Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
KidKorn คิดก่อน
•
ติดตาม
12 มิ.ย. 2021 เวลา 12:31 • ประวัติศาสตร์
Bloody Mary, Bloody Mary, Bloody Mary ถ้าเราพูดคำนี้หน้ากระจกในห้องมืดๆเราอาจจะเห็นผีสาวมาปรากฎในกระจกก็เป็นได้
อ่านเรื่องราวของ Bloody Mary ตัวจริง และความเกี่ยวข้องกับตำนานนี้ได้ที่นี่
ควีนแมรี่ที่ 1 (Queen Mary I) หรือ แมรี่แห่งทิวดอร์ (Mary of Tudor) หรือ ชื่อเล่นว่าบลัดดีแมรี่ หรือ แม่รี่ผู้กระหายเลือด (Bloody Mary) เป็นพระราชีนีองค์แรกของอังกฤษที่เป็นสตรี เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1516 ที่กรีนนิช ใกล้ๆกับลอนดอน ประเทศอังกฤษ แมรี่แห่งทิวดอร์เป็นพระราชธิดาองค์เดียวของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และพระนางแคทเธอรีนแห่งอรากอน พระมเหสีองค์แรก
Queen Mary I or Bloody Mary (Credit: https://www.history.com/news/queen-mary-i-bloody-mary-reformation)
Mary I's parents, Henry VIII and Catherine of Aragon (Credit: https://www.smithsonianmag.com/history/myth-bloody-mary-180974221/)
แมรี่แห่งทิวดอร์ได้รับการแบปติสท์และนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ในวัยเยาว์ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระมารดาในเรื่องต่างๆรวมถึงการปกครอง เมื่อครั้นที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ต้องการจะหย่ากับพระนางแคทเธอรีน พระองค์ต้องการตั้งนิกายใหม่เป็นนิกาย Church of England เพื่อแต่งงานใหม่กับแอนน์ โบลิน พระองค์ได้ละทิ้งแมรี่แห่งทิวดอร์ และทำให้แมรี่ต้องกลายเป็นลูกนอกสมรส รวมถึงแอนน์ โบลินได้ขัดขวางไม่ให้แมรี่ได้พบเจอกับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และพระนางแคทเธอรีนอีกเลย รวมถึงปลดแมรี่ออกจากสถานะเจ้าหญิงด้วย
กระทั่งแอนน์ โบลินถูกกำจัดและถูกประหารชีวิต พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 กลับมาสนใจแมรี่อีกครั้ง ด้วยข้อแม้ว่าแมรี่ต้องยอมรับว่าพระองค์เป็นหัวหน้านิกาย Church of England รวมถึงยอมรับสถานะของตนเองว่าเป็นลูกนอกสมรส แม้ว่าจะจำใจแมรี่ก็ยอมจำนน ทำให้พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 คืนสถานะเจ้าหญิงให้กับแมรี่ รวมถึงวางแผนหมั้นให้กับแมรี่ด้วย เจ้าหญิงแมรี่ในตอนนี้ได้เป็นแม่ทูนหัวของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด โอรสที่เกิดจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และมเหสีคนที่สาม เจน ซีมัวร์ (Jane Seymour)
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ยังให้เจ้าหญิงแมรี่ แม้ว่าจะยังเป็นลูกนอกสมรส เป็นหนึ่งในรัชทายาทที่มีสิทธิสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระองค์อีกด้วย โดยให้ต่อจากเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและลูกคนอื่นๆที่ถูกกฎหมาย
กระทั่งเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดได้ขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ต่อจากพระบิดาในปีค.ศ. 1547 แมรี่ได้หันเข้าหาศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกอย่างจริงจัง และมักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโบสถ์ส่วนตัว
เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 สวรรณคตในปี 1533 ด้วยวัย 15 ปี แมรี่ได้หนีไปที่ Norfolk หลังจากที่เลดี้เจน เกรย์ได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นพระราชินีจากการสนับสนุนอย่างลับๆ ขณะนั้นเหล่าผู้สนับสนุนและประชาชนบางส่วนได้เรียกร้องให้แมรี่กลับมา ด้วยมองว่าแมรี่ควรเป็นผู้สืบบัลลังก์ตัวจริง ทำให้แมรี่หวนคืนกลับสู่ลอนดอนอีกครั้ง พร้อมที่จะทวงคืนบัลลังก์ที่ควรจะเป็นของเธอ
ในที่สุดแมรี่ก็ได้กลายเป็นควีนแมรี่ที่ 1 ปกครองอังกฤษ และคืนความชอบธรรมให้การสมรสระหว่างพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และพระนางแคทเธอรีนให้ถูกกฎหมาย
ควีนแมรี่ที่ 1 ในวัย 37 เมื่อได้ขึ้นครองราชย์ มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้อังกฤษกลับมานับถือ Church of Rome โดยตั้งใจที่จะอภิเษกสมรสกับฟิลลิปที่ 2 แห่งสเปน ที่มีอายุน้อยกว่าพระองค์ถึง 10ปี หลังจากการพบกันเพียงสองครั้ง เพื่อหาทายาทมาสืบบัลลังก์ที่เป็นคาทอลิก และกันไม่ให้น้องสาวต่างแม่อย่างอลิซาเบธ ที่นับถือโปรแตสแตนท์มีสิทธิในบัลลังก์อังกฤษ นั่นส่งผลให้เหล่าขุนนางอังกฤษไม่พอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากฟิลลิปที่ 2 แห่งสเปนนั้นเป็นคาทอลิก
Philip II and Queen Mary I (Credit: https://thefreelancehistorywriter.com/2018/08/10/the-wedding-of-queen-mary-i-and-king-philip-ii-of-spain/)
เหล่าขุนนางอังกฤษ และผู้ที่นับถือโปรแตสแตน์ไม่พอใจ และคิดก่อการกบฏ ขัดขวางการอภิเษกสมรสระหว่างควีนแมรี่ที่ 1 และฟิลลิปที่ 2 ทว่าเหล่ากบฏถูกจับกุมและสังหารแทบทั้งหมด ควีนแมรี่ที่ 1 ได้สั่งสังหารและเผาคนทั้งเป็นไปกว่า 300 คน เพื่อจำกัดศัตรูและพวกนอกรีตในสายตาพระนาง ตอนนี้เอง ควีนแมรี่ที่ 1 มีอีกชื่อเล่นหนึ่งว่า บลัดดีแมรี่ หรือ แมรี่ผู้กระหายเลือด จากการเข่นฆ่าผู้คน
Credit: https://www.history.com/news/queen-mary-i-bloody-mary-reformation
ทว่าการอภิเษกสมรสก็ไม่ได้ทำให้ควีนแมรี่ที่ 1 และฟิลลิปที่ 2 มีทายาทร่วมกัน รวมถึงฟิลลิปที่ 2 ออกจะดูเบื่อๆพระนาง ด้วยใช้เวลาน้อยมากอยู่ที่อังกฤษ และสนใจที่จะออกเดินทางเพื่อติดต่อค้าขายกับโลกใหม่ (อเมริกา) มากกว่า
ควีนแมรี่ที่ 1 ทุ่มเทความคาดหวังและความรักให้กับฟิลลิปที่ 2 เป็นอย่างมาก ด้วยความสิ้นหวังที่จะมีทายาทและความเจ็บปวดด้านจิตใจและร่างกาย จากการพยายามตั้งครรภ์ปลอม ในปีค.ศ. 1558 ควีนแมรี่ที่ 1 ได้ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ หรือ มะเร็งรังไข่ ทำให้สวรรคตในที่สุด ส่งผลให้อลิซาเบธได้ขึ้นครองราชย์ต่อ เป็นควีนอลิซาเบธที่ 1 ในปี 1559 ความหวังที่จะฟื้นฟูคาทอลิกให้กลับมาในอังกฤษก็ได้หายไปพร้อมกับควีนแมรี่ที่ 1
เข้าสู่ช่วงตีแผ่ตำนานผีสาวหน้ากระจก
เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักตำนานพื้นบ้านที่มักจะถูกเล่าต่อๆกันมาว่า ถ้าเราถือเทียนไขยืนอยู่หน้ากระจกในห้องมืดๆ พร้อมพูดว่า Bloody Mary ซ้ำๆ จะเจอกับผีสาวในกระจกหลอนๆ บ้างก็ว่าเธอจะพูดว่าฉันฆ่าลูกของเธอ ฉันเอาลูกของเธอไป บ้างก็ว่าไม่พูดอะไรเลย แต่มาแบบหลอนๆหน้าตาสยดสยองอย่างเดียว
Credit: https://en.wikipedia.org/wiki/Bloody_Mary_(folklore)
พอเรื่องหลอนแต่เพียงเท่านี้ เข้าสู่ที่มาของตำนานนี้ดีกว่าว่าเกี่ยวข้องกับควีนแมรี่ที่ 1 หรือไม่ อย่างไร
เราได้พยายามหาข้อมูลและพบว่าสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ สืบเนื่องจากที่เราเล่าไปข้างต้นว่าควีนแมรี่ที่ 1 มีความต้องการอย่างมากที่จะมีทายาทและพยายามปลอมการตั้งครรภ์อยู่เนืองๆ จนก่อให้เกิดภาวะร่างกายและจิตใจที่ผิดปกติจากการตั้งครรภ์ปลอม เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องกอสสิปภายในราชสำนักสมัยนั้น จนกระทั่งออกมาในหมู่ประชาชน ความเชื่อและข่าวลือว่าควีนแมรี่ที่ 1 ถูกพระเจ้าลงโทษที่ฆ่าคนอย่างนองเลือด ทำให้พระนางไม่สามารถมีลูกได้ ยิ่งถูกเติมเข้าไปเรื่อยๆจนกลายเป็นตำนานพื้นเมืองของหญิงสาวในกระจกที่เรียกหาลูกของเธอในที่สุด
แต่ตำนานเรื่องผีในกระจกอาจจะไม่ได้พึ่งเกิดขึ้นจากควีนแมรี่ที่ 1 มีคนพบว่าสมัยกรีกก็มีความเชื่อที่เกี่ยวกับการส่องกระจกขณะที่ป่วยอยู่ว่า ถ้าเงาหรือผีในกระจกจ้องเรากลับมา แปลว่าเราจะหายป่วย แต่ถ้าเงาหรือผีในกระจกหลอกให้เรากลัว เราจะตายก่อนที่จะได้แต่งงาน ซึ่งนี่ก็อาจจะเป็นที่มาของความเชื่อนี้ในยุโรปสมัยหลังก็เป็นได้
บางคนก็เชื่อว่าเรื่องผีสาวในกระจกไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับควีนแมรี่ที่ 1 แต่เป็น Elizabeth Bathory มากกว่า ซึ่งเธอผู้นี้มีฉายาว่า Queen of Blood ผู้ซึ่งฆ่าหญิงสาวเป็นร้อยคนเพื่อนำเลือดมาอาบ
หรือบางคนก็บอกว่าอาจจะเป็น Mary Worth แม่มดที่ถูกประหารในซาเลมต่างหาก
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่มีข้อสรุปว่าผีหญิงสาวในกระจกผู้นี้จะเป็นควีนแมรี่ที่ 1 หรือใครกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครตำนานพื้นบ้านเรื่องนี้ได้แพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลกจริงๆ
คืนนี้ใครกล้าท้าพิสูจน์บ้าง เคยได้ยินตำนานนี้หรือไม่ คอมเมนท์มาคุยกัน
เขียนและเรียบเรียงโดยทีมงานคิดก่อน ไม่อนุญาตให้นำไปคัดลอก ดัดแปลง และนำเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
References:
https://www.biography.com/royalty/mary-tudor
https://www.britannica.com/biography/Mary-I
https://www.smithsonianmag.com/history/myth-bloody-mary-180974221/
https://www.history.com/news/queen-mary-i-bloody-mary-reformation
https://allthatsinteresting.com/bloody-mary
https://sites.psu.edu/urbanlegends/2019/02/21/bloody-mary/
https://www.refinery29.com/en-us/2016/10/127563/bloody-mary-queen-ghost-story-pregnancy-murder
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย