9 มิ.ย. 2021 เวลา 04:52 • หนังสือ
#12 เล่ม 3 บทที่ 2 หน้า 71 ~ 75
...
N : โอ้ เชิญเลยครับ เชิญพูดต่อเลย
...
...
...
G : สิ่งที่ผู้ชายต้องทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในยุคที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ มิใช่เข้าไปโน้มน้าวผู้หญิงให้คล้อยตามว่าผู้ชายควรได้รับอำนาจในการใช้ชีวิตมากขึ้น แต่ใช้วิธีเข้าไปโน้มน้าวพวกผู้ชายด้วยกัน
ถึงจะตกเป็นเบี้ยล่างของฝ่ายหญิง แต่ชีวิตโดยรวมของผู้ชายก็ถือว่าราบรื่น ซึ่งจริงๆแล้วมันยังมีการใช้ชีวิตในรูปแบบอื่นที่ลำบากยิ่งกว่าการใช้แรงกายเพื่อทำให้ตัวเองมีค่าแล้วจากนั้นก็ไปมีเพศสัมพันธ์ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ชาย (ซึ่งไร้พลังอำนาจ) สักคนจะไปโน้มน้าวชายไร้อำนาจคนอื่นให้ลุกขึ้นมาแสวงหาอำนาจ ไม่จนกระทั่งพวกเขาได้ค้นพบ 🔸ความกลัว🔸
✴️ความกลัวคือสิ่งเดียวที่ผู้หญิงไม่เคยยึดถือและนำมาใช้งาน✴️
🔸ความกลัว🔸 นี้เริ่มขึ้นจาก 💢การหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัย💢
ซึ่งชายในกลุ่มที่ขุ่นเคืองที่สุดเป็นผู้หว่านโปรย ซึ่งปกติแล้วคนกลุ่มนี้มักเป็นพวกที่ "น่าพิศวาส" น้อยที่สุดในหมู่ผู้ชาย เป็นพวกที่ไม่มีกล้ามเป็นมัดๆหรือไม่มีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ ทำให้ไม่ได้รับการเหลียวแลจากพวกผู้หญิง
N : ผมขอเดาว่าด้วยเหตุนี้ จากความไม่พอใจที่ถูกฝ่ายหญิงมองข้ามกลายเป็นความบ้าคลั่งเกรี้ยวกราดจากความไม่สมหวังทางเพศ
G : ถูกต้อง เพราะฉะนั้นชายผู้ขุ่นเคืองเหล่านี้จึงต้องใช้สิ่งเดียวที่พวกเขามีอยู่ ซึ่งก็คือ 💢การพยายามหาวิธีแพร่กระจายความระแวงสงสัยให้กลายเป็นความกลัว💢 โดยการตั้งคำถามว่า :
ถ้าพวกผู้หญิงไม่ได้เป็นฝ่ายถูกล่ะ❓ ถ้าวิธีที่พวกผู้หญิงใช้ดำเนินการและปกครองสิ่งต่างๆไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดล่ะ❓จะทำอย่างไรถ้าจริงๆแล้ววิธีพวกนั้นกำลังนำพาทั้งสังคม (ทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์) ไปสู่หายนะอย่างแน่นอนและการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ล่ะ❓
นี่เป็นสิ่งที่ผู้ชายจำนวนมากนึกภาพไม่ออก เพราะผู้หญิงก็เชื่อมต่อโดยตรงกับพระแม่เจ้าเบื้องบนอยู่แล้วมิใช่หรือ❓ จริงๆแล้วผู้หญิงมิได้มีรูปกายที่ถอดแบบมาจากพระแม่เจ้าเบื้องบนหรืออย่างไร❓ แล้วพระแม่เจ้ามิใช่ความดีงามหรอกหรือ❓
คำสอนหรือความเชื่อนี้ทรงพลังมาก แพร่หลายไปทั่วและคลอบคลุมในทุกๆด้านของชีวิต จนผู้ชายไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องสร้าง ▪️สิ่งชั่วร้าย▪️ ที่เรียกว่า ▪️ซาตาน▪️ ขึ้นเพื่อเอามาต่อกรกับภาพลักษณ์แห่งความดีงามอันไร้ขีดจำกัดของพระแม่เจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสูงสุดที่ผู้คนในยุคผู้หญิงเป็นใหญ่ให้การสักการะบูชา
N : ผู้ชายพวกนั้นใช้วิธีการใดในการโน้มน้าวผู้คนให้เชื่อว่ามี "สิ่งชั่วร้าย" ที่เรียกว่า "ซาตาน" ครับ❓
G : มีเรื่องหนึ่งที่ทุกคนในสังคมเข้าใจตรงกันก็คือแนวคิดเรื่อง ▪️แอปเปิลเน่า▪️ ซึ่งแม้แต่พวกผู้หญิงเองก็เห็นและรู้จากประสบการณ์ว่าเด็กบางคนเกิดมา "เลวโดยสันดาน" ไม่ว่าจะอย่างไรก็เปลี่ยนนิสัยแบบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่ใครก็ควบคุมหรือสั่งสอนไม่ได้ (อย่างที่ทุกคนในชุมชนเห็นตรงกัน)
ดังนั้น 🔹ตำนานความเชื่อ🔹 จึงได้รับการแต่งแต้มขึ้น
▶️ โดยอธิบายว่า : วันหนึ่งเทพีผู้ทรงฤทธานุภาพ ซึ่งเป็นเทพีเหนือเทพีทั้งปวง ได้ให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็น "เด็กไม่ดี" ไม่ว่าเทพีผู้นั้นจะพยายามขนาดไหนก็เปลี่ยนเด็กคนนั้นให้เป็นเด็กดีไม่ได้ สุดท้ายเด็กคนนี้ก็คิดแย่งชิงบัลลังก์จากผู้เป็นมารดา
▶️ นี่เป็นเรื่องที่แม้แต่พระมารดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและการให้อภัยก็รับไม่ได้ เด็กคนนั้นจึงถูกขับพ้นจากอาณาจักรไปชั่วนิรันดร์ แต่ยังคงปรากฏตัวด้วยการจำแลงมาในรูปลักษณ์และเครื่องทรงที่แนบเนียน กระทั่งบางครั้งถึงขึ้นสวมรอยว่าตนเป็นเทพีผู้ทรงฤทธานุภาพนั้นเสียเอง
จากตำนานความเชื่อนี้ได้ปูทางให้พวกผู้ชายตั้งคำถามว่า : 🔹เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระแม่สูงสุดที่พวกเราสักการะบูชาอยู่นี้เป็นพระแม่ตัวจริง เพราะอาจเป็นเด็กเลวที่ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วปลอมตัวมาหลอกลวงพวกเราก็ได้🔹
ด้วยวิธีนี้ ผู้ชายพวกนั้นจึงได้ทำให้ผู้ชายคนอื่นเริ่มกังวลใจ แล้วก็กลายเป็นความโกรธที่พวกผู้หญิงไม่ยอมใส่ใจความกังวลใจนี้ของพวกตนอย่างจริงจัง เมื่อเป็นอย่างนั้นผู้ชายก็เลย ▪️ก่อกบฏ▪️
📌 สิ่งมีชีวิตที่พวกเธอในตอนนี้เรียกว่า "ซาตาน" ก็ถูกสร้างขึ้นด้วยเหตุนี้
📌 มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะสร้างตำนานความเชื่อเกี่ยวกับ "เด็กเลว" และก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะโน้มน้าวให้พวกผู้หญิงในชนเผ่าเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ดำรงอยู่จริง ทั้งยังไม่ใช่เรื่องยากอีกเช่นกันที่จะทำให้ทุกคนยอมรับว่าเด็กเลวผู้นี้เป็นผู้ชาย ก็ผู้ชายเป็นเพศที่ต้อยต่ำกว่าอยู่แล้วมิใช่หรือ❓
📌 เรื่องราวนี้ถูกนำมาใช้สร้างเป็นตำนานปมปัญหาของเหล่าทวยเทพ นั่นคือหาก "เด็กเลว" เป็นเพศชาย และหาก "สิ่งชั่วร้าย" มีลักษณะของเพศชายแล้ว ใครจะมากำราบเจ้าวายร้ายนี่ได้❓
📌 แน่นอนว่าต้องไม่ใช่พระแม่เจ้าผู้มีลักษณะของเพศหญิงอยู่แล้ว เพราะผู้ชายพวกนั้นก็ฉลาดให้เหตุผลว่า หากเป็นเรื่องของปัญญาและการหยั่งรู้ภายใน ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและความเมตตากรุณา แผนการและความคิดอ่าน ย่อมไม่มีใครสงสัยในความเหนือกว่าของเพศหญิง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องใช้พละกำลังความแข็งแกร่งแล้ว นั่นต้องเป็นหน้าที่ของเพศชายมิใช่หรือ❓
🔸ตามตำนานความเชื่อเกี่ยวกับพระแม่เจ้าก่อนหน้านี้🔸
ผู้ชายเป็นเพียงแค่คู่ครอง เป็นเพียงคนข้างกายของผู้หญิง ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนรับใช้และคอยเติมเต็มความปรารถนาอันเร่าร้อนทางกามารมณ์ซึ่งคือการเฉลิมฉลองแด่ความยิ่งใหญ่ของพระแม่เจ้าผู้งดงาม
แต่ในตอนนี้ผู้ชายมีความจำเป็นและทำอะไรได้มากกว่านั้น ชายผู้สามารถปกป้องคุ้มครองพระแม่เจ้าและปราบศัตรู การเปลี่ยนแปลงนี้มิได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ใช้เวลาหลายปี
ทีละเล็กทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไปที่สังคมเริ่มมองเห็นผู้ชายจากฐานะแค่คนข้างกายของผู้หญิงว่ามีฐานะเป็นผู้คุ้มครองด้วย 🔹และมันค่อยๆกลายเป็นส่วนหนึ่งในตำนานความเชื่อทางจิตวิญญาณไป🔹
ถึงตรงนี้จึงต้องมีคนคอยปกป้องพระแม่เจ้าจากภยันตราย ความจำเป็นที่ต้องมีผู้ปกป้องคุ้มครองจึงเกิดขึ้นในลักษณะนี้
จากนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อะไรที่ผู้ชายในฐานะผู้คุ้มครองได้ยกระดับของตัวเองขึ้นเป็น 🔸คู่ครองที่มีสถานะเท่าเทียม🔸 ที่สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระแม่เจ้าได้
และแล้ว 💢พระเจ้าที่มีลักษณะเป็นชายก็ได้ถูกสร้างขึ้น💢
โดยตำนานเทพปกรฌัมในช่วงนี้พระเจ้าและพระแม่มีบทบาทอำนาจร่วมกันอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
ต่อมา (ค่อยเป็นค่อยไปอีกครั้ง)
พระเจ้าเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ▪️ความจำเป็นที่ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองและการพึ่งพาพละกำลัง — เริ่มเข้ามาแทนที่ 💖ความจำเป็นด้านปัญญาและความรัก
โดย 🔸ความรักรูปแบบใหม่🔸ได้ถือกำเนิดขึ้นในตำนานความเชื่อต่างๆ
💢ความรักกลายเป็นการปกป้องด้วยพลังดิบเถื่อน
💢คือความรักที่ต้องการยึดครองเพื่อการเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนปกป้อง ซึ่งก็คือพระแม่เจ้า (เพราะริษยาในสิ่งที่พระแม่เจ้าเป็น)
💢รักที่บัดนี้มิใช่เพียงแค่การตอบสนองต่อความต้องการทางเพศของฝ่ายหญิงเท่านั้น แต่ยังต้องต่อสู้และยอมตายเพื่อให้ได้อีกฝ่ายมาครอบครองด้วย💢
💢ตำนานความเชื่อต่างๆจึงเริ่มกล่าวถึงเหล่าทวยเทพผู้ทรงฤทธาอำนาจต่อสู้แย่งชิงและฟาดฟันกันเพื่อครอบครองเหล่าเทพีผู้งดงามเกินพรรณา และแล้ว "พระเจ้าผู้มีจิตริษยา" ก็ถือกำเนิดขึ้นในตอนนี้เอง💢
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา