10 มิ.ย. 2021 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
Five Guys จากธุรกิจครอบครัว สู่เชนฟาสต์ฟูด 1,700 สาขา
ถ้าหากให้เลือกระหว่าง “เรียนต่อ” กับ “ทำธุรกิจ” เราจะเลือกอะไร ?
นี่คือคำถามที่คุณ Jerry ​Murrell หรือเจ้าของกิจการ Five Guys
ร้านเบอร์เกอร์ที่มีชื่อเสียงในประเทศสหรัฐอเมริกา ถามกับลูกชายของเขา
ซึ่งสุดท้ายลูกชายเขาก็ได้ตัดสินใจเลือกทำธุรกิจกับครอบครัว แทนที่จะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย
โดยเริ่มต้นจากร้านเบอร์เกอร์เล็ก ๆ สู่ 1,700 สาขาใน 19 ประเทศ
แล้ว Five Guys ทำอย่างไร ให้กลายมาเป็นแบรนด์เชนฟาสต์ฟูด ที่ใหญ่โตขนาดนี้ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ถ้าพูดถึงเชนฟาสต์ฟูด ที่โดดเด่นเรื่องเบอร์เกอร์ในประเทศไทย
ก็คงจะเป็น 2 เจ้าดังอย่าง McDonald's และ Burger King
แต่จริง ๆ แล้ว ก็ยังมีเชนร้านเบอร์เกอร์อีกหลายแห่ง ที่ชื่อดังไม่แพ้กัน
เพียงแต่ว่า ยังไม่ได้เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็น Wendy's, In-N-Out รวมถึง Five Guys ซึ่งก็คือพระเอกของเรื่องนี้
Five Guys คือ เชนฟาสต์ฟูดที่เน้นขายเบอร์เกอร์และเฟรนช์ฟรายส์เป็นหลัก
ซึ่งมีเอกลักษณ์อยู่ที่ วัตถุดิบที่สดใหม่ กับการแต่งร้านสไตล์ยุค 1950
โดยชื่อร้านก็มีที่มาจาก “ลูกชายทั้ง 5 คน” ของคุณ Jerry Murrell ผู้ก่อตั้งร้านนั่นเอง
1
แต่กว่าที่ร้าน Five Guys จะขยายสาขาไปในประเทศต่าง ๆ อย่างทุกวันนี้
มันเคยเป็นเพียงร้านเบอร์เกอร์เล็ก ๆ ข้างทาง ที่เริ่มจากเงินตั้งต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท
ซึ่งเงินก้อนนี้ เป็นเงินที่คุณ Jerry Murrell มอบให้กับลูกชายคนโตของเขา
เพื่อนำไปตัดสินใจว่าจะใช้ไปกับการ “เรียนต่อ” หรือ “ทำธุรกิจ”
เนื่องจากสถานะทางการเงินของที่บ้านไม่ค่อยดีนัก
ถึงแม้ว่าการทิ้งเส้นทางในมหาวิทยาลัย จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กวัยนั้น
แต่คำตอบที่ลูกชายคนโตเลือกก็คือ เริ่มต้นทำธุรกิจกับครอบครัว
และแล้วร้านเบอร์เกอร์ Five Guys ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1986 ที่อาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย
กับพื้นที่เล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีที่นั่งให้ลูกค้าได้ทานอาหารในร้านด้วยซ้ำ
แต่เพราะความอร่อยบวกกับคุณภาพเบอร์เกอร์ที่สดใหม่
จึงทำให้ร้าน Five Guys กลายเป็นที่นิยมในเวลาอันรวดเร็ว
โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี สาขาที่ 2 ก็เปิดตัวขึ้นจากการหยิบยืมเงินเพื่อนฝูง
และขยายสาขาไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็น 5 สาขาตามรถไฟฟ้าใต้ดินแถบวอชิงตัน ดี.ซี.
ที่คนนั่งรถไฟก็ต่างแวะซื้อทาน
เมื่อลูก ๆ ของคุณ Jerry Murrell เห็นว่าธุรกิจดำเนินไปได้ดี
จึงเริ่มหาช่องทางใหม่ในการทำให้มันเติบโตยิ่งขึ้น
ซึ่งนั่นก็คือ “โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์” ที่เริ่มเปิดขายในปี 2002 นั่นเอง
และผลตอบรับก็ดีตามคาด เพราะใช้เวลาไม่ถึง 18 เดือน
Five Guys ก็สามารถขายแฟรนไชส์ไปได้กว่า 300 สาขา
 
ก่อนจะเริ่มขยายสาขาไปสู่ประเทศต่าง ๆ อย่างสหราชอาณาจักรในปี 2013
ตามมาด้วยตะวันออกกลาง, ยุโรป และทางแถบเอเชียอีกด้วย
โดยปัจจุบัน Five Guys มีมากกว่า 1,700 สาขาใน 19 ประเทศ
1
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็คงสงสัยแล้วว่า Five Guys มีกลยุทธ์อะไร ?
ถึงสามารถขยายสาขาไปได้มากขนาดนี้
สิ่งแรกที่ Five Guys คำนึงก็คือ “คุณภาพอาหาร”
เมื่อเมนูหลัก ๆ ที่ Five Guys ต้องการนำเสนอ คือ “เบอร์เกอร์และเฟรนช์ฟรายส์”
ทำให้ทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ และเสิร์ฟมันอย่างไร้ที่ติ
โดยทุกเมนูในร้านจะไม่ใช้สินค้าแช่แข็งแม้แต่อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นแป้งเบอร์เกอร์
และในส่วนของเนื้อ ก็จะทำสดใหม่ ย่างลงบนเตาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่กำลังพอดี
รวมทั้งมันฝรั่งทอด ที่จะมีการหั่นใหม่ด้วยมือทุกวัน
นอกจากนั้น Five Guys ยังเลือกใช้ “น้ำมันถั่วลิสง” ในการทำอาหารทั้งหมด
เนื่องจากมีคุณลักษณะพิเศษเหมาะสำหรับการย่างเนื้อ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย
ถึงแม้ว่าน้ำมันถั่วลิสงจะมีต้นทุนสูงกว่าน้ำมันชนิดอื่น ๆ เพราะคงสภาพไม่ได้นาน และทำให้ต้องเปลี่ยนน้ำมันบ่อย ๆ แต่ Five Guys ก็ยังเลือกใช้ เพราะสามารถย่างเนื้อออกมาได้อร่อย
ประเด็นต่อมาคือ “ความคุ้มค่า”
แม้เมนูเบอร์เกอร์ของ Five Guys มีเพียง 4 เมนูพื้นฐาน
นั่นก็คือ เบอร์เกอร์ธรรมดา, ชีสเบอร์เกอร์, เบอร์เกอร์ใส่เบคอน และเบอร์เกอร์ที่ใส่ทั้งเบคอนกับชีส
แต่กลับมีท็อปปิงมากถึง 15 อย่างให้เลือกใส่เพิ่ม เช่น หอมเจียว, เห็ดย่าง หรือซอสต่าง ๆ
และที่พิเศษก็คือ ลูกค้าจะใส่จำนวนเท่าไรก็ได้โดยไม่บวกราคาเพิ่ม
ซึ่งหมายความว่า แม้เราจะกินเบอร์เกอร์ Five Guys ทุกวัน แต่ก็อาจจะไม่ได้มีแต่รสชาติเดิม ๆ ที่จำเจ เพราะเราสามารถรังสรรค์เมนูใหม่ขึ้นมาได้เอง แถมยังไม่ต้องห่วงเรื่องราคาอีกด้วย
และในส่วนของเฟรนช์ฟรายส์ ที่นอกจากจะทอดสดใหม่ทุกวันแล้ว ขนาดของมันยังใหญ่เพียงพอที่จะแชร์กับเพื่อนได้ถึง 2-3 คนได้สบาย ๆ
เนื่องจากเฟรนช์ฟรายส์ขนาดปกติของ Five Guys
มีปริมาณเท่ากับเฟรนช์ฟรายส์ขนาดใหญ่ของ McDonald's เลยทีเดียว
ประเด็นสุดท้าย ก็คือ ความโดดเด่นเรื่อง “การบริการ”
ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารฟาสต์ฟูดแล้ว สิ่งที่ลูกค้าคาดหวังก็คือ การบริการที่รวดเร็ว
แต่ Five Guys กลับเลือกทำอาหารสดใหม่ชิ้นต่อชิ้น
ทำให้การผลิตอาหารที่รวดเร็วทันใจลูกค้าไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้น Five Guys จึงต้องออกกลยุทธ์เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า ระหว่างรออาหาร
อย่างเช่น การออกแบบครัวของร้าน ให้เป็นครัวแบบเปิด เพื่อที่ลูกค้าจะได้เห็นถึงกรรมวิธีการปรุงอาหารที่พิถีพิถัน
รวมทั้งยังมีเคาน์เตอร์บริการถั่วคั่ว ให้หยิบกินฟรี ๆ
เพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่จดจ่ออยู่กับการรอคอยออร์เดอร์นาน ๆ อีกด้วย
แม้ปัจจุบัน Five Guys จะเน้นทำธุรกิจแฟรนไชส์เป็นหลัก
และคนที่ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วหลาย ๆ คนก็ได้เสนอให้บริษัทเพิ่มเมนูอาหารใหม่ ๆ มากขึ้น
เพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับฟาสต์ฟูดเจ้าอื่น ๆ ในตลาดได้ก็ตาม
แต่ Five Guys ยังคงยึดคติ “เรียบง่าย แต่ดีกว่า” ที่มีมาตั้งแต่ต้น
ซึ่งความเรียบง่ายนี้รวมไปถึงการตกแต่งร้าน ชุดยูนิฟอร์ม หรือการทำโฆษณา
เนื่องจากเขาเลือกที่จะไปทุ่มทุนให้กับคุณภาพของวัตถุดิบทั้งหมด
โดยเสิร์ฟเพียงไม่กี่เมนู แต่เป็นเมนูที่ทำจากวัตถุดิบที่ดีและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์
แม้ว่าผู้ชายทั้ง 5 คนที่สร้าง Five Guys จะไม่ได้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง
แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเขาได้เรียนรู้การทำธุรกิจจากการลงมือทำจริง
และกลายมาเป็นเชนฟาสต์ฟูดที่ประสบความสำเร็จเจ้าหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
1
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เมื่อตอนคุณ Jerry Murrell ยังเป็นหนุ่ม ๆ แม่ของเขาเคยเอ่ยว่า
“ถ้าไม่ตั้งใจเรียน อาจจะได้ไปย่างเนื้อให้ร้านเบอร์เกอร์ที่ไหนสักแห่ง”
ซึ่งใครจะไปคิดว่าวันนี้เขาและลูก ๆ จะมาทำงานย่างเนื้อในร้านเบอร์เกอร์จริง ๆ
เพียงแต่ทำงานในฐานะเจ้าของร้านที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ลูกจ้าง ก็เท่านั้นเอง..
โฆษณา