ไม่เป็นไร
.
1
จินตนาการว่าคุณไม่สบายและคุณหมอบอกว่าคุณมีโอกาสมีชีวิตรอดแค่ 2% คุณจะทำอะไรกับชีวิตครับ?
.
นั่นคือชีวิตจริงของ Jane Marczerski ผู้หญิงวัย 30 ซึ่งป่วยเป็นมะเร็ง 3 จุดคือ ปอด กระดูกสันหลัง ตับ และคุณหมอบอกเธอว่า เธอมีโอกาสมีชีวิตรอดเพียง 2%
.
เธอเดินขึ้นมาบนเวทีการประกวด America’s got talent เธอดูสดใส มีชีวิตชีวา มีรอยยิ้มให้คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นร้อย เธอเดินทางมาเพียงลำพัง ไม่ได้มีใครมาด้วย
.
เธอแนะนำตัวกับทุกคนว่าเวลาเธอร้องเพลง เธอจะใช้ชื่อว่า “Nightbirde” และเพลงที่เธอจะร้องมีชื่อว่า “It’s ok” เป็นเรื่องราวในชีวิตของเธอที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา เธอไม่สามารถทำงานได้พักหนึ่งแล้ว เพราะเธอต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง
.
“เสียใจด้วยครับ” Howie Mandel กรรมการพูดเมื่อได้ยินเธอบอกว่าเป็นมะเร็ง
.
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันสบายดี ฉันโอเค It’s ok” Nightbirde บอก
.
“คุณมีรอยยิ้มที่สดใสมาก คุณดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา ดูไม่ออกเลยว่าคุณเป็นมะเร็ง” Howie Mandel บอก
.
“ขอบคุณค่ะ มันสำคัญมากที่ทุกคนจะได้รู้ว่าฉันมีอะไรที่มากกว่าบรรดาเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับฉัน” เธอบอกบนเวที
.
และเธอก็เริ่มร้องเพลงของเธอให้โลกได้ฟังเรื่องราวที่เธอบอกว่า “ไม่เป็นไร”
.
.
2
Jane เล่าไว้ใน Blog ของเธอว่า เธอได้รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งในวันสุดท้ายของปี วันที่ทุกคนควรจะได้ฉลองอย่างมีความสุข แต่กลับเป็นวันที่เธอได้รับข่าวร้ายของเธอเอง คุณหมอบอกว่าด้วยอาการของเธอนั้น เธอน่าจะมีเวลามีชีวิตได้อีกหกเดือน และมีโอกาสรอดเพียง 2%
.
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สามีของเธอที่เธอเรียกว่าเป็น “My One Great Love” ก็ขอหย่ากับเธอ
.
เธอย้ายจาก Ohio ไปเข้ารับการรักษาที่ California ระหว่างการรักษา เป็นช่วงเวลาที่ทรมานของเธอมาก บางคืนเธอไม่สามารถนอนได้ บางวันเธออาเจียนจนลงไปกองกับพื้นทั้งน้ำตา พื้นห้องน้ำกลายเป็นที่เดียวบนโลกที่เธอจะซ่อนตัวเองไว้ได้ในวันที่โหดร้ายที่เธอไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้อย่างไร
.
เธอบอกว่า หลายครั้งที่เธอสงสัยว่าเธอไปทำอะไรไว้ทำไมถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ การต้องเจอกับมะเร็งสามครั้งในวัยที่ยังไม่ทันถึงสามสิบปีแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยก็จะหมดเวลาแล้ว
.
อีกไม่กี่ลมหายใจก็จะหมดเวลาของเธอแล้ว
.
.
3
แต่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้น เธอก็ได้รู้ว่ามีคนที่รักเธออยู่
.
เพื่อนรักของเธอยอมโกนหัวเป็นเพื่อนเธอ น้องชายของเธออาสาขับรถให้เธอมารักษาตัวที่ California และเธอบอกว่าเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กตอนที่เราสนิทกันอีกครั้ง แม้กระทั่งเช้าหลังวันที่เธอรู้ข่าวร้ายเรื่องมะเร็ง พ่อของเธอมากอดเธอไว้และบอกคำที่เธอไม่มีวันลืมว่า “You’ll always be my girl with the million dollar smile” เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พ่อพูดกับเธอแบบนี้ แม่ของเธอกอดเธอแน่น เพราะไม่รู้ว่าจะได้อยู่ด้วยกันอีกนานแค่ไหน
.
ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ที่ทั้งต้องรักษาตัวและต้องวุ่นวายกับการขึ้นศาลเพื่อหย่ากับสามี มีหลายครั้งที่เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เธอเจอมันหนักหนาสาหัสจนเธออยากจะลืมว่าเธอว่าเธอเป็นใคร ลืมว่าเธออยู่ที่ไหน ลืมว่าเธอกำลังเจอเรื่องอะไร
.
“หลายคนลืมไปแล้วว่ากำลังหายใจอยู่ แต่ฉันคิดถึงเรื่องการหายใจอยู่ตลอด ในปอดของฉันมีเนื้อร้ายจำนวนมากให้คุณหมอนับ แต่การรู้จำนวนก็คงไม่เปลี่ยนผลลัพธ์มันเท่าไร หลายครั้งฉันต้องออกไปนอกห้องเพื่อสูดอากาศเข้ามาให้ได้ แม้กระทั่งในตอนที่เนื้อร้ายหดตัวลงไปแล้ว บางทีฉันก็ยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วจนบางทีรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เนื้อร้ายอาจจะเล็กลง แต่ความเจ็บปวดยังคงอยู่”
.
“แต่ฉันรู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่และหายใจอยู่”
.
.
4
ทั้งเรื่องราวการย้ายไปรักษาตัวที่ California ในฤดูร้อน การเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น Nightbirde ความรู้สึกเหมือนถือระเบิดเวลาอยู่ การพยายามไม่หันหลังกลับไปมองอดีต ฯลฯ เธอบรรจุมันไว้ในเพลงทั้งหมด
.
ในเพลง It’s ok มีคำร้องว่า “It’s ok” วนไปมาหลายครั้ง เหมือนเป็นการปลอบตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าจากความเจ็บปวดครั้งไม่ถ้วน
.
มันคือสิ่งที่เธอพยายามบอกตัวเองมาตลอดว่า “ไม่เป็นไรนะ"
.
และในครั้งนี้ เธอนำชีวิตของเธอมาเล่าเป็นเพลงให้คนฟังเพื่อจะบอกว่า ไม่ว่าคุณจะเจอเรื่องราวเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม...มันจะไม่เป็นไร
.
“It’s ok. It’s ok.
It’s ok. It’s ok.
If you’re lost.
We’re all a little lost.
And it’s alright.
It’s alright to be lost sometimes”
.
ตอนที่ผมฟังเธอร้องเพลง ผมรู้สึกว่าเธอไม่ได้กำลังร้องเพลง แต่เธอกำลังเล่าเรื่องชีวิตของเธออยู่ น้ำเสียงของเธอที่จริงใจ เจ็บปวด และแฝงด้วยความหวังทำให้เพลงมีความหมาย
.
เหมือนเธอกำลังปลอบเราอยู่ว่าไม่เป็นไร
.
.
5
สิ้นเสียงร้องของเธอ ห้องส่งเงียบงันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ทุกคนจะลุกขึ้นยืนปรบมือให้เธอ
.
“ปีนี้มีนักร้องเก่งๆ เพียบ และผมคงไม่ให้คุณผ่าน” Simon Cowell บอก
.
“ผมจะให้คุณมากกว่านั้น” และเขาก็กดปุ่ม Golden Buzzer ให้ Nightbirde ผ่านเข้าไปสู่รอบ Live Show ได้เลย ท่ามกลางเสียงปรบมือดีใจทั้งน้ำตาของผู้ชมและกรรมการ
.
“ฉันหวังว่าตัวเองจะออกไปและทำให้ดีที่สุด และพยายามบอกตัวเองว่า ฉันไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องทำให้คนประทับใจ แต่ฉันมาที่นี่เพื่อมอบของขวัญให้กับทุกคน”
.
“ฉันอยากจะเป็นคนที่สามารถร้องเพลงได้อยู่แม้ในช่วงเวลาที่มืดมน และแม้ว่าความจริงจะไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่ฉันเจอให้มันดีขึ้น แต่ฉันคิดว่าการได้ร้องเพลงและมีมุมมองต่อชีวิตที่เปลี่ยนไปเป็นของขวัญที่มีค่าที่ฉันได้รับมาและอยากส่งต่อให้ทุกคน”
.
และของขวัญที่เธอมอบให้เรามีความหมายมากจริงๆ ครับ
.
.
6
“ทุกๆ คนมีเรื่องราวที่มืดมนในชีวิต ถ้าฉันสามารถเป็นตัวอย่างของคนที่ออกมาเล่าถึงเรื่องราวที่เลวร้ายของตัวเองได้ บางทีก็อาจจะทำให้คนรู้สึกว่าเขาสามารถพูดถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายที่เจอได้เหมือนกัน”