเมินไว้เมื่อเดือนเมษายนคือ 322 ล้านปอนด์
ช่วงที่คุณวิชัยพัฒนาทีมเล็กๆอย่างเลสเตอร์ขึ้นมานั้น มีเทรนด์เศรษฐีไทยไปเจรจาซื้อทีมฟุตบอลอังกฤษกันหลายทีม สุดท้ายมีดีลสำเร็จ 2 สโมสร คือ เรดดิ้ง กับ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ซึ่งทีมหลังนี้มีคุณเดชพล จันศิริ บุตรชายของคุณไกรสร จันศิริ ประธานกรรมการบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง บริษัทผู้ผลิตทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดในโลก เข้าซื้อหุ้นในปี 2015 สื่ออังกฤษรายงานมูลค่าราวๆ 37 ล้านปอนด์
📌 ธุรกิจ สำคัญที่กลัดกระดุมเม็ดแรก 📌
สำหรับแฟนๆสโมสร ฟุตบอลคือความรัก คือสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ แต่กับนักลงทุนมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าต้องคิดแบบธุรกิจไปพร้อมๆกัน เพราะต้องดูแลให้ผลประกอบการอยู่ได้ และการจะได้รายได้มากขึ้นก็ต้องสร้างความสำเร็จให้ทีม คุณเดชพล ทำอย่างที่นักลงทุนทีมฟุตบอลหลายคนทำคือประกาศจะพาทีมเก่าแก่อย่างเชฟฟิลด์กลับขึ้นไปใน Premier League ภายใน 2 ปี เขาไม่ได้แค่คุยแต่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจด้วยการเซ็นสัญญานักเตะมีชื่อ ค่าเหนื่อยสูงเข้ามาเข็นทีม แต่ฟุตบอลไม่ใช่บัญญัติไตรยางศ์ที่ความสำเร็จจะแปรผันตามเม็ดเงินที่ใส่ไป เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์เข้าใกล้ EPL จริงๆ คือแค่แพ้ในรอบชิงดำนัดสุดท้าย
1
อีกแค่ก้าวเดียว คุณเดชพลจึงใส่เงินซื้อตัวนักเตะเพิ่ม ประมาณว่าค่าเหนื่อยของเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของนักเตะในระดับ EFL Championship ถึง 4 เท่าแต่ความพยายามครั้งที่สองก็จบลงที่เพลย์ออฟเช่นกัน
กลับมามองอีกทีม แล้วคุณวิชัยทำอะไรที่เลสเตอร์? คุณอัยยวัฒน์ ทายาทคุณวิชัยที่เป็นผู้บริหารจัดการเลสเตอร์เคยเล่าว่า “คนทำงานแต่ละแผนกไม่คุยกัน ใครทำอะไรก็ทำไปแบบเช้าชามเย็นชาม” ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณวิชัยและคุณอัยยวัฒน์ทำคือ เรียกพนักงานของสโมสรเกือบ 200 คนมานั่งคุยทีละคนๆ คนละมากกว่า 3 ชม. เพื่อทำความรู้จักกับ insight ของคนทำงาน และเพื่อให้พนักงานรู้จักเจ้าของใหม่
รวมทั้งรู้เป้าหมายของทีมทั้งในด้านธุรกิจ และฟุตบอล
คุณอัยยวัฒน์ ให้พนักงานแต่ละคนทำการบ้านส่งด้วยว่าถ้าอยากเห็นสโมสรประสบความสำเร็จ จะต้องแก้ปัญหาอะไร อย่างไร ฝ่ายบริหารต้องทำอะไรบ้าง มันคือการให้โอกาสและเวทีกับพนักงานว่าผู้บริหารใหม่พร้อมฟังคุณ พร้อมที่จะทำให้สโมสรก้าวไปข้างหน้าโดยทุกคนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น จากนั้นเน้นการละลายพฤติกรรมเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างแผนก โดยเฉพาะฝั่งฟุตบอล (ที่ต้องการนักเตะดีๆ) กับฝั่งธุรกิจ (ที่ต้องหาเงินและพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อให้มีกำไร) ทุกคนทุกส่วนงานต้องทำงานให้สอดคล้องบนเป้าหมายเดียวกัน ถ้าจะขัดแย้งก็ต้องขัดแย้งเพื่อประโยชน์ของสโมสร
1
นี่คือข้อแตกต่างนะครับ คุณเดชพลไม่ได้ผิด เพราะมีเจ้าของทีมหลายคนใช้วิธีการซื้อๆๆๆ เช่น เชลซีของโรมัน อบราโมวิช แต่สำหรับเชลซีถ้านักเตะหรือโค้ชมาแล้วไม่เวอร์ค เขามีสายป่านยาววววววมาก เปลี่ยนไปกี่คนก็ได้ แต่วิธีการของคุณเดชพล มันเสี่ยงเกินไปโดยเฉพาะเมื่อมีงบประมาณจำกัด ขณะที่คุณวิชัยและคุณอัยยวัฒน์ใช้วิธีบริหารจัดการให้โตจากข้างใน ยอมเสียเวลาสื่อสารกับพนักงานให้ชัดว่าเป้าหมายของเลสเตอร์ ซิตี้คืออะไร องค์กรนั้นไม่ชีวิตนะครับ แต่ต้องขับเคลื่อนด้วยคน ดังนั้นถ้าคนทุกแผนกเดินในจังหวะเดียวกัน ไปในทิศทางเดียวกัน มันจะเกิดแรงผลักดันสูงมาก ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นเมื่อปี 2014-15 ที่ทีมกำลังจะตกชั้น นักเตะทุกคนบอกกับคุณอัยยวัฒน์ว่าเราจะสู้ให้ถึงที่สุด สโมสรจะต้องไม่ตกชั้น ซึ่งพวกเขาชนะ 7 จาก 9 เอาตัวรอด ก่อนจะสร้างปาฏิหาริย์ให้มีจริงในปีต่อมา
ดังนั้นถ้าเราจะทำธุรกิจ ก่อนจะคิดใหญฝันไกล คุณใส่ใจรายละเอียดเล็กๆมากพอแล้วหรือยัง ต้องมองให้ขาดว่าอะไรเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ต้องกลัด
1
ภาพจาก Google
📌 โตจากพื้นฐาน คือความมั่นคง 📌
ถ้าเราทำธุรกิจค้าขาย เราก็ต้องพยายามบริหารทั้ง Value Chain ของสินค้าเราให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ต้นทุน วัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง คุณภาพสินค้า การบริหารช่องทางการขาย โครงสร้างราคา การทำโฆษณา แบรนด์ จนถึงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของเรา
ฟุตบอลในมุมธุรกิจก็เช่นกัน มันเกี่ยวข้องตั้งแต่การเฟ้นหานักเตะแต่ละระดับ
การพัฒนาเยาวชน การบริหารทีมชุดใหญ่ การหาเงินสนับสนุน การสร้างรายได้
การสร้างแบรนด์ การหาพันธมิตร รวมไปถึงความพร้อมของ Infrastructure อย่างสนามซ้อม สนามแข่ง ฯลฯ
1
เวลาเราดูฟุตบอล 90 นาที มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ปรากฏต่อคนนอก ต่อแฟนๆสโมสร มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่เป็นส่วนผลักดันให้เกิดความสำเร็จบนสนามหญ้า เอาจริงๆมันแทบจะเป็นส่วนสำคัญที่สุดด้วยซ้ำ เพราะเมื่อกวาดสายตาไปยังทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เราจะพบว่ามีการบริหารจัดการที่แข็งแรงจากโครงสร้างพื้นฐานทั้งสิ้น
แต่กับเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ไม่มีการพัฒนาส่วนนี้เลย สนามซ้อมของทีมยังเหมือนกับเมื่อ 30 ก่อน การซื้อนักเตะดังๆมาร่วมทีมทำให้นักเตะเยาวชนไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้ เมื่อผลงานค่อยๆทรุดลงหลังจาก 2 ปีแรกที่ทำได้แค่เกือบ คุณเดชพลก็ยิ่งปรับโน่นเปลี่ยนนี่อย่างสะเปะสะปะ
ถึงตรงนี้ความตั้งใจ ความรักที่มีต่อสโมสรอาจไม่พอเสียแล้ว เพราะมันเป็นประเด็นธุรกิจ ซึ่งคุณเดชพลต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ไม่มีสินค้าสนใจสปอนเซอร์ที่หน้าอกเสื้อ คุณเดชพลก็จ่ายเงินเอง แล้วเอาคำว่า CHANSIRI (จันศิริ) ขึ้นหน้าอก หรือมีช่วงปีหนึ่งคุณเดชพลตั้งใจจะผลิตเครื่องดื่มชูกำลังออกขายชื่อ ELEV8 ก็เอาชื่อนี้ขึ้นหน้าอกทั้งๆที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่าย ซึ่งสุดท้ายก็ไม่มีผลิตภัณฑ์ขายในท้องตลาด แล้วพอผลประกอบการขาดทุนสะสมต่อเนื่องเกินกว่าที่ทางลีกกำหนด สโมสรก็โดนตัดไป 12 แต้ม (อุทธรณ์เหลือ 6 แต้ม) ก่อนเปิดฤดูกาลล่าสุด(2020-21) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ทีมตกชั้นลงไปอีกระดับ
1
แต่ถ้าไปดูหลักการของตระกูลศรีวัฒนประภา หลังจากรวมใจพนักงานได้ พวกเขาทำให้ทีมใหญ่ขึ้นช้าๆด้วยการพัฒนาโครงสร้างทีม รักษาผลประกอบการไปพร้อมๆกับทำให้ทีมฟุตบอลแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถเลื่อนชั้นมาอยู่บนลีกสูงสุดได้ แม้คนจะบอกว่าความสำเร็จของเลสเตอร์ที่ได้แชมป์ EPL จะเป็นเทพนิยาย แต่ก็ไม่มีใครดูแคลนพวกเขาได้ว่าเป็นเพราะโชคอย่างเดียว นักเตะชุดนั้นของเลสเตอร์เป็นผู้เล่นที่ดีจริงๆ และเกือบทุกคนที่ถูกขายไปก็ไปโชว์ฟอร์มสร้างแชมป์ให้ทีมอื่นๆด้วย
เลสเตอร์นำวิทยาศาสตร์การกีฬา Data Analysis มาวิเคราะห์ข้อมูลนักฟุตบอลตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงทีมชุดใหญ่เพื่อวางแนวทางการฝึกซ้อม วางกลยุทธ์ในการแข่งขัน หรือการฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ ถ้าใครได้เห็นพิมพ์เขียวของสนามซ้อมเลสเตอร์ที่กำลังจะสร้างใหม่ จะเห็นเลยว่าเป็นสนามซ้อมที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ที่นี่จะเป็นแหล่งผลิตนักเตะเยาวชนและสร้างศักยภาพของทีมชุดใหญ่ในอนาคต เลสเตอร์คงมาถึงจุดนี้ไม่ได้ถ้าไม่ได้เริ่มทำให้พื้นฐานแข็งแรงแน่นหนา ก่อนที่จะก่อร่างสร้างตัวอย่างช้าๆแต่มั่นคง
1
แบบแปลนโครงการสนามซ้อมของเลสเตอร์
📌 การบริหาร คือการกระจายงานให้คนเก่งทำ 📌
นอกจากการซื้อนักเตะ โดยไม่พัฒนาโครงสร้างองค์กร คุณเดชพลยังคุ้นเคยกับการทำธุรกิจแบบไทยๆคือ ลงไปล้วงลูกเองทุกส่วน ทำหน้าที่ทั้งประธานสโมสร และผู้บริหารทีม ขาดที่ปรึกษาที่เก่งเรื่องฟุตบอล ทำให้การเซ็นสัญญากับผู้เล่นล้มเหลวหรือว่าจ้างผู้จัดการทีมที่ไม่เชี่ยวชาญกับการพาทีมขึ้นชั้น ขณะเดียวกันพอมีงานเยอะ ก็เกิดปัญหาระยะห่างระหว่างผู้บริหารทีมกับทีม ในด้านธุรกิจก็ไร้ทิศทาง ไม่มีแผนการระยะยาว ทีมทำงานทุกแผนกขาดประสิทธิภาพ ว่ากันว่า พนักงานบางคนโดนให้ออก โดยถูกแจ้งด้วยการส่งข้อความ
ทางด้านเลสเตอร์ จากที่เคยต่างคนต่างทำ กลับเกิด Engagement ที่แต่ละแผนกพยายามทำงานตัวเองให้ดีที่สุด ทีมเยาวชนและฝ่ายสรรหาหานักเตะสามารถหาผู้เล่นฝีเท้าดีราคาไม่แพงมาเจียระไนส่งขึ้นชุดใหญ่ ทำให้สโมสรประหยัดเงินซื้อนักเตะแพงๆไปได้ หลายคนเล่นดีก็สามารถขายต่อได้กำไรมหาศาล ใครที่ดูบอลอังกฤษจะเห็นเลยว่าเลสเตอร์มีนักเตะดีๆขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ทุกปี ฝ่ายประชาสัมพันธ์สามารถสร้างกระแสให้มีคนติดตามทวีตเตอร์ของสโมสรได้เป็นจำนวนมาก สโมสรสามารถ Collaborate กับแบรนด์ดังๆผลิตสินค้าเวอร์ชั่นเลสเตอร์ได้ ทั้ง นาฬิกา ช็อคโกแลต เหล้า ฯลฯ ไม่แพ้ทีมดังอื่นๆเลย
เมื่อองค์กรมีคนเก่งๆรับผิดชอบในแต่ละด้าน(ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่อยู่มาก่อนนั่นเอง) ทำให้แต่ละส่วนงานของเลสเตอร์แข็งแรง พอคุณวิชัยและคุณอัยยวัฒน์บอก Goals หรือนโยบายขององค์กรไป ทุกคนก็พร้อมจะลงแรงลงความคิดเพื่อให้เกิดผลสำเร็จได้
ภาพจาก Google
สิ่งที่เราได้จากสโมสรฟุตบอลสองแห่งนี้ก็คือ เงินไม่ใช่ปัจจัยความสำเร็จเพียงอย่างเดียวในการทำธุรกิจ แต่ยังมีรายละเอียดของการสร้างเป้าหมาย Model ที่ใช้
การสื่อสาร การบริหารจัดการที่ต้องเกิดทั้ง productivity และ efficiency
การสร้างความเป็นทีม การสร้าง Growth Mindset ให้เกิดขึ้นในหมู่พนักงาน หรือแม้แต่ความผูกพันระหว่างผู้นำขององค์กรกับเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกระดับ ถ้าวันนี้คุณทำธุรกิจหรือเป็นหัวหน้าอยู่ คุณได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้บ้างไหม
แต่ธุรกิจไม่ใช่แค่เกมฟุตบอลหนึ่งเกม ที่จบ 90 นาทีมีผลแพ้ เสมอ ชนะ แล้วว่ากันใหม่ได้ เกมธุรกิจไม่มีสิ้นสุด เลสเตอร์ก้าวมาถึงจุดนี้แต่คุณอัยยวัฒน์ก็ยังต้องสู้เพื่อฝันของคุณวิชัยต่อไป เช่นเดียวกับคุณเดชพลที่ยังต้องสู้ต่อ ในเกมธุรกิจเรายังไม่สามารถตัดสินได้ว่าคุณเดชพลจะแพ้ นอกจากจะเขายอมแพ้ด้วยตัวของเขาเอง
9 บันทึก
10
7
9
10
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย