เนื่องจากเพลง You will never walk alone เคยเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมทั่วไป ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อสโมสรลิเวอร์พูลโดยเฉพาะ เมื่อมีการโหวตเพลงฟุตบอลที่ดีที่สุดจึงไม่ค่อยติดอันดับ เฉกเช่นเดียวกับเพลง Blue Moon เพลงเชียร์ประจำสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเพลงที่เคยได้รับความนิยมในหมู่แฟนเพลงทั่วไป ไม่ใช่เพลงที่แต่งเพื่อสโมสรโดยเฉพาะ ที่สำคัญเนื้อหาของเพลงยังมีความหมายไม่ดีเท่ากับเพลง You will never walk alone เพราะเป็นเพลงรักธรรมดาๆ เมื่อนำมาเป็นเพลงเชียร์ก็อาจกระชับจังหวะให้เร็วขึ้นบ้างเท่านั้น
ในยุค 90 นี่เองที่คนไทยเริ่มคุ้นเคยกับเพลงที่เขียนมาเพื่อการแข่งขันฟุตบอลหรือทีมฟุตบอลมากขึ้น เนื่องจากมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครบทุกนัดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ทำให้คนไทยคุ้นกับเพลง “To be Number One” (https://www.youtube.com/watch?v=7YF49RWif94) เพลงอย่างเป็นทางการของศึกฟุตบอลโลกปี 1990 ที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ ซึ่งร้องโดย จานนา นันนินี กับ เอโดอาร์โด เบนนาโต และเขียนโดย จอร์โจ โมโรเดอร์ พ่อมดซินธีไซเซอร์ ขณะอีก 4 ปีถัดมาในฟุตบอลโลก 1994 เพลง “We are the Champion” (https://www.youtube.com/watch?v=DcYfYSRS8Ls) ของวงควีน ถูกใช้บ่อยจนคุ้นหู แต่เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมานานก่อนฟุตบอลโลกครั้งนี้ ไม่ใช่เพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่
ดังนั้นเพลงฟุตบอลโลกที่ดังสุดๆ ในบ้านเราจริงๆ น่าจะเป็น La Copa de la Vida (https://www.youtube.com/watch?v=8BkYKwHLXiU) ของ ริกกี มาร์ติน ในฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส และเพลง Waka Waka (https://www.youtube.com/watch?v=pRpeEdMmmQ0) ของชากีรา ในฟุตบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ซึ่งทำให้เธอได้พบรักกับ เคราร์ด ปีเก กองหลังทีมชาติสเปนนั่นเอง เรียกว่าเป็นเพลงที่ทำให้ทั้งคู่โด่งดังไปทั่วโลก อย่างไรก็ตามเพลงฟุตบอลโลกทั้ง 2 เพลงนี้ไม่ใช่เพลงขวัญใจนักวิจารณ์ หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นเพลงที่ได้เงิน แต่ไม่ได้กล่อง เมื่อเปรียบเทียบกับเพลง 2 เพลงที่ติดอันดับเพลงเชียร์ฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล