9 มิ.ย. 2021 เวลา 02:44 • สุขภาพ
หยุดช่วยแพร่การระบาดของโควิด ทีเถอะ
โรคระบาด เชื้อโควิด มันบินไปเองไม่ได้
คือว่ามันบินไม่เป็น ได้แค่เกาะฟุ้งไปตามละอองต่างๆ ไปไม่ไกล มากเกิน และไม่ได้ซึมผ่านผิวหนัง จะติดโควิด ความจริงน่าจะยาก เพราะเชื้อ มันต้องเข้าทาง ปาก จมูก รูน้ำตา แค่นั้น แล้วทำไม จึงมีคนติดกันมาก ตายกันเยอะ
🇹🇭 ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19
ของไทย
ติดเชื้อใหม่ 2,328 ราย + เรือนจำ 91 ราย รวม 2,419 ราย
ผู้ป่วยสะสมระลอกสาม 151,023 ราย
รวมสะสมทั้งหมด 179,886 ราย
เสียชีวิต 33 ราย
เสียชีวิตสะสมระลอกสาม 1,175 ราย
รวมเสียชีวิตสะสม 1,269 ราย
จุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดในแต่ละระลอก มักมาจาก อบายมุข และธุรกิจสีเทา ที่ควบคู่กับความประมาทในการใช้ชีวิตของคนที่ไปมั่วสุม ในนั้น ออกมาทำให้สังคมเดือดร้อน
จากปีกว่าๆ ที่มีการระบาด ได้สังเกตุว่า คนส่วนใหญ่ที่ติดและป่วยโควิด เริ่มต้นจากคนใกล้ตัวที่ประมาทและมีพฤติกรรมเสี่ยงสูง นำมาติดคนใกล้ตัว โดยสรุปมาได้ดังนี้
1. ชอบแคะขี้มูก ชอบขยี้ตา ชอบเช็ดปากด้วยมือ (ต้องฝึกเตือนตัวเอง รีบล้างมือก่อน ที่จะแคะ แกะ เกา หรือ เช็ดด้วยมือตัวเอง)
2. เผลอๆ เอา mask ไว้ที่คาง หรือ ตอนพูดคุย ชอบเอาหน้ากากลง (ต้องเตือนตัวเอง อย่าเปิดจมูก หรือ ปาก ในที่สาธารณะ)
3.ใช้มือขยับ mask บ่อยๆ โดยจับด้านหน้าของแมสก์ ซึ่งด้านนั้น คือด้านสกปรก ที่อาจมีเชื้อ จากผู้อื่นมาแปะอยู่ พอเอามือไปจับ เชื้อก็มาอยู่ที่มือได้ (ต้องมีสติ อย่าเอามือไปจับด้านหน้าแมสก์)
4. ชอบเอามือ จับนู่นนี่บ่อยๆ เช่น ราวบันได ที่จับในลิฟท์ มืออยู่ว่างไม่ได้ ขอจับนู่นจับนี่ ไปเรื่อย คุยกับเพื่อน ญาติ คนรัก ก็ชอบแตะ จับ ไปเรื่อย(ต้องฝึกเก็บมือตัวเอง จับไขว้หลังก็ได้ จับกันไว้เฉยๆก็ได้)
5. หยิบของในตู้เย็นออฟฟิส แล้วไม่ล้างมือ เพราะที่เปิดตู้เย็น และ ของในตู้เย็น อาจเป็นแหล่งรวมเชื้ออีกที่หนึ่ง และ อยู่ได้นานด้วย (ต้องล้างมือทุกครั้งด้วยน้ำ หรือ เจล หรือ แอลกอฮอล์ ในทันที หลังจากใช้มือไปหยิบ หรือ จับอะไรมา)
6. ประมาทมากใช้ของร่วมกับคนอื่น หรือ ให้คนอื่นมาใช้ของส่วนตัวของเรา ล้วนแต่เป็นช่องทางในการแพร่เชื้อโรคระบาดทั้งสิ้น
7. กลับบ้านไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่อาบน้ำทันที เสี่ยงในการนำเชื้อเข้าไปแพร่ต่อกับคนในบ้าน
8. ไม่ชอบสระผม เชื้ออยู่ที่ผม ผมติดหมอน หน้าตา จมูก ก็อาจถูกหมอนที่มีเชื้อติดอยู่
9. ไว้ใจคนใกล้ตัว ไม่คิดว่าเค้าเสี่ยง จึงไม่ค่อยระวังตัว และ มีการใช้สิ่งของร่วมกัน
10. ใช้เพียง faceshield โดยไม่ได้ใส่หน้ากาก
11. จับเงิน ไม่ว่า เหรียญ หรือ ธนบัตร แล้วไม่ล้างมือทันที เชื้อมีโอกาส เข้าทางตา จมูก ปาก ได้ง่ายๆ เพราะ นิสัยแคะ แกะ เกา เช็ด ขยี้ ด้วยนิ้วมือของตัวเอง โดยไม่รู้ตัว
12. หยิบจับ ของกินเข้าปาก โดยลืมล้างมือก่อน (แนะนำว่า ต้องล้างทันที ก่อนหยิบของเข้าปาก ไม่ใช่ล้างทิ้งไว้พักนึง เพราะเราอาจจะเผลอไปหยิบจับอะไรมาก่อนก็ได้)
ใครที่รู้ว่า มีนิสัยดังกล่าว ต้องมีสติเตือนตัวเองให้มากขึ้น "อย่านะ อย่านะ" เผลอเมื่อไร โควิด-19 เล่นงานเอานะ
ส่วนมาตรการเดิมๆที่รู้กัน ต้องฝึกหัดให้เป็นนิสัย เลยนะ ย้ำๆไว้เลย
อย่าลืมสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือ ระวังสัมผัส ออกกำลังกาย แยกสำรับอาหาร เช็คชื่อใน”ไทยชนะ” และ”หมอชนะ” ลงทะเบียนรอฉีดวัคซีน สุดท้ายที่สำคัญหายใจเข้าไว้อย่าหยุด
อ้อ!! เกือบลืม พูดถึง นับจากวันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564 ประเทศเรา ได้ประกาศ D-Day รณรงค์ฉีดวัคซีน แล้ว และมีแผนนำเข้า วัคซีน อีกหลายยี่ห้อ มาให้เลือก ในไตรมาสสี่ เราจะเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่มีวัคซีนให้เลือกฉีดหลายยี่ห้อ แผนเขามีอยู่แล้ว อย่าหลงทาง อย่าไปบ้า เป็นวัคซีน ทางการเมืองไป
แต่จากความคิดของเปื่อยนะ เห็นว่าวัคซีน ฉุกเฉิน ทุกยี่ห้อ ทุกวิธีการผลิต ที่มีในโลกทุกวันนี้ เป็นแค่ตัวช่วย เป็นแค่เครื่องมือในการป้องกันความร้ายแรงของโรค แค่นั้น
โลกเรายังต้องพัฒนาวัคซีนให้ดีขึ้นต่อไป เพื่อมีไว้ใช้ เพราะอย่างไร โควิด-19 นี้จะอยู่กับเราไปอีกยาวนาน และเป็นเหมือนโรคระบาดประจำถิ่น ต่อไป เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือเออก อหิวาตกโรค(โรคท้องร่วงอย่างแรง)
(หมายเหตุ-เปื่อยไม่ใช่ นักวิทยาศาสตร์และหมอ)
วัตถุประสงค์หลักของวัคซีนทุกยี่ห้อ มี ห้าด้านคือ
1) ป้องกัน การติดโรค คือการสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ให้ร่างกายติดเชื้อยากขึ้น
2) ยับยั้งการแพร่ระบาด คือ เมื่อคนติดเชื้อยากขึ้น ก็ช่วยให้การแพร่ระบาดชะลอตัวลง
3) ลดความรุนแรงหากติดเชื้อ คือ หากเกิดการติดเชื้อ ร่างกายเราก็มีภูมิพอที่จะต่อสู้ ไม่ให้เกิดอาการป่วยหนักรุนแรง
4) ทุกคนที่รับวัคซีนต้องปลอดภัยไม่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 100%
5) ประเด็นสุดท้ายที่วาดฝันกันไว้คือมีโอกาสที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เกิดขึ้น โดยคิดกันว่าถ้าฉีดถึง 70% น่าจะเกิดขึ้น
แต่จากที่ดูข้อเท็จจริงที่เห็นในโลกปัจจุบัน
ไม่เอาเรื่องการเมืองและการโฆษณา วัคซีน
ประเทศ อังกฤษ ฉีดไปแล้ว 69 ล้านโด๊ส คิดเป็น 51% วันนี้มีคนป่วย +6,049 ราย เป็น 4,528,442 ราย เสียชีวิต 13 รายรวม 127,854 ราย
ประเทศ อเมริกา ฉีดไปแล้ว 304 ล้านโด๊ส คิดเป็น 47% วันนี้มีคนป่วย +13,542 ราย เป็น 34,242,866 ราย เสียชีวิต 379 รายรวม 613,052 ราย
ประเทศจีน ฉีดไปแล้ว 795 ล้านโด๊ส คิดเป็น 28% วันนี้มีคนป่วย +33ราย เป็น 91,300 รายเสียชีวิต 0 รวม 4,636 ราย
UAE ฉีดไปแล้ว 13.5 ล้านโด๊ส คิดเป็น 62% (มากที่สุดในโลก) วันนี้มีคนป่วย +2,205 ราย เป็น 587,244 ราย เสียชีวิต +2 ราย รวม 1,704 ราย
จากข้อมูลข้อเท็จจริง จะเห็นได้ว่า วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นเพียงตัวช่วยในการป้องกัน แต่ที่สำคัญยังอยู่ที่ วินัยของประชาชนในการ ปฏิบัติตนให้ไม่ประมาท ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และไม่ทำตนเป็นผู้แพร่เชื้อ จึงสำคัญกว่า และจะเป็นทิศทาง ของการใช้ชีวิต แบบ NewNormal ของคนในอนาคต ต่อไป เพื่ออยู่รอด และช่วยให้สังคมชนชาตินั้นๆอยู่รอด
สุดท้ายนี้ อย่าเก็บตัวอยู่บ้าน เอาแต่สั่งของทาน นะ ออกกำลังกาย และใช้ตังกับร้านค้ารายย่อยในชุมนุมนของเรา เพื่อให้สังคมอยู่รอดไปด้วยกัน
สู้ๆไปด้วยกัน มีวินัยในการใช้ชีวิต อย่างมีสติเสมอ อย่าประมาท และร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ครับ
โฆษณา