7 มิ.ย. 2021 เวลา 12:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
3D Printing: เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่จะกลายเป็นมิติใหม่ของโลกอุตสาหกรรม
ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก หลายคนก็คงเคยได้ยินและรู้จักนวัตกรรมที่เรียกกันว่าเครื่องปริ้น 3D มาสักพักใหญ่แล้ว แต่ยิ่งนับวัน นวัตกรรมนี้ก็ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้เรามากขึ้นทุกที ในวันนี้เราจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบยกประเด็นนี้มาพูดถึงอีกครั้ง โดยในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าทำไมเครื่องปริ้น 3D ถึงเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ได้ชื่อว่าจะมาเปลี่ยนโลก และเจ้านวัตกรรมนี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคตอย่างไร
สำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้จัก เครื่องพิมพ์ 3 มิติ หรือ เครื่องปริ้น 3D เป็นเครื่องจักรที่ใช้กระบวนการเติมเนื้อวัสดุแบบทีละชั้น ในการสร้างรูปร่างที่สามารถจับต้องได้ คิดง่าย ๆ คือเหมือนเวลาที่จะสร้างตึก ก็ต้องเริ่มสร้างฐานชั้นแรกของตึกก่อน แล้วจึงค่อยๆ ต่อเสาขึ้นไปทีละชั้นจนถึงชั้นบนสุด โดยเราสามารถพิมพ์สิ่งของตามต้นแบบได้โดยการป้อนข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลให้กับเครื่องปริ้น
ถ้าถามว่าทำไมนวัตกรรมนี้ถึงยังคงน่าตื่นเต้นทั้งที่ก็มีมาสักพักแล้ว เหตุผลหลักอย่างแรกเลย คือ เพราะเครื่องปริ้น 3D ได้ถูกพัฒนาจนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับเกือบทุกอุตสาหกรรม (ย้ำว่าเกือบทุกอุตสาหกรรม!)
ซึ่งเราไม่ได้พูดถึงแค่เพียงการพิมพ์อุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน การพิมพ์บ้านสไตล์โมเดิร์นทั้งหลังเหมือนในเยอรมนี หรือ การพิมพ์ส่วนประกอบรถหรูอย่าง Czinger 21C ซึ่งเป็นไฮเปอร์คาร์คันแรกของโลกที่ถูกผลิตโดยใช้นวัตกรรมนี้ แต่เรากำลังพูดถึงการพิมพ์อวัยวะมนุษย์ด้วย
 
อย่างในปีที่ผ่านมา นักวิจัยของ Rensselaer Polytechnic Institute ได้ใช้เครื่องปริ้น 3D ในการสร้างผิวหนังมนุษย์ที่ประกอบไปด้วยเส้นเลือดได้สำเร็จ โดยทางศูนย์วิจัยได้ทดลองปลูกถ่ายผิวหนังนี้ให้กับหนู และพบว่าเส้นเลือดในผิวหนังที่ปลูกถ่ายกับเส้นเลือดของหนูสามารถสื่อสาร ส่งเลือดและสารอาหารถึงกัน และสามารถสมานเข้ากันได้ดี ผลลัพธ์ในการทดลองครั้งนี้จึงจะเป็นก้าวสำคัญในการรักษาผู้ป่วยที่สูญเสียผิวหนังจากโรคร้ายหรืออุบัติเหตุในอนาคต
ด้วยประโยชน์ที่มากมายของมัน เครื่องปริ้น 3D จึงได้ชื่อว่าเป็นตัวเชื่อมระหว่างหนังไซไฟ (Sci-fi) กับชีวิตจริง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องผลิตอาหาร (Food Synthesizer) ในเรื่อง Star Trek ที่ตอนนี้ก็มีเครื่องพิมพ์อาหารอย่างพิซซ่า หรือขนม ที่เราสามารถเลือกหน้าได้เอง หรือเครื่องสร้างมนุษย์จากเซลล์ต้นแบบเหมือนในเรื่อง The Fifth Element ซึ่งปัจจุบันก็มีการสร้างอวัยวะมนุษย์โดยใช้เครื่องพิมพ์ 3D อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น อีกหนึ่งความเป็นไปได้ที่นักวิทยาศาสตร์พูดถึงคือการใช้เครื่องพิมพ์ 3D ในการสร้างอาณาจักรบนดาวเคราะห์ดวงอื่น เพื่อเตรียมอพยพมนุษย์ไปอยู่ที่นั่น (ว้าว) และความเป็นไปได้ที่ไม่รู้จบของเจ้าเครื่องปริ้น 3D นี้เอง ที่ทำให้มันเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ทรงพลังมากในยุคนี้
แน่นอนว่าเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ก็จะต้องมีผลกระทบที่ตามมา
1
โดยในทางธุรกิจ การใช้เครื่องพิมพ์ 3D จะช่วยลดต้นทุนการผลิตและประหยัดทรัพยากรในหลากหลายอุตสาหกรรม เพราะการพิมพ์ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานในขั้นตอนการจัดเตรียมและประกอบชิ้นส่วน จึงทำให้บริษัทสามารถลดการจ้างงานและเศษขยะที่เหลือทิ้งจากขั้นตอนการตัดแต่งชิ้นส่วนได้ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท GE Aviation ที่ได้ลดต้นทุนการผลิตไปถึง 35% หลังจากหันมาใช้เครื่องพิมพ์เหล็ก 3 มิติ ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินแทนการหล่อแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ ทางฝั่งผู้ซื้อเองก็จะได้รับประโยชน์จากการที่สินค้าสามารถถูกออกแบบให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างเทรนด์ที่เน้นความเป็นตัวของตัวเอง (Individualism) ขึ้นมาแทนที่ค่านิยมที่เน้นความเป็นกลุ่ม ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดมาจากกรรมวิธีการผลิตในอดีตที่เน้นปริมาณ (Mass Production) และมาตรฐานเดียวกัน (Standardization)
ในภาพเศรษฐกิจโดยรวม เครื่องปริ้น 3D จะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างแรงงานและอุตสาหกรรม ถึงแม้การใช้เครื่องพิมพ์จะลดแรงงานในกระบวนการผลิตหลายส่วน แต่นักวิชาการหลายคนยังมองว่านวัตกรรมนี้จะไม่ได้มาทดแทนแรงงานมนุษย์ซะทีเดียว หากแต่จะเปลี่ยนสัดส่วนของแรงงานที่ใช้ในแต่ละงาน
 
ยกตัวอย่างเช่น การสร้างบ้าน การใช้เครื่องพิมพ์จะช่วยลดขั้นตอนในการก่อสร้าง เช่น การก่ออิฐ หรือ การฉาบปูน แต่สุดท้ายแล้ว บริษัทยังคงต้องการคนในการทำงานที่เครื่องพิมพ์ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายไฟ การวางระบบท่อน้ำ ไปจนถึงการปูพรม นอกจากนี้ อาชีพบางอย่างก็มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น การออกแบบ โดยเฉพาะการออกแบบสินค้า หรือ โครงสร้างสามมิติที่สามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบในการพิมพ์ได้ ดังนั้นประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับจากเทคโนโลยีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าประเทศนั้นสามารถสร้างทักษะใหม่ให้แรงงานและโยกย้ายคนงานข้ามสายงานได้มากแค่ไหน
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าจะโดนผลกระทบไม่น้อยคือห่วงโซ่การผลิตระหว่างประเทศ เพราะหากผู้ประกอบการสามารถผลิตสินค้าได้เองก็จะทำให้ไม่ค่อยมีความจำเป็นในการหาแรงงานค่าจ้างต่ำที่ต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ในสหรัฐฯ ที่บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกอย่าง Kearney ได้คาดว่า การใช้เครื่องปริ้น 3D จะทำให้งานประมาณ 3-5 ล้านงานที่เคยจ้างแรงงานต่างชาติทำ กลับมาอยู่ภายในประเทศในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับสหรัฐฯกว่า 9 แสนล้านเหรียญ ดังนั้นประเทศที่พึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติสูงก็มีแนวโน้มที่จะได้รับผลเสียจากเทคโนโลยีนี้
นอกจากโครงสร้างเศรษฐกิจแล้ว โครงสร้างประชากรในประเทศก็อาจถูกกระทบเช่นกัน เนื่องจากเทคโนโลยีการปริ้น 3D ประกอบกับวิศวกรรมชีวการแพทย์ จะช่วยพัฒนาการแพทย์ในอนาคต ก็เป็นไปได้ว่าผู้คนจะมีอายุยืนยาวขึ้น ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นจำนวนประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นตามมา
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นผลกระทบเพียงบางส่วนที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น และสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ความเร็วในการเติบโตของตลาดเครื่องปริ้น 3D ซึ่งอาจสร้างผลกระทบมากกว่าที่เราคาดเดาไว้ ตามบทวิเคราะห์ของ Grand View Research (2021) ในปี 2020 ตลาดเครื่องปริ้น 3D ทั่วโลก ก็มีมูลค่าไปกว่า 13,780 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว และยังมีแนวโน้มจะแตะ 60,000 ล้านเหรียญในอีก 8 ปีข้างหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ราคาของเครื่องพิมพ์ 3D ก็ถูกลงเรื่อยๆ อย่างในปี 2007 ราคาเครื่องพิมพ์อยู่ที่ประมาณ 10,000 เหรียญ (ประมาณ 300,000 บาท) แต่ในปัจจุบันเราสามารถซื้อเครื่องปริ้น 3D สำหรับทำโมเดลของเล่นระดับคุณภาพได้ในราคาเพียง 300 เหรียญ (ประมาณ 9,000 บาท) (Tech Buzz Ireland, 2021) นี่แปลว่าไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการที่สามารถมีเครื่องพิมพ์นี้ไว้ในครอบครอง แต่คนทั่วไปก็สามารถเข้าถึงนวัตกรรมนี้ได้มากขึ้น
ลองคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าเครื่องปริ้น 3D ถูกปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ผลิตของได้มากขึ้น และมีราคาที่ถูกลงไปอีก นี่อาจแปลว่าในอนาคต เราจะสามารถผลิตข้าวของเครื่องใช้ อาหาร เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้กระทั่งยานพาหนะได้เอง ซึ่งนี่จะเขย่าธุรกิจมากมายและทำให้รัฐบาลทั่วโลกต้องปวดหัวกับการคิดนโยบายใหม่ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องพิมพ์นี้ถูกใช้ในทางที่ผิดกฎหมายหรือเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างแน่นอน ในบทความหน้า เราจะมาดูอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะมาเขย่าโลกกัน จะน่าตื่นเต้นแค่ไหนต้องติดตามกันค่ะ
ผู้เขียน: บูชิตา ปิตะกาศ Economist, Bnomics
➡️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
════════════════
คุณจะไม่พลาดทุกประเด็นเศรษฐกิจ จาก Bnomics
เพียงตั้งค่าที่เมนูมุมขวาบนเพจให้
เป็น "#Favourites" หรือ “#รายการโปรด”
แล้วทุกประเด็นเศรษฐกิจ จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
โฆษณา