11 มิ.ย. 2021 เวลา 10:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุป!! Money Management 💰 สำคัญไฉน นักลงทุนตัวจริงต้องยืนหยัดทนแรงกดดันให้ไปต่ออย่างไร? 💸
จากรอบ FinTalks @Clubhouse วันอังคารที่ 1 มิถุนายน เวลา 21.00 น.
 
ครั้งแรกกับการเปิดตัวใน Clubhouse!!!
ยินดีต้อนรับ ดร.ต้อง พงษ์รพี ผู้เชี่ยวชาญด้าน ศักยภาพมนุษย์ และ ครูหยง เจ้าของเพจ Freedom Trader สู่ FIN Talks Club!!!
 
⚙️ในสภาวะตลาดผันผวนในช่วงนี้ การวาง mindset ก่อนการลงทุนสำคัญอย่างไร การทนแรงกดดันในการลงทุนต้องเตรียมใจกันขนาดไหน และกว่าจะมาเป็น Professional Trader สนามแข่งขันของนักลงทุนตัวจริง ต้องฝึกและอดทนกับการเจ็บตัวอะไรบ้าง ผ่านบททดสอบของตลาดที่ว่ายากแล้ว บททดสอบของตัวเองนั้นยากกว่า ⚔️กว่าจะเป็นเทรดเดอร์สายแข็งต้องทำอย่างไร? มาฟังมุมมองของ หยง เกิดมาเทรด Freedom Trader และ ดร ต้อง พงษ์รพี ผู้เชี่ยวชาญด้านศักยภาพมนุษย์ จะมาเปิดใจคุยกันใน Clubhouse ครั้งแรกที่ FIN Talks Club
🎈Speakers 🎈
🧑🏻ดร.พงษ์รพี บูรณสมภพ (ดร.ต้อง)
ผู้เชี่ยวชาญด้าน ศักยภาพมนุษย์
🧑🏻คุณธำรงชัย เอกอมรวงศ์ (หยง)
นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ เจ้าของเพจ Freedom Trader
👨🏻‍💻เรียบเรียงและสรุป: 📑
หรือติดตามเพจได้ที่:
 
✅กด follow FIN TALKS Club และ FIN Talk FB Page เพื่อไม่พลาดความรู้ดีๆ จากกูรูผู้มีประสบการณ์ตรง ทุกวันอังคารและพฤหัสเวลา 3 ทุ่มทุกสัปดาห์ ✅
***
ดร.ต้อง - ผู้เชี่ยวชาญด้าน ศักยภาพมนุษย์
 
สรุป
🟢นักลงทุนเกือบทุกคนมี pattern มีทักษะ ความสามารถ มีความเข้าใจ และ มั่นใจ แต่ไม่เข้าใจ pain ตนเอง ปรับ mindset โดยใช้หลัก เช่น behavior finance ใช้ความโลภ ความกลัว
 
🟢หาความสมเหตุผล เข้าใจพฤติกรรมที่จะทำให้ตนเองถอยหลัง การจัดการกับดราม่าภายในงาน อาจต้องให้รายบุคคลทำ personal assessment test เพื่อวัดพฤติกรรมรายบุคคล
 
🟢อย่ามองเงินเป็นเป้า ให้มอง เงินคือเครื่องมือซื้อความสุข ซึ่งเครื่องมือเงินนั้น ไม่ต้องเยอะก็ซื้อความสุขได้นะ
 
📣“รู้จักตนเอง รู้จักปม & paint point รู้จักจุดแข็ง อย่ารักเงิน ให้มองเงินเป็นเครื่องมือ ให้เข้าใจว่าลงทุนกับอะไร”📣 - ดร.ต้อง - ผู้เชี่ยวชาญด้าน ศักยภาพมนุษย์
 
ประวัติ: ประสบการณ์ 13 กว่าปี ทุน Full Bright จบปริญญาเอก 2 ใบ ด้านจิตวิทยา และ ศักยภาพมนุษย์ จึงได้ใช้จิตวิทยาเพื่อบริหารวิธีการลงทุน และ การเทรด แนะนำให้ผู้คนต่างๆ ปรับ mindset
 
การพัฒนาคน: 90% ของเวลา จะช่วยพัฒนา mindset ให้แก่นักลงทุน โดยใช้หลัก เช่น behavior finance ใช้ความโลภความกลัว หาความสมเหตุผล ดูถึงแก่นว่าบุคคลนั้นจะมีความกลัวอะไรบ้างตั้งแต่อดีตเลย หรือ ความโลภแค่ไหน นักลงทุนเกือบทุกคนมี pattern มีสกิล มีความเข้าใจ และ มั่นใจ แต่ไม่เข้าใจ pain ตนเอง
 
สิ้นหวัง: มีบางคนที่เทรดพังมากถึงขนาด อยากฆ่าตัวตาย จะต้องแก้ปมดู pain point ของนักลงทุน ให้มองเงินเป็นเครื่องมือ การทำให้คนฟื้นกลับไปได้ คือ ต้องดูว่าจิตใจคนนั้น ตอกย้ำใจตนเองมากที่สุด ทำยังไงให้จิตใจโล่งขึ้น มองให้ตนเองมีคุณค่ายังไง
 
ตัวอย่าง เคยมีรายได้ 80-90 ล้าน จากการเทรด ต่อมาเป็นหนี้ ไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไป เป็นคุณพ่อที่มีลูกอยู่ แต่ต้องปรับ mindset ให้ลดการตอกย้ำตัวเองลง แม้ว่าจะหาเงินเหมือนเดิมไม่ได้
 
จิตวิทยาสำหรับทุกสายอาชีพ: รู้จักตนเอง จัดการความเครียดของตน มีนิสัยลบด้านไหน เช่น perfectionism เป็นคนช่างรีบ คนขี้ประจบ เข้าใจพฤติกรรมที่จะทำให้ตนเองถอยหลัง การจัดการกับดราม่าภายในงาน อาจต้องให้รายบุคคลทำ personal assessment test เพื่อวัดพฤติกรรมรายบุคคล
 
ปรับ mindset นักลงทุน: อะไรทำให้ติดขัด เข้ามา stuck ปรับจิตใจยังไง สร้าง Key Message เพื่อความเชื่อใหม่ เพราะบางคนเอาเงินครอบครัวมาเล่น ตอนเอาเงินไปบอกว่ามีโอกาสดี แต่ตอนขาดทุนไม่กล้าบอก กลัวมาก บางคนอยากฆ่าตัวตาย สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำให้คุณค่าในตัวเองก่อน คุณค่าบางครั้งไม่ได้อยู่ที่การหาเงินแต่อยุ่ที่ความสัมพันธ์ ดังนั้น เมื่อพลาดต้อง Survive ให้ได้ก่อนแล้วค่อย Scaling เมื่อมีโอกาส
 
70% ของนักลงทุน: อาจเรียกว่าไม่เหมาะสมสำหรับเป็นนักเทรดด้วยสภาพจิตใจ คนละ mindset สำหรับการเทรดที่สามารถทำระยะยาวได้ ก็อาจจะทำธุรกิจ หรือทำอะไรอย่างอื่นได้ที่เหมาะสมกว่า และให้การลงทุนเป็นส่วนหนึ่ง
 
End Goal: อย่ามองเงินเป็นเป้า ให้มอง เงินคือเครื่องมือซื้อความสุข ซึ่งเครื่องมือเงินนั้น ไม่ต้องเยอะก็ซื้อความสุขได้นะ
1เก่งอยู่ในวิกฤติได้ดีจึงเห็นโอกาส 2. รู้เมื่อไรเข้า เมื่อไรออก 3. Consistent 4. ยืดหยุ่น
การมีความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ทำได้ ความอยากรวยไม่ใช่สิ่งผิด แต่เราต้องมีความรู้ความชำนาญของตัวเอง มั่นคงใน Passion แล้วความรวยจะมาเยือนเราเอง
 
***
คุณหยง - นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ เจ้าของเพจ Freedom Trader
 
สรุป
🟢ทุกคนตอนแรกจะมีความมั่นใจ แต่ไม่ได้เงินอย่างที่ตนเองคิด ก็จะสูญเสียความมั่นใจ อาจต้องหาคนช่วยชี้ทาง
 
🟢ที่ผ่านมาเราถูกสอนให้มอง Risk การบริหาร Crisis Managementเห็นความเสี่ยงจำเป็น แต่เราไม่ค่อยดูเรื่อง "โอกาส" Opportunity Management จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์การลงทุนมากมาย ถ้าเราเห็น 'โอกาส' จะทำให้เราเติบโตได้ ดังนั้นศึกษาให้เข้าใจทั้งศาสตร์และศิลป์ และใช้เครื่องมือการลงทุนให้ถูกต้องตามจังหวะและโอกาส
🟢การบริหารจิตใจเวลาขาดทุน ไม่มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษ ต้องใช้เวลา ต้องเข้าใจตลาดลงทุนว่า คุณไม่มีอะไรสามารถควบคุมได้ว่า ราคาจะขึ้นหรือลง ทยอยลงทุน จะได้รู้ว่ามันมี ค่าวิชา อยู่ บางครั้งเราต้องยอมจ่ายค่าวิชา
 
🟢ถ้าแนะนำคนรุ่นใหม่ มีแรงทำกิน หลักต่ำกว่าแสนต่ำกว่าล้าน ถ้ากล้า ในวัยที่ลองเสี่ยงได้ ให้ลองเสี่ยงดู มันเป็นเรื่องปกติ แต่ให้ดูว่าเวลาเทรดเหตุผลอะ ทำไมได้เงิน ทำไมเสียเงิน
 
🟢ถ้าขาขึ้นตลาดไหน ให้มีตัวเราอยู่ในตลาดนั้น และ ต้องอยู่ในตลาดนานกว่าคนอื่น
 
🟢“Stay in the game”
 
📉ตลาดไทย: เทรด PE 27-29 เท่า ถือว่าแพงมากอยู่ ต้องมาดูว่าบริษัทในไทยสามารถทำผลตอบแทนได้ดีได้จริง ช่วง Q3,Q4 หรือไม่ ตลาดเล่นรอบแบบ Sector Rotation ต้องไปหาหุ้น Laggard
 
📈ตลาดคริปโต: เป็นตลาดที่มีโอกาสอยู่สูงมาก แม้การประเมิน Valuation จะทำได้ยาก แต่การที่รัฐเข้ามามีบทบาท เช่น การเก็บภาษีกลับเป็นเรื่องดี (อาจเป็น) การตกมารอบนี้อาจเป็นโอกาสรับคนที่ตกรถ ซึ่งวิเคราะห์ มูลค่าตลาดคริปโตได้ยากกว่าตลาดหุ้น
 
📈หุ้นตปท.: Bullish ตลาดจีน ส่วนตลาดอเมริกาแม้ว่าจะเงินเฟ้อเยอะ ยังวิ่งต่อระยะยาวได้
 
📣“เงินสามารถแก้ไขปัญหา 99% ของชีวิตได้ มีไว้บ้าง ตลาดหุ้นตลาดคริปโต บริหารความเสี่ยงเป็น ให้ active ในตลาดนั้นๆ ให้หาวิถีว่าเราลงทุนเวลาและเอาใจใส่มัน จะมี ‘โอกาส’ ทำเงิน ถ้ายิ่งอยู่ยาวมีโอกาสทำกำไรนานขึ้น” 📣 - คุณหยง - นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ เจ้าของเพจ Freedom Trader
 
ประวัติ: ลงทุนได้กว่า 12 ปี เรียน คอมไซต์ที่ออสฯ และ ได้ทำงานด้าน IT ต่อมาได้ย้ายมาที่ปรึกษาการลงทุน จึงได้เข้าตลาดลงทุนเต็มตัว หุ้น ฟิวเจอร์ ตปท. ค่าเงิน คริปโต โดยใช้ Technical เป็นหลัก บวก พื้นฐานและ Macro-economic ด้วย
 
การเลือกสินค้าลงทุน: เริ่มแรกก็ จากคนพูดถึง เช่น หุ้น/ทองคำ คนมาเก็งกำไร จึงเริ่มสนใจการลงทุน และ ทยอยพัฒนาเพื่อเข้าสู่ สินค้าลงทุนหลายๆตัว
 
ปรับจิตใจ: ทุกคนตอนแรกจะมีความมั่นใจ แต่ไม่ได้เงินอย่างที่ตนเองคิด ก็จะสูญเสียความมั่นใจ อาจต้องหาคนช่วยชี้ทาง
 
มอง: ให้มอง Risk & Reward เห็นความเสี่ยงจำเป็น แต่เราไม่ค่อยดูเรื่อง “โอกาส” ซึ่งมีผลิตภัณฑ์การลงทุนมากมาย ถ้าเราเห็น ‘โอกาส’ นั้นๆ
 
ผลิตภัณฑ์ที่ไว้ลงทุน: ศึกษาสินค้าให้เข้าใจถ้องแท้ ทั้งศาสตร์และศิลป์ เข้าใจกราฟ เข้าใจเครื่องมือที่วัดสินค้านี้ วัดด้วยอะไร เช่น หุ้นชนะให้วิ่งตามเทรนด์ หรือ ค่าเงินเทรดตามความผันผวน ให้มีเงินสดติดต่อไว้ตลอด ขาขึ้นก็ยังสามารถเข้าซื้อได้
 
อายุvsการลงทุน: แน่นอนว่าเปลี่ยน ชั่วโมงบินมากขึ้น ความสำคัญในชีวิตเปลี่ยนไป บางทีอาจต้องโดนด้วยตัวเองว่า ลงทุนแล้วเจ็บตัวแค่ไหน บางทีสอนกันไม่ได้ วิธี all-in ไม่ใช่วิธีเหมาะสมแล้ว ดูกราฟเพียว vs เข้าใจพื้นฐานของสินค้า อาจไม่ต้องเฝ้ากราฟขนาดนั้น ช่วงไหนต้องเข้าบ้าง ต้องออกบ้าง ทยอยทำ และ ต้องจดบันทึกว่า การกระทำของเราไปทำแบบนี้ ดีไหม
 
เงินจาก 10 ล้านไป 100 ล้าน คนละแบบ กับ mindset จาก 100 ล้าน ไป 1,000 ล้าน เลยทีเดียว
 
แก้ไขธาตุแตก: ไม่มีวิธีการพิเศษ ต้องใช้เวลา ต้องเข้าใจตลาดลงทุนว่า คุณไม่มีอะไรสามารถควบคุมได้ว่า ราคาจะขึ้นหรือลง ทยอยลงทุน จะได้รู้ว่ามันมี ค่าวิชา อยู่
 
รวยเร็ว: อยากได้ไวๆ ถ้าแนะนำคนรุ่นใหม่ มีแรงทำกิน หลักต่ำกว่าแสนต่ำกว่าล้าน ถ้ากล้า ลองเสี่ยงดูได้ เป็นเรื่องปกติ ให้ดูว่า ทำไมได้เงิน ทำไมเสียเงิน กำไรจากหุ้นมาจากฝืมือน้อยมาก แต่ให้มองว่า ถ้าขาขึ้นตลาดไหน ให้มีตัวเราอยู่ในตลาดนั้น และ ต้องอยู่ในตลาดนานกว่าคนอื่น
 
เป้าหมายชีวิตของตน: คิดว่าคงยังไม่มีแผนหยุดเทรดลงทุน เริ่มมองการลงทุนเป็น scoreboard มากกว่า หาเงินเพื่อซื้อของแพง อยู่ภายในตลาดระยะยาว “Stay in the game”
 
ตลาดไทย: เทรด PE 27-29 เท่า ถือว่าแพงมากอยู่ ซึ่งคาดว่าบริษัทในไทยสามารถทำผลตอบแทนได้ดีได้จริง ช่วง Q3,Q4 หรือ ดูหุ้นบริษัทที่มีโอกาสรอดช่วงโควิดนี้ ถ้ารอดได้ แสดงว่ามีความสามารถจริง
 
ตลาดคริปโต: (อาจเป็น) โอกาสรับคนที่ตกรถ ซึ่งวิเคราะห์ มูลค่าตลาดคริปโตได้ยากกว่าตลาดหุ้นมากไม่ใช่ earning asset แต่รับรองว่าไม่หายไปไหนแล้ว ถ้ารัฐบาลประเทศต่างๆ จะเริ่มเก็บภาษี แสดงว่าจะไม่แบนคริปโตแล้ว
การขึ้นของตลาดคริปโตไม่มีมูลค่าอิงเกณฑ์ แสดงว่ามันขึ้นแบบไม่มีเหตุผลตามมูลค่าเลย มันขึ้นเท่าไรก็ได้ หรือ ลงเท่าไรก็ได้ นับว่าเป็นตลาดที่เก็งได้ดีมาก
 
ทองคำ: วิ่งตาม fear index ความกลัวของคน ทองคำคงไม่มี Upside มาก
 
หุ้นตปท.: Bullish ตลาดจีน เพราะจำนวนประชากรมาก 1.5 พันล้านคน สามัคคีกัน กล้าใช้เงิน ส่วนตลาดอเมริกาแม้ว่าจะเงินเฟ้อเยอะ แต่ยังวิ่งต่อได้ ยกเว้น ภายในเรื่องการเมืองระหว่าง 2 ฝ่าย ในขณะที่การเมืองของจีนไม่มีการแบ่งแยกฝั่ง
 
หมายเหตุ: การบันทึกสคริปท์บน Clubhouse เป็นความเห็นส่วนตัวของทาง speaker เพื่อเป็นกรณีการศึกษา ไม่ใช่การแนะนำทางการเงิน
🙏🏻 ขอขอบคุณ guest speakers ดร.พงษ์รพี บูรณสมภพ (ดร.ต้อง) และ คุณธำรงชัย เอกอมรวงศ์ (หยง) ที่มาร่วมแชร์ความรูัและประสบการณ์ร่วมกันใน FIN Talks Club
โฆษณา