2 มิ.ย. 2021 เวลา 09:14 • ประวัติศาสตร์
• สยามเก่า-สยามหนุ่ม-สยามอนุรักษ์
การต่อสู้ทางแนวคิดระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5
1
ในปี พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ในขณะที่มีพระชนมายุได้เพียง 15 พรรษาเท่านั้น
ด้วยเหตุที่รัชกาลที่ 5 ยังทรงพระเยาว์อยู่ ดังนั้นเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จึงได้เสนอให้เจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปจนกว่าที่รัชกาลที่ 5 จะทรงบรรลุนิติภาวะ
รัชกาลที่ 5 เสด็จขึ้นครองราชย์ในขณะที่ยังทรงพระเยาว์
นอกจากนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังได้มีการสถาปนาให้พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรงตำแหน่งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลหรือตำแหน่งอุปราชแห่งวังหน้า ในขณะที่มีพระชนมายุ 31 พรรษา
1
การที่รัชกาลที่ 5 ทรงตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้สำเร็จราชการ และการขึ้นเป็นอุปราชวังหน้าของกรมพระราชวังบวรฯ (อำนาจของวังหน้าเป็นรองเพียงแค่พระมหากษัตริย์เท่านั้น) ได้ทำให้พระราชอำนาจในฐานะการเป็นพระมหากษัตริย์ของพระองค์เกิดความสั่นคลอน และล่อแหลมต่อเสถียรภาพของราชบัลลังก์เป็นอย่างยิ่ง
เจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแทนรัชกาลที่ 5 และผู้นำกลุ่มสยามอนุรักษ์
ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศสยามยังได้เผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากลัทธิจักรวรรดินิยมของชาติตะวันตก ดังนั้นรัชกาลที่ 5 จึงทรงแสวงหาวิธีการที่จะทำให้อำนาจทางการเมืองทั้งหมดเป็นของพระมหากษัตริย์แต่เพียงผู้เดียวให้ได้
ด้วยเหตุนี้ในช่วงต้นรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 จึงได้เกิดการต่อสู้ทางการเมืองและแนวคิดของกลุ่มการเมืองที่สำคัญ 3 กลุ่มด้วยกัน
โดยกลุ่มแรกก็คือ กลุ่มสยามหนุ่ม (Young Siam) ซึ่งมีรัชกาลที่ 5 และพระราชวงศ์ที่เป็นกลุ่มคนหัวสมัยใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ กลุ่มสยามหนุ่มมีเป้าหมายในการปฏิรูปประเทศสยามให้ทันสมัยตามแนวทางของตะวันตก ยกเลิกประเพณีจารีตที่ล้าหลังไร้อารยะ และปฏิรูปการเมืองการปกครองทั้งระบบ (หรือแบบถอนรากถอนโคน)
กลุ่มต่อมาคือ กลุ่มสยามเก่า (Old Siam) ซึ่งมีกรมพระราชวังบวรฯ และกลุ่มขุนนางในวังหน้าเป็นแกนนำสำคัญ กลุ่มสยามเก่ามีแนวคิดที่ไม่ต้องการให้เกิดการปฏิรูปใด ๆ ในสยาม ยึดมั่นในระบบจารีตเก่าแก่ พวกเขาเชื่อว่าการปฏิรูปจะทำให้อำนาจและอิทธิพลของพวกเขาสั่นคลอนลงได้
ส่วนกลุ่มสุดท้ายก็คือ กลุ่มสยามอนุรักษ์ (Conservative Siam) ซึ่งมีเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) พร้อมด้วยกลุ่มขุนนางตระกูลบุนนาคเป็นแกนนำสำคัญ กลุ่มสยามอนุรักษ์มีแนวคิดในการปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกับกลุ่มสยามหนุ่ม เพียงแต่การปฏิรูปนั้นจะต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และจะต้องรักษาจารีตเก่าแก่ดั้งเดิมไว้
กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ผู้นำกลุ่มสยามเก่า
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มสยามหนุ่มกับกลุ่มสยามเก่าเริ่มปรากฏอย่างเด่นชัดจาก 'เหตุวิกฤตการณ์วังหน้า' ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2417 จนถึงต้นปี พ.ศ. 2418
วิกฤตการณ์วังหน้าเกิดขึ้นมาจากข่าวลือภายในพระบรมมหาราชวังว่า ฝ่ายวังหลวงนำโดยรัชกาลที่ 5 จะส่งกำลังทหารบุกเข้าไปภายในวังหน้าเพื่อจับกุมตัวกรมพระราชวังบวรฯ ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่าย มีการเกณฑ์ระดมไพร่พลเพื่อคุมสถานการณ์ซึ่งกันและกัน
ความตึงเครียดยังทวีมากยิ่งขึ้น เมื่อเกิดเหตุคลังเก็บกระสุนดินดำภายในวังหลวงเกิดเพลิงไหม้ขึ้นมา โดยฝ่ายวังหลวงอ้างว่าเป็นฝีมือของฝ่ายวังหน้า ในขณะที่ฝ่ายหน้าก็อ้างว่าฝ่ายวังหลวงสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อเป็นข้ออ้างในการจับตัวและลงโทษกรมพระราชวังบวรฯ
เพื่อยุติความขัดแย้งดังกล่าว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงเชิญเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ในฐานะคนกลางมาเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่าย
โดยเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ได้ตัดสินให้กรมพระราชวังบวรฯ พ้นจากตำแหน่งและเชิญให้ไปประทับอยู่ที่พระราชวังเดิมในฝั่งธนบุรี แต่ปรากฏว่ากรมพระราชวังบวรฯ กลับไม่ยอมปฏิบัติตาม กรมพระราชวังบวรฯ ทรงลี้ภัยไปอยู่ที่สถานกงสุลอังกฤษ และได้ขอร้องให้อังกฤษเป็นคนจัดการความขัดแย้งดังกล่าวนี้แทน
เมื่ออังกฤษเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งภายในสยาม อังกฤษรวมไปถึงฝรั่งเศสก็ได้ถือโอกาสที่จะเข้าแทรกแซงการเมืองภายในสยาม จนถึงขั้นที่ว่าทั้งสองชาติจะถือโอกาสเข้ายึดครองสยามเสียเลย โดยอังกฤษและฝรั่งเศสได้วางแผนในการแบ่งแยกสยามออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1
- ดินแดนทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ให้อยู่ภายใต้อำนาจของรัชกาลที่ 5 และกลุ่มสยามหนุ่ม
- ดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงเขตแม่น้ำแม่กลอง ให้เป็นเขตของกลุ่มสยามอนุรักษ์
- ดินแดนตั้งแต่แม่น้ำแม่กลองเป็นต้นไป ให้ตกเป็นเขตของกรมพระราชวังบวรฯ และกลุ่มสยามเก่า
แต่ข้อเสนอในการแบ่งแยกสยามออกเป็น 3 ส่วนนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะรัชกาลที่ 5 ได้ทรงส่งพระราชหัตถเลขาไปยัง เซอร์ แอนดรูว์ คลาร์ก (Sir Andrew Clarke) ข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำสิงคโปร์ เพื่อร้องขอให้อังกฤษไม่เข้าแทรกแซงความขัดแย้งภายในของสยาม ซึ่งอังกฤษก็ได้ยอมปฏิบัติตามพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 5 และไม่เข้าแทรกแซงความขัดแย้งดังกล่าว
1
ท้ายที่สุดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มสยามหนุ่มกับกลุ่มสยามเก่าก็ยุติลง เมื่อกรมพระราชวังบวรฯ ยินยอมกลับมาประทับที่วังหน้าตามเดิม ด้วยเหตุผลที่ว่าอังกฤษรวมไปถึงฝ่ายสยามอนุรักษ์ไม่ให้การสนับสนุนพระองค์อีกต่อไป
กรมพระราชวังบวรฯ ถูกลดอำนาจและอิทธิพลลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2428 ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของกรมพระราชวังบวรฯ รัชกาลที่ 5 ก็ไม่ได้ทรงแต่งตั้งให้ใครเป็นกรมพระราชวังบวรฯ คนใหม่อีก พระองค์ทรงยกเลิกตำแหน่งนี้ และเปลี่ยนไปสถาปนาตำแหน่งสยามมงกุฎราชกุมารแทน นับเป็นจุดสิ้นสุดของกลุ่มสยามเก่าอย่างเป็นทางการ
ส่วนกลุ่มสยามอนุรักษ์ก็ถึงจุดสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2426 นับแต่นั้นมา อำนาจทางการเมืองของสยามจึงตกอยู่ภายในพระราชอำนาจของรัชกาลที่ 5 และกลุ่มสยามหนุ่มของพระองค์
*** Reference
1
- เอกสารประกอบการศึกษา การเมืองการปกครองไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
#HistofunDeluxe
โฆษณา