4 มิ.ย. 2021 เวลา 17:56 • ไลฟ์สไตล์
สรุปจาก 📝WhyItMatters EP.13 ทำไม “น้ำหอม” ถึงสำคัญ 👃🏻
======================
สรุปสั้น
======================
1. น้ำหอมเป็นการผสมระหว่างน้ำมันหอมระเหยกับตัวทำละลาย ใช้ฉีดเพื่อความสุนทรี ซึ่งปัจจุบันน้ำหอมไม่ได้มีแค่แบบที่เป็นขวด เอาไว้ฉีดอย่างเดียว แต่ยังมีแบบที่เป็น diffuser หรือแบบก้านไม้หอม และแบบที่เป็นเครื่องพ่นไอน้ำด้วย
2. น้ำหอมศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่มีผิด ไม่มีถูก ความสำคัญของน้ำหอมจึงขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนใช้น้ำหอมเพื่อความผ่อนคลาย หรือบางคนใช้เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง แต่ก็ต้องดูกาลเทศะด้วย
3. น้ำหอมมีทั้งแบบสังเคราะห์ และแบบที่ทำจากธรรมชาติ บางคนคิดว่าน้ำหอมที่ทำจากธรรมชาติยิ่งดี ไม่แพ้ แต่จริงๆ แล้วน้ำหอมที่สังเคราะห์มา ก็เพื่อสกัดเอาสารที่คิดว่าคนจะแพ้ออกไป
4. ถ้าอยากเริ่มใช้หรือซื้อน้ำหอมสักกลิ่น ก็ต้องเริ่มจากการดมมากๆ ไม่ต้องกลัว BA (Beauty Advisor) ไปที่ห้างฯ แล้วขอดม ขอลองไปเลย ถ้าดมตัวไหนแล้วชอบ ถึงคนอื่นจะบอกว่าไม่ดี ไม่หอม แต่เราชอบ ฉีดแล้วมั่นใจ คือจบ หรืออาจดูรีวิวเป็นไกด์ แต่ที่สำคัญคือ ดูเสร็จห้ามซื้อเลย ให้จดโน้ตไว้ก่อนแล้วไปดมจริงๆ ว่าชอบไหม ถ้าทุกคนบอกว่าดี แต่ไปดมแล้วไม่ชอบ ก็ไม่ต้องซื้อ
5. เทคนิคการฉีดน้ำหอมคือ ถ้ากลิ่นแรงจะฉีดที่คอข้างซ้ายหรือข้างขวา เพื่อให้เราได้กลิ่นเอง ไม่รบกวนคนอื่นจนเกินไป แต่ถ้าตัวที่ติดไม่ทนจะฉีดที่เสื้อด้วย เสื้อผ้าจะมีเส้นใย ดังนั้นการฉีดน้ำหอมที่เสื้อผ้า จะทำให้น้ำหอมติดทนนาน แต่กลิ่นอาจจะไม่ได้กระจายเท่าฉีดที่ผิวคน เช่น บริเวณข้อมือ คอ หรือหลังใบหู
======================
Speaker: [@scentofbyrd]
คุณเบิร์ด นักรีวิวน้ำหอม เจ้าของเพจและรายการ Scent of Byrd
======================
Moderator: [@panit]
พี P Panit (วันนี้สรุป..มา)
======================
1. น้ำหอมคืออะไร
- น้ำหอมในสมัยก่อนไม่ได้ใช้แค่พรมตัวให้หอม กำยานก็ถือว่าเป็นเครื่องหอมที่ใช้เป็นสื่อกลางบูชาเทพเจ้า น้ำหอมสมัยก่อนไม่ได้เป็นน้ำให้ฉีด แต่มีลักษณะเป็นครีมทาตัว มีต้นกำเนิดมาจากแถบเมดิเตอร์เรเนียน เพราะอากาศร้อน คนในสมัยนั้นจึงต้องหาอะไรทาเพื่อช่วยให้ชุ่มชื้น พอทาไปสักพัก จึงหาอะไรหอมๆ มาใส่ เช่น ยางไม้มาผสม ทำให้เกิดกลิ่นหอม
- แต่ถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว น้ำหอมเป็นการผสมระหว่างน้ำมันหอมระเหยกับตัวทำละลาย ใช้ฉีดเพื่อความสุนทรี ซึ่งปัจจุบันน้ำหอมไม่ได้มีแค่แบบที่เป็นขวด เอาไว้ฉีดอย่างเดียว แต่ยังมีแบบที่เป็น diffuser หรือแบบก้านไม้หอม และแบบที่เป็นเครื่องพ่นไอน้ำด้วย ซึ่งพวกนี้ก็ถือว่าเป็นน้ำหอมหมด
2. ทำไมน้ำหอมจึงสำคัญ
- เรื่องนี้คงแล้วแต่คนมอง แต่สำหรับผมมองว่ามันคือศิลปะอย่างหนึ่ง เหมือนภาพวาด เหมือนดนตรี ไม่มีผิด ไม่มีถูก ความสำคัญของน้ำหอมจึงขึ้นอยู่กับแต่ละคน ซึ่งบางคนใช้น้ำหอมเพื่อความผ่อนคลาย เช่น อโรม่า หรือผู้ชายบางคนไม่มั่นใจในตัวเอง แต่จะไปเดท จึงต้องฉีดน้ำหอมเพื่อความมั่นใจ
- ผมมองว่า น้ำหอมเป็นเหมือนเสื้อผ้าที่เรามองไม่เห็น ปกติเราใส่เสื้อ กางเกง เราจะดูกาลเทศะ หรือขึ้นอยู่กับอารมณ์ของวันนั้นๆ เช่น วันไหนที่ต้องตื่นไปทำงานแล้วยังง่วงอยู่ ก็จะฉีดน้ำหอมกลิ่นที่รู้สึกเฟรช สดชื่น ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า หรือวันไหนแต่งตัวคุมโทน เสื้อผ้าสีดำหมด อยากจะให้ดูลึกลับ เซ็กซี่ก็ต้องเลือกน้ำหอมโทนที่เข้ากัน เราจึงมองว่า น้ำหอมเป็นเหมือนเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายที่เรามองไม่เห็น
- อย่างไรก็ตามกาลเทศะก็สำคัญ เช่น วันที่อากาศร้อนมากๆ แล้วเราต้องขึ้นรถเบียดๆ ก็ไม่ควรฉีดกลิ่นที่หวานเจี๊ยบ เพราะคนที่อยู่ข้างๆ อาจจะรู้สึกไม่ดี หรืออาจไม่เหมาะกับกาลเทศะ
3. ทุกคนจำเป็นต้องฉีดน้ำหอมไหม
- อย่างที่บอกว่าน้ำหอมมันเป็นศิลปะ ไม่มีถูก ไม่มีผิด ถ้าฉีดแล้วมีความสุขก็ฉีดไป แต่ถ้าฉีดแล้วฉุน เหม็น ก็ไม่ต้องใช้
- ความจริงแล้วเรื่องน้ำหอมมันอยู่รอบตัวเรา เช่น กินข้าวมันไก่ มีผักชีโรยอยู่บนข้าว กลิ่นผักชีมันก็คืออโรม่าอย่างหนึ่ง กลิ่นจะเริ่มจากธรรมชาติรอบๆ ตัวเรานั่นแหละ
4. น้ำหอมฉีดตัว มีกี่ประเภท
- ปกติทั่วไปคนจะเรียกน้ำหอมว่า perfume ไม่ได้เรียกว่า fragrance จากที่ผมเข้าใจ perfume มาจากคำว่า eau de parfum คือความเข้มข้นของน้ำหอมที่แพร่หลายมากในยุคสมัยก่อน เป็นความเข้มข้นน้ำหอมที่ผู้หญิงใช้ ซึ่งความเข้มข้นจะอยู่ที่ 15-20% แต่จริงๆ แล้ว ความเข้มข้นไม่ได้มีแค่ eau de parfum เพียงอย่างเดียว อย่างของผู้ชายจะมีความเข้มข้นแบบ eau de toilette ซึ่งความเข้มข้นจะอยู่ที่ 5-15% ดังนั้นจะเรียกน้ำหอมว่าอะไร ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของหัวน้ำหอม ยิ่งหัวน้ำหอมเข้มข้น ส่วนมากก็จะติดทนมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหอมแต่ละตัวด้วย บางตัวเข้มข้นน้อย แต่ก็ติดทน
- ส่วนประกอบของน้ำหอมมีทั้งแบบสังเคราะห์ และแบบที่ทำจากธรรมชาติ ซึ่งน้ำหอมส่วนใหญ่ถึงเกือบ 90% ในตลาดที่ขายกันอยู่ เป็นแบบกลิ่นสังเคราะห์ บางคนจะคิดว่ายิ่งเป็นน้ำหอมที่ทำจากธรรมชาติจะยิ่งดี ไม่แพ้ แต่จริงๆ แล้วเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะน้ำหอมที่สังเคราะห์มา ก็เพื่อสกัดเอาสารที่คิดว่าคนจะแพ้ออกไปนั่นเอง เช่น น้ำหอมกลิ่นดอกไม้ ก็อาจจะมีคนที่แพ้เกสรดอกไม้ จึงต้องสังเคราะห์กลิ่นออกมา
5. ปกติแล้วน้ำหอมราคาเท่าไหร่
- น้ำหอมมีหลายเกรด มีหลายราคาตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักหมื่น ดังนั้นควรเลือกตามที่ชอบ น้ำหอมคือศิลปะ น้ำหอมถูกหรือแพงมันมีหลายปัจจัย เช่น แบรนด์และวัตถุดิบที่ใช้
6. แต่ละแบรนด์จะออกน้ำหอมบ่อยแค่ไหน
- แล้วแต่แบรนด์ บางแบรนด์ก็นานๆ ออกที สักประมาณ 7-10 ปี แต่หลังๆ ก็มีออกทุกซีซั่น เช่น Tom Ford แรกๆ ก็ออกมาน้อย แต่ช่วงหลังๆ ก็จะออกทุกปี ซึ่งถ้าเป็นน้ำหอมของ Tom Ford ก็ต้องฉีดกับสูท กลิ่นจะเนี๊ยบๆ หน่อย
7. จุดเริ่มต้นของการเป็นนักรีวิวน้ำหอมคืออะไร
- ผมมีโอกาสไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ ที่นั่นน้ำหอมผู้ชายราคาถูก และมีให้เลือกเยอะมาก บวกกับผู้ชายฝรั่งฉีดน้ำหอมตลอด พอลองซื้อมาฉีดดูก็พบว่ามันมีศิลปะแอบซ่อนอยู่ น้ำหอมเหล่านั้นมาช่วยเติมเต็มความสุข ช่วยให้ชีวิตมีสีสันได้
- Passion ของการทำช่อง Scent of Byrd รีวิวน้ำหอม เกิดจากการที่ได้สัมผัสและเรียนรู้มาว่าผู้ชายจะใช้น้ำหอมแค่ไม่กี่กลิ่น หรืออายที่ต้องไปดมที่เคาน์เตอร์น้ำหอม หรือบางคนใช้น้ำหอมแล้วไม่เต็มความสามารถของมัน ผมจึงออยากจะเผยแพร่ความรู้ แชร์ความรู้ตรงนี้ให้คนอื่นมากยิ่งขึ้น
- การรีวิวกลิ่นน้ำหอมของผม จะเป็นการทำให้คนเห็นภาพง่ายๆ เช่น ถ้าผมบอกว่าน้ำหอมกลิ่น Dior Sauvage มันมี grape fruit และมี ambroxan เยอะมากเลย ใครฟังก็งง แต่ถ้าผมบอกว่า กลิ่นเหมือนแป้งเย็น มีกลิ่นส้มๆ นิดหนึ่ง คนก็เข้าใจ ใช้การเปรียบเทียบกับกลิ่นที่คนเคยได้กลิ่นในชีวิตประจำวัน ให้คนเข้าใจได้ง่าย
8. ถ้าอยากเริ่มใช้น้ำหอม มีคำแนะนำอะไรบ้าง
- ถ้าเป็นคนทั่วไปที่ไม่ได้บ้าน้ำหอม ก็ต้องดมมากๆ ต้องใช้เวลาในการดมกลิ่นและศึกษาเยอะๆ ไม่ต้องกลัว BA (Beauty Advisor) ไปที่ห้างฯ แล้วขอดม ขอลองไปเลย ถ้าดมตัวไหนแล้วชอบ ถึงคนอื่นบอกไม่ดี ไม่หอม แต่เราชอบ ฉีดแล้วมั่นใจ คือจบ แต่ถ้าเราอยากจะรู้ด้านน้ำหอมลึกขึ้น อาจจะดูรีวิวบนยูทูป ซึ่งจะช่วยให้รู้ว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง มีแนวกลิ่นอะไรบ้าง เช่น แนวดอกไม้ (floral) แนวทะเล (aquatic) แนวเฟรช (fresh) ดูพวกนั้นเป็นไกด์ แต่ที่สำคัญคือดูเสร็จห้ามซื้อเลย ให้จดโน้ตไว้ก่อนแล้วไปดมจริงๆ ว่าชอบไหม ถ้าทุกคนบอกว่าดี แต่ไปดมแล้วไม่ชอบ ก็ไม่ต้องซื้อ
9. เราควรมีน้ำหอมเยอะๆ ดีไหม
- จะมีกี่ขวด เยอะแค่ไหน ก็แล้วแต่ความชอบของเรา ถ้าอยากให้คนจำกลิ่นคุณได้กลิ่นเดียว ฉีดไปไหนก็รู้ว่าคุณมาแล้ว ก็มีขวดเดียวก็ได้ ไม่ผิด แต่ถ้าชอบน้ำหอมที่เหมาะกับโอกาส เทศกาล กาลเทศะ จะมีหลายขวดก็ได้ เช่น ไปเดท อยากได้กลิ่นเซ็กซี่ เวลาไปประชุม เจอลูกค้า อยากได้กลิ่นที่ดูหรูหรา ทางการ ก็มีหลายกลิ่นได้ ช่วยเรื่องความมั่นใจของเรา ดังนั้นจึงแล้วแต่แต่ละคนเลย
10. วิธีการเก็บรักษาน้ำหอม ควรเก็บอย่างไร
- หลายคนจะคิดว่าต้องเอาไปแช่ตู้เย็น ซึ่งไม่ควร จริงๆ แล้ว ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติพอ แต่ต้องระวังเรื่องแสง ปิดฝาให้ดี
11. มีเทคนิคการฉีดน้ำหอมอย่างไร
- แล้วแต่น้ำหอม เราต้องเรียนรู้ก่อนว่ากลิ่นแรงขนาดไหน ถ้ากลิ่นแรงจะฉีดที่คอข้างซ้ายหรือข้างขวา เพื่อให้เราได้กลิ่นเอง ไม่รบกวนคนอื่นจนเกินไป แต่ถ้าตัวที่ติดไม่ทนจะฉีดที่เสื้อด้วย แต่ต้องระวังสีเสื้อที่ใส่ เพราะบางทีน้ำหอมจะทำให้เสื้อเป็นสี เป็นรอย เป็นคราบ อย่างไรก็ตามเสื้อจะไม่มีความร้อนเหมือนผิวคน เสื้อผ้าจะมีเส้นใย ดังนั้นการฉีดน้ำหอมที่เสื้อผ้า จะทำให้น้ำหอมติดทนนาน แต่กลิ่นอาจจะไม่ได้กระจายเท่าฉีดที่ผิวคน เช่น บริเวณข้อมือ คอ หรือหลังใบหู
12. การฉีดน้ำหอม ฉีดเพื่อตัวเราหรือเพื่อคนอื่น
- ส่วนตัวแล้วไม่ได้ฉีดเพื่อตัวเองหรือเพื่อคนอื่น ทางใดทางหนึ่ง 100% แต่จะดูตามสถานการณ์ ถ้าต้องขึ้นรถไฟฟ้า ทำงานเบียดๆ ก็ไม่ควรฉีดอะไรที่หนักเกินไป ต้องดูกาลเทศะด้วย
13. มีน้ำหอมสำหรับผู้หญิงแนะนำไหม
- Chanel Chance คิดว่าผู้หญิงต้องชอบ หรือถ้าเริ่มต้นก็ Versace Bright Crystal มันหอม ถ้าไม่คิดมากเรื่องซ้ำหรือไม่ซ้ำนะ แต่ถ้าอยาก unique หน่อย ก็เป็น Maison Christian Dior กลิ่น Rose Kabuki
14. ฝากส่งท้าย
- คนที่เพิ่งเริ่มใช้น้ำหอม อยากให้มองเป็นเรื่องสนุกสนาน แม้ว่าน้ำหอมอาจจะไม่ใช่ของจำเป็นเสมอไป แต่มันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีสีสัน มีความสุข ชอบกลิ่นไหนก็ซื้อใช้เลย แต่ต้องดูกาลเทศะด้วย ใช้กลิ่นไหนแล้วผ่อนคลายก็ใช้ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
======================
สรุปโดย Muk Tunchanok [@muktunchanok]
Date: 4 May 2021 (21:00-22.30)
Club: วันนี้สรุป..มา
#Clubhouse #ClubhouseTH #ClubhouseThailand #WhyItMatters #ทำไมถึงสำคัญ #fragrance #perfume #ScentofByrd #todayinotetoevent #todayinoteto #วันนี้สรุปมา
โฆษณา