[ #ตำนานวัย17ปี ]
ตอนยูโร 2016 จู๊ด เบลลิงแฮม เพิ่งอายุ 12 ปีเท่านั้น ยังไม่ครบ 13 ดีด้วยซ้ำ
เขาเฝ้าหน้าจอส่งกำลังใจให้ทีมชาติอังกฤษ ในขณะเดียวกันก็ดูเกมคู่อื่นอย่างใจจดจ่อ พยายามเรียนรู้ศึกษาอย่างเต็มที่ เพื่อนำมาปรับใช้กับตัวเอง
แม้จะมีความฝันอันยิ่งใหญ่อยากรับใช้ทีมชาติอังกฤษ แต่คงไม่อาจเอื้อมถึงขนาดเตลิดไปไกลว่ายูโรครั้งต่อไป 2020 จะต้องมีชื่อติดทัพสิงโตคำราม
แม้ตอนนั้นฝีเท้าจะพัฒนาเล่นให้ทีมชาติชุดยู-15 มาแล้วก็ตาม เป้าหมายขอแค่โปรโมตสู่ทีมชุดใหญ่ของเบอร์มิ่งแฮมให้เร็วที่สุดเท่านั้น
อีกทั้ง เบลลิงแฮม ไม่ได้สังกัดทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก จึงไม่ค่อยถูกโฟกัสหรือพูดถึงมากนัก พวกสื่อเองก็มองข้ามไป หากจะมีกลุ่มคนที่รู้ถึงความสามารถที่เติบโตอย่างพรวดพราดคงเป็นพวกวงในสโมสรเท่านั้น
เบลลิงแฮม ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษไล่มาทุกชุดและตอนเข้าไปอยู่ชุดยู-21 เขาเพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบ 17 ปีได้แค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง
แน่นอนด้วยวัยเพียงน้อยนิด แต่แบกอายุอย่างยิ่งใหญ่ จึงได้รับความสนใจมากขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ดีก่อนจะขึ้นลิฟต์สู่ชุดยู-21 เขาเพิ่งสร้างความเกรียวกราวย้ายไปโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ค่าตัวถึง 25 ล้านปอนด์ แพงสุดเป็นสถิตินักเตะ 17 ปี
หลายคนสงสัยว่าทำไมดอร์ทมุนด์ถึงบ้าเลือดจ่ายขนาดนี้ ประสบการณ์ในลีกสูงสุดก็ไม่เคยเลยสักครั้ง เล่นในทีมชุดใหญ่เบอร์มิ่งแฮมแค่ 44 เกมเท่านั้น
ยังไม่หมดทางสโมสรเบอร์มิ่งแฮมยังรีไทร์เบอร์ 22 ซึ่งเป็นเสื้อของ เบลลิงแฮม ไว้อีกด้วย ท่ามกลางความแปลกใจและเสียงวิจารณ์ของแฟนบอลในลักษณะไม่พอใจมากมาย
ทำไมต้องให้ความสำคัญกับเด็กอายุ 17 ปีขนาดนี้ เล่นแค่ 44 นัดก็เทิดทูนขึ้นหิ้งให้เป็นตำนานกันเลย มันไม่มากไปหน่อยหรือ เป็นไอเดียที่ไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย
ทางผู้บริหารของเดอะบลูส์ให้เหตุผลว่า เบลลิงแฮม จะเป็นทั้งตัวอย่างและแรงบันดาลใจขับเคลื่อนให้เด็กรุ่นหลังมีพลังเพื่อต่อสู้กับอุปสรรค อยากจะเดินตามรอยความสำเร็จบ้าง
ไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่านี่คือเด็กมหัศจรรย์ มันเป็นปรากฏการณ์และสโมสรไม่เคยมีนักเตะอย่างนี้มานานมากแล้ว
อีกทั้งเงินค่าตัว 25 ล้านปอนด์ที่ดอร์ทมุนด์จ่ายมาให้ เหมือนพระมาโปรดดีๆนี่เอง ช่วยพยุงสโมสรรอดจากวิกฤตทางการเงิน ไม่ต้องเสี่ยงต่อการล้มละลาย หลังขาดทุนยับจากไวรัสที่ระบาด
สิ่งที่ทางเบอร์มิ่งแฮมอธิบาย มันทำให้เห็นภาพชัดมากขึ้น แต่หลายคนก็ยังไม่เชื่อว่าการรีไทร์เบอร์เสื้อสมเหตุสมผลอยู่ดี
เบลลิงแฮม เองก็รับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาต่อต้านจากแฟนๆ มันทำให้กังวลและไม่สบายใจเท่าไรนัก แต่เขาไม่ได้เป็นคนเรียกร้องเลย ทุกอย่างสโมสรเป็นคนจัดการเอง ปฏิเสธก็ไม่ได้อีก
สิ่งเดียวที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เปลี่ยนความคิดเห็นจากบางคน นั่นคือต้องพิสูจน์ด้วยผลงานในสนามเท่านั้น
เอาเข้าจริงตอนที่ เบลลิงแฮม ตัดสินใจเลือกดอร์ทมุนด์นับว่าเซอร์ไพรส์อย่างมาก ทำไมต้องเลือกไปเล่นต่างแดน ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่คุ้นเคย อายุก็น้อยอีกจะแบกรับอุปสรรคต่างๆไหวแค่ไหน เหมือนต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
ในขณะเดียวกันแมนฯยูไนเต็ดก็ยื่นข้อเสนอมาให้แล้ว ค่าตัวตอนแรก 20 ล้านปอนด์นับว่าสูงมาก หนุ่มน้อยสามารถเลือกได้เลย โดยไม่ต้องวิตกว่าจะถูกจับไปเล่นในทีมสำรองก่อนด้วย ได้การันตีอยู่ในทีมชุดใหญ่
แต่เพราะนโยบายของดอร์ทมุนด์ ซึ่งสะท้อนชัดในเรื่องการปลุกปั้นและให้โอกาสแข้งดาวรุ่ง หลายคนประสบความสำเร็จเติบใหญ่บนเส้นทางอย่างดีเยี่ยม
ที่นั่นยังมี เจดอน ซานโช่ รุ่นพี่ซึ่งเป็นชาวอังกฤษโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กองหน้าตีนระบิดที่อยู่ในวัยทีนเอจ รวมทั้ง จิโอ เรย์น่า ซึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน
มันน่าตื่นเต้นมากๆหากได้ร่วมงานกับกลุ่มดาวรุ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมเวิร์คดีสุดในโลก
ซีซั่นแรกผ่านไป เบลลิงแฮม ลงสนามไปถึง 46 เกมทุกรายการซัดไป 4 ประตู เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญนำดอร์ทมุนด์ฟาดแชมป์เดเอเบ โพคาล รวมถึงจบอันดับ 3 อย่างน่าทึ่ง ทั้งที่ส่อแววจะหลุดท็อปโฟร์ไม่ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยซ้ำ
แต่ชัยชนะ 8 นัดรวดทุกรายการในโค้งสุดท้าย ช่วยให้เสือเหลืองได้คำรามสมราคา พิสูจน์ให้เห็นด้วยพลังของผู้เล่นวัยหนุ่มว่าเป็นกุญแจสำคัญแค่ไหน
ขณะเดียวกัน เบลลิงแฮม ยังมีโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบควอเตอร์ไฟนั่ลเลกสองที่เจอแมนฯซิตี้ด้วย
เพราะซัลโวประตูอย่างสวยงามพาดอร์ทมุนด์ออกนำก่อน จุดประกายความหวังผ่านเข้ารอบตัดเชือก แม้สุดท้ายจะแผ่วปลายพ่ายแพ้ก็ตาม
ข่าวดีคือพอซีซั่นปิดฉาก เบลลิงแฮม มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ชุดเตรียมพร้อมยูโร 2020 โดยประกาศมาก่อน 33 คน แล้วเมื่อหั่นจนครบเหลือ 26 คน ชื่อก็ยังอยู่เช่นเดิม
บางทีแฟนบอลเบอร์มิ่้งแฮมที่เคยมองมาอย่างไม่เชื่อมั่นและคิดว่า เบลลิงแฮม ได้รับการยกย่องเกินจริง อาจเสียใจที่คิดอย่างนั้น
เรื่องราวของ เบลลิงแฮม จะถูกกองเชียร์เบอร์มิ่งแฮมเล่าขานไปอีกนานเลยทีเดียว
ครูลูกหนังคนแรกของ จู๊ด เบลลิงแฮม คือ มาร์ก ผู้เป็นพ่อและเป็นดาวถล่มประตูในระดับสมัครเล่น
แม้จะเล่นในเลเวลล่างลงมามาก แต่การยิงได้มากกว่า 700 ประตูตลอดที่ไล่หวดลูกหนัง มันทำให้ เบลลิงแฮม มีพ่อเป็นไอดอลคนแรกอีกต่างหาก
เขาไม่ได้เป็นกองหน้าเหมือนพ่อ แต่ได้เรียนรู้หลายอย่างสำหรับการเติบโตมาเพื่อเป็นแข้งอาชีพคุณภาพ
เบลลิงแฮม ไม่ต้องปากกัดตีบถีบเหมือนเด็กอีกหลายคน ครอบครัวมีฐานะพอสนับสนุนได้อย่างเต็มที่ เขามาอยู่เยอรมันโดยมีแม่ตามมาดูแลด้วย พักอยู่ในอพาร์ทเมนต์หรูแถบเวสต์ฟาเลีย ซึ่งทางสโมสรจัดให้อย่างดี
แม่จะคอยช่วยเหลือทุกอย่าง ดูแลตั้งแต่หัวจดเท้า นั่นทำให้เขามีสมาธิกับการฝึกซ้อมและลงเล่นโดยไม่ต้องกังวลอะไรเลย
เขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เรียนภาษาเยอรมันสัปดาห์ละ 3 ครั้งด้วยความตั้งใจ จนกระทั่งสื่อสารได้ดีขึ้นแทบไม่ติดขัดอีกเลย
อีกทั้งยังชอบอาหารเยอรมันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอกหรือชนิทเซล ซึ่งเป็นเนื้อบดชุบเกล็ดขนมปังแล้วนำมาทอดจนกรอบอร่อย
ขณะเดียวกัน เบลลิงแฮม ในวัยเพียงแค่ 17 ปีและกำลังจะครบ 18 ในปลายเดือนนี้ รับค่าจ้างสัปดาห์ละ 50,000 ปอนด์ ชีวิตจึงราบรื่นมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องกังวลอะไรเลยทั้งสิ้น
ตอนนี้เพียงแค่มุ่งมั่นพัฒนาฝีเท้าไปเรื่อยๆ หากอายุ 17 เป็นกองกลางที่เก่งขนาดนี้ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะต้องสู่ความเป็นเวิล์ดคลาสตามเป้าหมาย
เกมอุ่นเครื่องล่าสุดกับออสเตรีย เบลลิงแฮม ได้รับโอกาสเป็นตัวจริง แม้ช่วงต้นจะดุไม่ค่อยมั่นคง แต่หลังจากนั้นก็คุมไว้ได้หมด โดดเด่นไม่แพ้พวกรุ่นพี่
มันเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเป็นตำนาน แต่หลายคนน่าจะปักใจเชื่อไปแล้ว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Facebook : www.facebook.com/cheerball
Twitter : www.twitter.com/cheerballth
Website : www.cheerball.com
Youtube : www.youtube.com/cheerballth
ขอบคุณครับ
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
