โมนา ถูกขนาดนนามว่าเป็นแม่มดแห่งมาเลียเซีย และยังมีทั้งเรื่องของไสยศาสตร์และการฆาตรกรรม ในตอนนั้นคดีของโมนาดังมากกกกในมาเลเซีย จนถูกนำมาสร้างเป็นหนัง
แต่ด้วยความที่หนังมันสมจริงเกินไป ตัวหนังจึงโดนแบนนานถึง 11 ปี พึ่งจะได้มาฉายปี 2018 ที่ผ่านมานี้เอง (หนังชื่อ DUKUN)
เอาล่ะ เรื่องราวของโมนาจะเป็นยังไงเราไปติดตามกันครับ
โมนา หรือชื่อเต็มๆคือ โมนา แฟนดีย์ เกิดเมื่อปี คศ.1956 ในสมัยเด็กเธอมีความฝันที่จะเป็นนักร้อง อยากจะเป็นคนมีชื่อเสียง จนโตมาเธอก็ได้เดินทางสายนักร้องได้สำเร็จ ในชีวิตรัก เธอได้แต่งงานกับชายหนุ่มชื่อ แอฟเฟนดิ
แอฟเฟนดิ สัญญากับ โมนา ว่าจะทำให้เธอเป็นคนที่โด่งดังมีชื่อเสียง แต่ยิ่งเวลาผ่านไปบวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นชื่อเสียงของเธอก็เริ่มลดลง ทำให้เธอพยายามกอบกู้ชื่อเสียงโดยการออกอัลบั้มใหม่ชื่อว่า Diana แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ทำให้ทั้งคู่เริ่มทำใจกับเส้นทางสายนักร้องและหันไปเริ่มต้นเส้นทางใหม่ นั่นก็คือทางไสยศาสตร์ .. .
และก็ดูเหมือนการเลือกเส้นทางใหม่ของ โมนา และ แอฟเฟนดิ นั้นไปได้ด้วยดีเกินคาด มีลูกค้าจากทั่วทุกสารทิศมาใช้บริการกับเธอ (ลูกค้าแต่ละคนระดับดังๆรวยๆทั้งนั้น)
โมนา จะทำพิธีทางไสยศาสตร์ และขายเครื่องรางของขลัง ใครคนไหนอยากรวย อยากดัง อยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องมาหาแม่มดคนนี้
จนวันหนึ่งก็มีนักการเมืองคนหนึ่งมาขอใช้บริการจากเธอ
นักการเมืองคนนั้นคือ มัสลาน สส.พรรคอัมโน ที่อยากจะเสริมบารมีตัวเองโดยการพึ่งพาไสยศาสตร์
โมนา ได้เสนอเครื่องรางให้ มัสลาน นั่นก็คือหมวกกับไม้เท้า ที่เคยเป็นของประธานาธิบดีคนหนึ่ง ถ้า มัสลาน ตกลง มัสลาน จะต้องจ่ายค่าครูให้ โมนา ถ้าเทียบเงินไทยก็เป็นเงินประมาณ 19ล้านบาทไทย ใช่ครับ มัสลานตกลง !
มัสลาน จ่ายมัดจำก้อนแรกก่อน 4ล้าน และที่เหลือจะจ่ายให้หลังจากทำพิธีเสร็จ
วันหนึ่งในเดือน กรกฎาคม คศ.1993 มัสลานเดินทางไปตำหนักของแม่มดโมนา เพื่อทำพิธี โมนา แอฟเฟนดิ และลูกน้องอีกคนชื่อ จูไลมิ มีการจัดวางรูปปั้นของขลัง จุดเทียนทำพิธี
โมนาบอกให้มัสลานนอนลง และเธอก็โปรยดอกไม้ใส่มัสลาน บอกให้มัสลานหลับตาลงและคิดว่าดอกไม้นั่นคือเงิน
มัสลานที่กำลังหลับตาอยู่ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังจะตาย จูไลมิหยิบเอาขวานสับลงไปที่ลำคอของมัสลานจนศรีษะหลุดจากร่าง จากนั้นทั้งสามก็ทำการแยกชิ้นส่วนของมัสลานเป็นสิบแปดชิ้น แล้วเอาไปฝั่งดินไว้ที่ข้างตำหนักของเธอเอง
แน่นอนว่าระดับมัสลาน หากหายตัวไปไม่นานต้องมีคนตามหาแน่ๆ ก็เลยมีการประกาศตามหาตัวมัสลานโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะเดียวกันจูไลมิดันมาโดนตำรวจจับข้อหายาเสพติด ตำรวจได้ไปตรวจค้นบ้านของจูไลมิและแน่นอน นอกจากจะเจอยาเสพติดแล้วยังไปเจอกับ เทปวิดีโอ นสพ. รูปภาพ ที่เกี่ยวกับมัสลานเต็มไปหมด
ตำรวจปรักใจเชื่อทันทีว่า จูไลมิ ต้องเกี่ยวข้องกับการที่มัสลานหายตัวไปแน่ๆ และ จูไลมิ ก็ได้สารภาพจนหมดเปลือก ตำรวจจึงไปตาม โมนาและแอฟเฟนดิ มาสอบสวนจนทั้งคู่ยอมสารภาพความจริง
โมนา - แอฟเฟนดิ
จากนั้นตำรวจจึงได้ไปขุดตามจุดฝังศพต่างๆที่ตำหนักของโมนา จนกลายเป็นข่าวสุดสยองดังไปทั่วมาเลเซีย และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ บางส่วนของศพได้หายไปและไม่มีใครหาเจอ มีข่าวลือว่าโมนาได้ทำพิธีไสยศาสตร์บางอย่างกับชิ้นส่วนที่หายไปและกินมันไปแล้ว
ตลอดเวลาที่เธอเจอนักข่าว เธอจะยืนนิ่งๆและยิ้มกว้างให้กับบรรดานักข่าว ราวกับเธอเป็นดาราดัง มีครั้งหนึ่งเธอพูดขึ้นมาว่า "ชั้นมีแฟนคลับด้วยสินะ"
ด้านการตัดสินโทษ โมนา แอฟเฟนดิ และ จูไลมิ ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน คศ.2001
ก่อนจะถูกประหาร โมนา ได้ขออาหารมื้อสุดท้ายเป็น KFC และพูดประโยคทิ้งท้ายว่า "ฉันจะไม่มีวันตาย"
จบแล้วนะครับกับเรื่อง "โมนา แฟนดีย์ แม่มดแห่งมาเลเซีย"
ใครอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง มาแชร์กันในคอมเมนท์นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
