8 มิ.ย. 2021 เวลา 12:22 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#รีวิวฟันด์วันละกอง #USMidSmallCap #กองทุนหุ้นสหรัฐขนาดกลางเล็ก
TUSMS vs SCBUSSM vs KF-HSMUS vs ABAGS
.
สวัสดีครับ เราเดินทางมาถึงบทความรีวิวกองทุนตอนที่ 13 กันแล้ว
.
ตอนแรกว่าจะเขียนกอง US แต่เห็นช่วงนี้มี IPO กอง TUSMS เลยจับมาเขียนหุ้นกลุ่มขนาดกลางเล็กกันเลยละกันครับ เข้าเรื่องกันเลย
.
เริ่มที่ดัชนีกันก่อน บทความก่อนๆเราคุยกันเรื่องดัชนีของ US ไปแล้วทั้ง S&P500/NASDAQ/DJI วันนี้เราจะคุยถึงอีกตัวนึงที่เราไม่ได้พูดถึงกันนั่นคือ Russell US Indexes
.
FTSE Russell คือ อีกเจ้าทีทำดัชนีแบบ MSCI นั่นแหละครับ โดยดัชนีที่คนจะรู้จักส่วนใหญ่ คือ Russell 3000® คือ ดัชนีที่แสดงรายชื่อหุ้นของ US กว่า 3000 ตัว (3,057 ตัว) ซึ่งสะท้อน 98% ของหุ้นใน US
.
นอกจากนี้ยังมี ดัชนี Russell 3000E™ ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นราว 4,000 ตัว (3,376 ตัว) ในดัชนีนี้ประกอบไปด้วย 3 ดัชนีย่อยคือ
1) Russell 1000® >>> หุ้นใหญ่ 1000 ตัว (1,019 ตัว) ของ US ซึ่งสะท้อนน้ำหนักในตลาด US กว่า 92%
2) Russell 2000® >>> หุ้นขนาดเล็ก 2000 ตัว (2,038 ตัว) ของ US เป็น Subset ของ Russell 3000® สะท้อนน้ำหนักประมาณ 10% ของตลาด US
3) Russell Microcap® >>> ขออนุญาตเรียกว่า "หุ้นจิ๋ว"
.
เอาจริงๆ Russell 3000® กับ Russell 3000E™ และ Russell 1000® ก็คล้ายๆกันนั่นแหละ เพราะน้ำหนักมันสะท้อนเกือบทั้งตลาดแล้ว
.
ดัชนี Russell นอกจากมีการคัดขนาดหุ้นแล้ว (Market Cap) ยังมีการแบ่งประเภทของหุ้นเป็น Growth / Value / Defensive / Dynamic ซึ่งดัชนีของกองที่เราจะใช้ในวันนี้มีเพิ่มอีก 2 ชนิด คือ
.
1) Russell 2500 Growth >>> รายชื่อหุ้นเติบโต ขนาดกลาง-เล็ก 1,450 ตัวของ US ปัจจุบันอยู่ระหว่าง 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ถึง 13.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) โดยเป็นหุ้นกลุ่ม Growth
ทั้งนี้ ดัชนีเป็น subset ของ Russell 2500 (หุ้น ขนาดกลาง-เล็ก 2500 ตัว ของ US) มีมูลค่าตลาดเฉลี่ย 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (Median)
2) Russell 2000 Growth >>> รายชื่อหุ้นเติบโต ขนาดกลาง-เล็ก 1,150 ตัวของ US
ทั้งนี้ ดัชนีเป็น subset ของ Russell 2000 (หุ้น ขนาดกลาง-เล็ก 2000 ตัว ของ US) มีมูลค่าตลาดเฉลี่ย 2 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (Mean)
.
เกริ่นซะยาว เราเข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้มี 4 กองทุนหุ้น US Mid Small Cap มาเล่าให้ฟังเริ่มกันเลย
.
1. #ทำไมต้องMidSmall ประเด็นหลักๆทีผมมอง คือ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจหุ้นขนาดใหญ่ เพราะมั่นคงและปลอดภัย เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นขนาดเล็กจะมีความเสี่ยงและผันผวนที่มากกว่า แต่สิ่งที่ได้มาคือการเติบโตที่รวดเร็ว ซึ่งใน US มีหุ้นขนาดกลางเล็กให้เลือกกว่า 1,300 ตัว หุ้นที่เล็กวันนี้อาจเป็นหุ้นขนาดกลางและใหญ่ในวันหน้า
.
ดังนั้นหุ้นที่การเติบโตของธุรกิจมาก จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับขึ้นตามกัน โดยมีผลการศึกษาผลตอบแทนจาก Russell 2500 Growth สร้างผลตอบแทนสูงกว่า S&P500 ถึง 138% (นับจากปี 2008) (โดยเฉพาะในช่วง Covid19)
.
.
ข้อมูลจาก TISCO Asset Management ยังเล่าถึง Market Cap ของหุ้นขนาดเล็กที๋โตได้ถึง 10 เท่าภายใน 3 ปี และนอกจากนี้หุ้นขนาดกลาง-เล็กยังมีโอกาสนำไปสู่ "การซื้อกิจการ" ได้ด้วย
.
อย่างไรก็ดี หุ้นขนาดเล็กยังมีสิ่งที่เรามักเห็นได้จากในตลาดหุ้นไทยเช่นเดียวกัน (MAI) คือ สื่อยังไม่ให้ความสนใจ รวมถึงนักวิเคราะห์ การเข้าถึงข้อมูลของนักลงทุนยาก ซึ่งในตลาดยังมีหุ้นเหล่านี้อยู่เสมอทั้งในไทยและ US
.
บทความนี้เขียนฟรี ไม่มีใครจ้างมารีวิว แต่ด้วยเหตุผลของเรื่องนี้เราก็เลยอยากดูว่าในตลาดมีกองทุนแนวๆนี้ของที่ไหนบ้าง
.
2. #TUSMS ของบลจ.TISCO วันที่ผมเขียนอยู่ในช่วง IPO เลยไม่ได้มีข้อมูลมาก เน้นดู Master Fund ซึ่งคือ Granahan US SMID Select Fund (TER 1.25%) ของ Granahan Investment Management (GIM)
.
Granahan US SMID Select Fund เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ราว 50 ตัว (40-60 ตัว) โดยคัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-Up ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีการเติบโตในอดีต แต่มองถึงการเติบโตที่เป็น Thematic สร้างโอกาสในระยะสั้น และสามารถยั่งยืนในระยะยาว
.
สิ่งที่ผมชอบคือ การแบ่ง 3 ธีมการลงทุนในหุ้นออกเป็น
- Core Growth เริ่มเติบโตมั่นคง มีรายได้ต่อเนื่อง ลงทุนได้ 1-7 ปี
- Pioneer มองนวัตกรรม ทำตลาดได้ในอนาคต ลงทุนได้ 1-10 ปี (บางตัวอาจจะยังไม่มีกำไร เพราะยอดขายเพิ่งเริ่มเติบโต)
- Special Situation สร้างยอดขายได้ระยะเวลาหนึ่ง ลงทุนได้ 1-3 ปี
.
หลักๆกองจะลงใน Core Growth 43% รองลงมา คือ Specia Situation 35% และ Pioneer 21%
.
หุ้นในพอร์ต เช่น KULICKE >> ผู้ผลิต Semicondustor
igital Turbine >> แพลตฟอร์มโฆษณาบนสมาร์ทโฟน
Magnite >> ผู้นำ Platform ด้าน Tv Online
STAMPSON >> ผลิตสแตมป์ที่ปริ๊นส่งได้
.
กองนี้เพิ่งตั้งไม่นานนะ ตั้งแต่ม.ค. 2020 แต่ผลตอบแทนตั้งแต่ตั้งกองจนถึง เม.ย.2021 เท่ากับ 145% >>>> เยอะมาก (1 ปีย้อนหลัง 175%)
.
3. #SCBUSSM ของ SCBAM มี Master Fund คือ Granahan US Focused Growth (TER 0.90%) ของเจ้าเดียวกัน แต่คนละกอง
.
กองนี้เน้นลงในหุ้นขนาดเล็กกว่า 40 บริษัทที่หลากหลาย อุตสาหกรรม เช่น ผู้ให้บริการเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต อุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการธุรกิจ (และอาจมีการ Overweight ในหุ้นเทค) โดยจะถือหุ้นรายตัวถึง 7% ในช่วงที่ลงทุน และอาจมีมูลค่าปรับเพิ่มจนมีสัดส่วนราว 10% ในพอร์ต
.
คัดเลือกหุ้นที่มีการเติบโตยั่งยืนเป็นหลัก ธุรกิจเติบโตมากกว่า 15% ไปอีก 5-7 ปี มองหาธุรกิจที่งบการเงินแข็งแกร่ง ความสามารถทำกำไรสูง เน้นสร้าง Alpha (ผลตอบแทนส่วนเพิ่ม) จากทุก Cycle ของการลงทุน มี Risk Reward ที่น่าดึงดูด
.
กองนี้เน้น Conviction ระดับนึง >> มั่นใจในการเลือกหุ้นเพื่อผลตอบแทนที่โดดเด่น และคาดว่าหุ้น Top15 ในกองจะมีน้ำหนักราว 60-80% ของพอร์ต
.
คือพอผมมานั่งอ่าน 2 กองนี้พบว่า ที่เว็บของ Granahan ที่มีแต่กองที่เป็นหุ้น Mid Small ทั้งนั้นเลย สงสัยจะเป็นบลจ.ที่เก่งสายนี้ล่ะมั้ง
.
พอมาดูไส้ในกองนี้ ตอนแรกนึกว่าคล้ายกองแรก แต่เน้น Russell 2000 แปลว่ามีหุ้นให้เลือกน้อยกว่าและอาจจะเล็กกว่าด้วย ไหนดูซิ
.
LIVEPERSON >> ทำ AI Chatbot เพื่อช่วยธุรกิจลดต้นทุน
Etsy >> Online Marketplace ด้านงาน vintage หรือ handmade
Kornit Digital >> ธุรกิจ Digital Printing บนเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
COSTAR CORP >> ธุรกิจด้านการขาย อสังหา ซึ่งมีฐานข้อมูลหลายประเทศ
.
คือ Top10 ของ 2 กองแรกนี่ไม่ซ้ำกันเลยนะ
แล้วผลตอบแทนปี 2020 ของกองนี้ก็ไม่แย่ 83% >>> เออดีเลยยยย ปีก่อนๆ ก็ชนะ Benchmark (Russell 2000 Growth) ถึง 6 ปีติดต่อกัน
.
ถ้าพูดถึง 2 กองแรก อ่านแล้วก็รู้สึกว่า หุ้น Growth สร้างผลตอบแทนได้ดีเลย แถมเป็นหุ้นกลาง-เล็กอีก แต่ถ้ามาดูช่วงนี้ YTD2021 ไม่ค่อยสวยงามนะ เพราะก็เจอขายออกไปเหมือนกัน ปีนี้อาจจะไม่ใช่เวลาของหุ้น Growth หรือเปล่า
แต่ถ้าท่านมองยาวๆ หุ้น Growth ก็น่าสนใจ ผมว่าให้นึกถึงการลงทุนใน ONEUGG แหละ ผมว่า Logic ในการลงทุนคือเน้นยาว และเติบโตนั่นเองแหละครับ
.
4. #KFHSMUS โดย KSAM มี Master Fund คือ Schroder International Selection Fund - US Small & Mid Cap Equity (TER 1.84%) ของบลจ. Schroder
.
กองนี้ Benchmark คือ Russell 2500 Total Return แปลว่า เป็นหุ้นกลาง/เล็ก Growth+Value โดยเลือก Market Cap 40% จากด้านาล่างของตลาด เน้นการลงทุนใน 3 หลักการ คือ
- มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว มีระดับเงินสดในมือที่สูงขึ้น
- เชื่อในความสามารถในการสร้างรายได้และทำกำไรของบริษัท
- บริษัทกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยที่ตลาดยังไม่รับรู้ (คนยังไม่เห็นหุ้นตัวนี้)
.
กองนี้กระจายความเสี่ยงเยอะนะ มีหุ้นในพอร์ต92 ตัว ที่เด่นๆคือ
Assurant Inc (2.6%) >> ผู้ให้บริการจัดหาผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารความเสี่ยง เช่น ประกันภัย
Fortune Brands Home & Security Inc (2.1%) >> ธุรกิจอุปกรณ์ เครื่องใช้ในบ้าน รวทถึงความปลอดภัยต่างๆ
Snap-on Inc (1.8%) >> ผู้ผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ให้กับผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับการขนส่ง ยานยนต์ เรือ การบิน
ฟังบลจ.
.
ผลตอบแทนตัวนี้ไม่โดดเด่นเท่า 2 ตัวแรก ปีก่อนแพ้ Benchmark (6.8% vs 20.0%) Alpha (3Y) -2.3% แต่มองยาวๆ 5 ปี เฉลี่ยราว 12% ต่อปี แพ้ Benchmark 16%
.
ผมมองว่า ค่อนไปทางสอบตกนะ T T ในแง่กอง Active นะ อาจจะเพราะผสมหุ้น Growth+Value และกระจายมากถึง 90 ตัว ผลตอบแทนเลยไม่จี๊ด ถูกใจสายซิ่งกองทุนซักเท่าไร
.
5. #ABAGS โดย Aberdeen ไทยและของทั้งโลก ....... มาแนวเดิมครับ บริหารโดย Aberdeen ที่เชี่ยวชาญในประเทศนั้น Master Fund คือ Aberdeen Standard SICAV I - North American Smaller Companies
.
กองนี้เน้นลงหุ้นขนาดเล็กอีกเช่นกันในสัดส่วน 2/3 ของกอง โดยหุ้นเล็กจะมีขนาดในวันที่ลงทุนไม่เกิน 5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
Benchmark ของกองคือ Russell 2000 ก็คือหุ้นเล็กนั่นแหละ
.
พอมาเปิดไส้ในของกองดูก็พบว่า .............หุ้นอะไรเนี่ย ไม่เหมือนกันอีกแล้ว สัดส่วนลงต่อตัว 2-3% เอง แสดงว่ากระจายเยอะด้วย เพราะหุ้น Top10 มีน้ำหนักแค่ 25% ต่างจากกอง Granahan ที่หนักถึง 50% ไหนดูซิว่ามีตัวไหนดีๆบ้าง
.
Perficient Inc >> บริษัทที่ปรึกษาด้าน Digital ซึ่งมีสาขาทั่วโลก
Hannon Armstrong >> ธุรกิจด้าน Climate Solution >> พลังงานสะอาด
Atkore >> ผู้ผลิต และวางระบบ สาย Cable ไฟฟ้าในอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม
.
ผลตอบแทนปี 2020 ไม่โดดเด่นมากเมื่อเทียบกับอีก 3 กอง เพียง 27.6% สูงกว่า Benchmark ที่ 20.6%
(แต่ผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังของหุ้น 5 ตัวแรกในกองมีตั้งแต่ +50% ถึง +150% เลยเยอะมาก แต่อาจมีน้ำหนักน้อยไปหน่อย)
.
6. เมื่อไส้ในแต่ละกองไม่เหมือนกันเลยก็แทบไม่ต้องเปรียบเทียบหุ้นกัน ผลตอบแทนจะดีหรือแย่ก็ขึ้นกับ การเลือกหุ้นของแต่ละกอง บวกกับการ OVerweight ว่าจะเน้นน้ำหนักในอุตสาหกรรมไหนมากกว่ากัน จากข้อมูล #อุตสาหกรรมในแต่ละกอง พบว่า
.
- Granahan US SMID Select Fund (TUSMS) หนักใน IT 36% Healthcare 17% Consumer Discretionary 16%
- Granahan US Focused Growth (SCBUSSM) หนักใน Tech (เดาว่า IT) 40% Consumer Discretionary 22% Industrial 17%
- Schroder International Selection Fund - US Small & Mid Cap Equity (KF-HSMUS) หนักใน Industrial 21% IT 19% Financial 16% Healthcare 10%
- Aberdeen Standard SICAV I - North American
Smaller Companies (ABAGS) หนักใน Industrial 21% IT 19% Financial 15% Healthcare 15%
.
จะเห็นว่า Granahan จะมีการวางน้ำหนักคล้ายกัน เช่นเดียวกับ Schroder และ Aberdeen ที่มีน้ำหนักคล้ายกัน
.
7. พิจารณาจากกราฟ Master Fund โดยใช้ Financial Times แม้น้ำหนักจะมีเหมือนกัน เป็น 2 คู่แต่เมื่อมาสังเกตการเคลื่อนไหวของผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2021 พบว่า Granahan ทั้ง 2 กองมีความผันผวนสูงมากโดยเฉพาะ TUSMS (SCBUSSM ผันผวนน้อยกว่า) และราคาก็ปรับตัวลงมาในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งเดาว่าน่าจะเกิดจากเรื่อง Sector Rotation เช่นกัน ขณะที่ KF-HSMUS และ ABAGS เคลื่อนที่ไปในทางเดียวกัน
.
ภาพกราฟของ Finnomena จะมีเพียงแค่ 3 กอง เพราะ TUSMS เพิ่ง IPO พบว่า ABAGS และ SCBUSSM มีผลตอบแทน 19-22% ในปี 2020
.
ซึ่งถ้าอ่านถึงตรงนี้ แล้วคุณจำ performance กองแม่ของ SCBUSSM ได้ คือ 83%......
ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าผมดูกองผิด หรือมีการเปลี่ยนแปลงกอง หรือเรื่องของค่าเงิน ที่ทำให้ผลตอบแทน Master Fund และ Feeder Fund ต่างกันถึง 64% >>> ใครทราบบอกผมด้วย เดี๋ยวผมแก้ข้อมูลให้
.
ขณะที่เปรียบเทียบกราฟ Finnomena ของทั้ง 3 กองนี้ พบว่า SCBUSSM มีความผันผวนมากกว่าในทุกช่วงเวลา YTD 1 ปี และ 3 ปี บางช่วงผลตอบแทนดี บางช่วงก็ปรับลงค่อนข้างหนัก ต่างจาก ABAGS และ KF-HSMUS ที่ผันผวนน้อยกว่า
.
8. ค่าสถิติที่น่าสนใจของกองนี้ คือ Max DD SCBUSSM สูงถึง -48% ขณะที่KF-HSMUS -41% และ ABAGS -33%
.
เห็นแบบนี้ผมเองก็กลัวเลยว่า ถ้าสนใจลองกอง Mid Small คุณต้องทนรับความผันผวนมากขนาดนี้ได้นะ เพราะค่า SD อยู่ในช่วง 19-24% เช่นกัน
.
ส่วนในแง่ Sharpe Ratio 1 ปี KF-HSMUS โอเคที่สุด แต่ถ้ามองเทียบกับกอง US ปกติ ผมว่า กอง Mid Small Cap น่ากลัวอ่ะ
Sharpe ratio หุ้น US ปกติน่าจะดีกว่า คิดว่าไม่เหมาะกับคนที่รับความผันผวนและการปรับตัวลงแรงๆไม่ได้
.
ถ้าท่านไม่เข้าใจให้นึกถึง ONE-DISC หรือ ARK ทั้งหลายก็เป็น Mid-Small Cap เช่นกัน
.
9. #ค่าธรรมเนียม ที่เด่นๆน่าจะ ABAGS ที่มี TER กองแม่ 0.2% ขณะที่กองไทยมี TER 2% ดีอย่างก็เสียอย่างแต่ถ้าบวกเลขกันขำๆ กองอื่นๆดูเยอะกว่านะ
.
10. #สรุป
- เหตุผลที่ท่านจะเลือกลงทุนในหุ้น US คือ มั่นใจในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวตอนนี้
- เหตุผลที่ท่านจะเลือกลงทุนในหุ้น Mid-Small คือ เชื่อมั่นในการเติบโตที่สูงกว่าหุ้น Large Cap ในระยะยาว
- แต่การเติบโตนี้ ต้องแลกมาด้วยความผันผวนที่สูง Max DD ที่มาก และความเสี่ยงที่หุ้นเหล่านี้จะไม่เติบโต
- กองทั้ง 4 กองจะเห็นว่า Granahan (TUSMS+SCBUSSM) จะเป็นแนว High Conviction หนัก Top10 ถึง 50% คือ ถ้าหาหุ้นเจอ หุ้นขึ้นแรงกำไรเยอะแน่นอน ขณะที่ KF-HSMUS และ ABAGS ดูจะปลอดภัยกว่าในแง่การกระจายความเสี่ยง ซึ่งผลตอบแทนจะไม่หวือหวามาก เฉลี่ย 10-15% ต่อปี
- ถ้าท่านชอบหุ้นเล็กหุ้นกลาง จะลองใส่ไว้ในพอร์ตแล้วถือยาวๆก็ได้ก็ไม่ผิดครับ
==================
หากท่านชอบงานเขียนของผม ฝากกด Like กด Share และฝากกด Like/Follow Page : Fun Manager ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำบทความต่อไป
.
ขอให้โชคดีในการลงทุน และสนุกสนานกับการเรียนรู้ครับ
.
จิรภัทร โบสุวรรณ, CFP®
.
===========================
คำเตือน : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ และไม่ได้ชี้นำการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลจาก Fund Fact Sheet ก่อนการลงทุนนะครับ
โฆษณา