. ☆ .. สิ่งศักดิ์สิทธิ์.. ☆
📌 บทความ รุ่งศิลา ๗๑.
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์.. กล่าวถึงความเชื่อเรื่องพระเจ้าในข้อความตอนหนึ่งว่า..
❝ คำว่า 'พระเจ้า' สำหรับผมแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า ผลพวงตัวแทนใน.. ความอ่อนแอของมนุษย์ ❞
ไอน์สไตน์เขียนจดหมายลงวันที่ 3 มกราคม 1954 ราว 1 ปีก่อนเสียชีวิต หลังจากกุตคินท์ ส่งหนังสือของเขาชื่อ “เลือกชีวิต:เสียงเรียกของไบเบิลสู่การปฏิวัติ” “Choose Life: The Biblical Call To Revolt” ไปให้ และถือเป็นหลักฐานสะท้อนมุมมองต่อพระเจ้าและศาสนาของเขาอย่างชัดเจนที่สุด เนื้อหาในจดหมายที่นำออกประมูลเมื่อวันอังคารตามเวลาสหรัฐ ( 4 ธ.ค.) ไอน์สไตน์เขียนเป็นภาษาเยอรมัน ว่า“สำหรับผมแล้ว คำว่าพระเจ้า ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการแสดงออกและผลผลิตความอ่อนแอของมนุษย์” และ “คัมภีร์ไบเบิล เป็นรวมเล่มของความเคารพนับถือ แต่ยังคงเป็นตำนานปรับปรามากกว่า”.
📌Einstein, Albert (1879-1955). Autograph letter signed..
Albert Einstein: The God Letter – 4 December at Christie's New York.
ด้วยศรัทธาแรงกล้าต่อพระเจ้าฝ่าวิกฤตโรคระบาดโควิด คนอินเดียพากันทุบทำลายละทิ้งความเชื่อถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รูปเคารพเทพเจ้าที่กราบไหว้บูชามานับพันปี เมื่อได้พิสูจน์ประจักษ์ชัดกับตนว่า.. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือความงมงายไร้สาระ ที่มิอาจช่วยเหลือชาตาชีวิตมนุษย์จากมหันตภัยความตายของผู้ศรัทธานับแสนนับล้าน
สะท้อนได้ชัดเจนในโลกยุควิทยาศาสตร์ก้าวทะยาน ด้วยตรรกะของเหตุและผล อันสามารถพิสูจน์ได้
ภาพรูปปั้นบูชาเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ที่คนอินเดียพากันทุบทำลาย และทิ้งแม่น้ำ
พระเจ้า เทวดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธ์ จึงเป็นเพียงสิ่งสมมติประโลมโลก สำหรับคนอ่อนแอที่ยินดีจะสวมสิ่งอุปโลกน์นี้ไว้เป็นเกราะกำบังจิตใจ .. และเป็นเครื่องมือของคนที่ฉลาดกว่าจำนวนน้อยนิด ใช้ครอบงำ เพื่อครอบครอง แล้วปกครอง
┏━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━┓
***⚠️ ความงมงาย คือโซ่ตรวนที่ใช้ล่ามจิตวิญญาณของมนุษย์ ซึ่งติดตรึงแน่นลึกยิ่งกว่าความเป็นทาสทางกายภาพ ที่อธิบายถึงการตกอยู่ใต้อำนาจครอบงำของคนอื่น
┗━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━┛
ความเป็นทาส จึงเป็นสภาพขึ้นต่อเจตจำนงตามอำเภอใจ หรือดุลยพินิจของคนอื่น ต้องพึ่งพาอาศัยความประสงค์ดีหรือเมตาปรานีของคนอื่นเท่านั้น มิใยว่าจะมีฐานะสูงส่งเพียงใดก็ตามตราบที่ยังตกอยู่ในภาวะขึ้นต่อคนอื่น พึ่งพาผู้อื่น ก็ยังถือว่าเป็น 'ทาส'
ลัทธิพราหมณ์.. เป็นหลักฐานความเชื่อ ชุดความคิดซึ่งตกทอดมาถึงยุคปัจจุบัน ที่ยืนยันถึงกระบวนการแบ่งแยกมนุษย์ออกเป็นชั้นชน กำหนดกลุ่มพวกให้สังกัดเพื่อรับใช้รัฐ ซึ่งก็คือชนชั้นผู้ปกครอง เป็นกุศโลบายอันแยบยลในการสร้างกลไกปกครองมนุษย์ในยุคที่ กระบวนวิธีทางวิทยาศาสตร์ยังไม่เป็นที่รู้จัก และความรู้การศึกษาจำกัดหวงห้ามไว้ให้แต่เพียงชนชั้นนำ
โลก การสื่อสารไร้พรมแดน หรือ Cyber Space .. ทำให้ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ที่เป็น.. ประชาธิปไตยไร้ขอบจำกัด
ในโลกความเป็นจริงปัจจุบัน ปัจเจกชนเข้าใจถึงสิทธิความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม การศึกษาและมวลความรู้ สร้างความมั่นใจส่งผลกระตุ้นให้มนุษย์หวงแหนปกป้องในสิทธิของตน อันนำไปสู่.. "จิตวิญญาณแห่งเสรีภาพ"
การเข้าถึงเทคโนโลยี่อันทันสมัยในยุคปัจจุบัน เป็นพลวัตของสังคมมนุษย์ ซึ่งพัฒนาไปไกลเกินกว่าที่.. คนกลุ่มหนึ่งจะจัดการกำหนดความเป็นไปของสังคมได้ตามใจชอบตามที่ตนต้องการ เพราะผู้มีความรู้ความคิด มิได้รวมศูนย์จำกัดอยู่ที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไป
โลกาภิวัตน์ (Globalization) เป็นบริบทที่ทำให้การเผยแพร่แนวความคิด ความรู้ ความจริงต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยที่การเซนเซอร์ควบคุมของรัฐนั้น ไม่สามารถป้องปรามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภูมิปัญญา (Wisdom) เป็น ศักยภาพ พลานุภาพของความรู้
ความฉลาด (intelligence) เป็น ศักดิ์ศรีความเป็นไท
หมดยุคที่ คนอย่าง กาลิเลโอ จะต้องยอมจำนนว่าโลกแบนและถูกขังบนหอคอยสูง,.. ปรัชญาเมธี เช่น โสคราตีส ต้องถูกบังคับให้กลืนยาพิษ,.. นักวิทยาศาสตร์เอกหลายแขนง และศิลปิน ลีโอนาโด ดาวินซี ต้องหลบลี้หนีทัณฑ์อาญาหัวซุกหัวซุน
ความขลาดกลัวจึงทำให้มนุษย์งมงาย
มนุษย์ จำนวนมากมายในอดีตจวบจนวันนี้ถูกด้อยค่า ด้วยเจตนาทำให้ขาดองค์ความรู้อย่างถูกต้อง ในกฏเกณฑ์ของธรรมชาติที่ปรากฎอยู่ในโลกและวิถึชีวิตโดยแฝงอยู่ในเหตุการณ์ทั้งปวง ถูกทำให้หลงผิดคิดว่าเป็นไปโดย.. "เทวานุภาพ" จึงต้องพากันเซ่นสรวงปวงพี เอาอกเอาใจ อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มองไม่เห็น เพื่อคาดหวังผลในความปลอดภัยของตัวเอง
┏━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━┓
***⚠️ ปรัชญาความเชื่อที่ว่า เสรีภาพคือแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ และเสรีภาพติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด(ถ้าพ่อแม่ไม่ถูกทำให้เป็นทาส) กอปรกับสังคมโลกยุควิทยาศาสตร์นาโนชีวภาพ ที่พิสูจน์ได้ลึกถึงขั้น DNA ว่า มนุษย์เกิดมาจากมนุษย์ มิใช่"พระเจ้า" หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้สร้าง ความเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่ จึงขัดกับหลัก.. "มนุษย์คือเสรีภาพ" เพราะถ้าเชื่อว่ามนุษย์มีผู้สร้างขึ้นมามีเจ้าของ ก็จะไม่มี 'เสรีภาพ' บนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์
┗━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━┛
เราจึงได้พบเห็น มนุษย์'สลิ่ม' ผู้มีภูมิปัญญาทาส.. ห่มคลุมจิตใจ ปวารณาปราถนาตนเป็นทาสทุกชาติไป ด้วยคลั่งไคล้งมงายใน.. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อมั่นว่าพระเจ้า มีอยู่จริง แสดงให้เห็นถึง ความไม่มีอิสระทางความคิด ไร้เสรีภาพจากข้อมูลเท็จ และอารมณ์ร่วมของความงมงาย ที่เกิดจากผลของการโฆษณาชวนเชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเป็นเวลานาน
เมื่อเมฆหมอกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมกระจายไปทั่วพร้อมกับสภาพน่าสพรึงกลัว(nightmare) สังคมมนุษย์นั้นๆจึงได้พบปรากฎการณ์.. 'ล่าแม่มด' เพื่อมาบูชายัญ สนองตัญหาสนับสนุนความเชื่อของพวกตน ว่า.. สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่จริงอย่าบังอาจลบหลู่?
บางประเทศจึงมีกฎหมายอาญาคาบเกี่ยวพันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ิ์ลงโทษหนักเอาผิด อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ในทุกวันนี้ .. อิทธิฤทธิ์ขนาดถึงขั้นต้องเขียนเป็นกฎหมายไว้บังคับ.. ศักดิ์สิทธิ์จนประชาชนต้องขนหัวลุก ยกสองมือพนมสาธุอยู่ร่ำไป
ผู้ขัดขืนไม่เชื่อในโองการอันศักดิ์สิทธิ์ ปฏิเสธความมีอยู่จริงของ เทวดา นางฟ้า และพระเจ้า จึงต้องโทษทัณฑ์อาญา เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ถูกตราหน้าเป็น.. คนชั่ว.. 'อาชญากรทางความคิด'
ข้าฯ ไม่เชื่อว่าพระเจ้า ศักดิ์สิทธิ์และมีอยู่จริง
ข้าฯ จึงเป็นหนึ่งในนักโทษคนนั้น
. 🙈🙉🙊
จากบทกวี.. เทวา อานุภาพ อันลึกลับ
.
❝ ธรรมชาติ...หาเข้าใจได้โดยเขลา
ใช่ "เทวานุภาพเจ้า" มาเกื้อหนุน
จึ่งเซ่นสรวงปวงพลีที่การุณ
ไร้บุญคุณอำนาจลึกลับใด ❞
. รุ่งศิลา💕
๕ มิถุนายน ๒๕๖๔
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
