- ใน Serie B มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Flash มีเงินเหลือ run business ได้อีกไม่ถึง 3 เดือน ถ้าไม่มีเงินเข้า (คือระดมทุนเพิ่มไม่ได้อ่ะนะ เงินรายได้ไม่มีทางพอกับการ burn แน่ ๆ) จุดนั้นคือถ้าไม่มีเงินเข้าภายใน 3 เดือนคุณคมสันต์ต้องปิดบริษัท คุณคมสันต์บอกว่านอนไม่หลับเลย ไม่มีวันไหนที่นอนตาหลับ ต้องพยายามหาผู้ลงทุนอย่างเต็มที่ ... คุณทนความเครียดเบอร์นั้นได้เรื่อย ๆ ... ยาว ๆ ... นาน ๆ ไหม
- ใครจะมาเป็น Start Up ให้ถามตัวเองก่อนเลยว่าคุณพร้อมที่จะรับความล้มเหลวใช่ไหม สามารถปล่อยวางอำนาจ ชื่อเสียงได้หมดเลยใช่ไหม เพื่อสร้างสิ่ง ๆ นี้ให้ประสบความสำเร็จ ... คือต้อง Dive into it ต้อง All in นะ ปัญหาที่ขวางอยู่มหึมาทั้งขนาดและจำนวนเลยเชียว ... พร้อมใช่ไหม
ในยุคอันธพาล (คือยุคเริ่มต้นของ Flash น่ะค่ะ เผื่อใครไม่ได้อ่าน EP ก่อนหน้านี้นะคะ) ช่วง Serie A, Serie B คุณคมสันต์แทบจะเลือกไม่ได้เลย เพราะ Flash ขาดแคลนเงินสดหนักมาก แต่หลังจาก Serie B เป็นต้นมา ใครจะเข้ามาในบ้าน คุณคมสันต์คัดหมด
ใน Serie A – Serie B คุณคมสันต์ยังทำให้สิ่งที่รับปากเกิดขึ้นไม่ได้ จึงต้องง้อ ใครอยากได้อะไรก็ต้องทำตาม แต่หลังจาก Serie B ซึ่ง Flash ทำสิ่งที่ได้รับปากไว้กับนักลงทุนใน Serie A และ B Success หมดแล้ว ไม่ใช่ Success ธรรมดาแต่เป็นแบบ Double ด้วย
ใน Series C คุณคมสันต์จึงเลือกได้ เพราะนักลงทุน “แย่ง” กันเข้ามาเลย
คุณคมสันต์บอกว่าไม่ได้ตั้งใจรอ Series D แล้วถึงเพิ่งกลับเข้ามาหาทุนในไทย ที่จริง Flash ก็เริ่มต้นจากการหาทุนในไทยก่อนตั้งแต่ Serie A แต่ไม่มีคนให้ ข้อจำกัดหนึ่งของนักลงทุนไทยคือต้องการเห็นกำไรก่อน นี่ทำให้ Start Up ในไทยโตไม่ได้ เพราะเริ่มมานักลงทุนก็ถามหากำไรแล้ว ภายใน 1 – 2 ปีต้องทำกำไรเลย ทั้งที่จริงแล้ววิถี Start Up คือต้องทำให้มันโตก่อน ผู้ลงทุนหลายคนคาดหวังให้บริษัททำกำไรเร็วเกินไป
ตั้งแต่ Serie A, B, C ... Flash มีแต่นักลงทุนต่างชาติ ทำให้ภาพกลายเป็นบริษัทต่างชาติ คนคิดว่าเป็นบริษัทสัญชาติจีนบ้าง เป็น Nominee ให้บริษัทจีนบ้าง เพราะคุณคมสันต์เองก็ low profile ไม่ชอบออกสื่อ ไม่มี PR
พอถึงรอบการระดมทุน Series D คุณคมสันต์คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องแสดงให้คนเห็นชัดเจนว่านี่คือบริษัทสัญชาติไทย โดยต้องหาผู้ลงทุนไทยมาเป็นพันธมิตร คุณคมสันต์เรียกการหาพันธมิตรนี้ว่าการหานามสกุล เพราะชื่อคมสันต์ ลีไม่มีใครรู้จัก
จาก Serie D ... Flash เติบโตขึ้นมาก ไม่ได้ทำขนส่งอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลายเป็น E-Commerce Eco-System มีบริษัทในเครือถึง 10 บริษัท เป้าหมายต่อไปของ Flash คือการให้บริการทางการเงินเพิ่มขึ้น จึงเป็นที่มาของการเปิดบ้านให้ครอบครัวสถาบันการเงินอีกบริษัทเข้ามาร่วมทุนใน Serie E
ทุนที่ได้มาจาก Serie E เป็นเสบียงสำหรับออกเดินทางได้อย่างน้อย 2 ปี แต่คุณคมสันต์คงไม่รอให้กระสุนใกล้หมดแล้วค่อยหา ช่วงปลายปีนี้จึงอาจมีการระดมทุนอีกรอบ 😊
การระดมทุนจึงไม่มีที่สำหรับคำว่าโลภ วันนี้คุณเอาไป พรุ่งนี้คุณต้องคืนถ้าคุณทำได้ไม่ดีพอ ทางรอดหรือทางเติบโตมีทางเดียวเท่านั้นคือคุณต้องทำให้ B ใหญ่กว่า A และ A ได้กำไรมากกว่า (รายได้มากกว่าแหละมั้งเนาะ) คุณถึงจะไปต่อได้
การระดมทุนจึงเป็นการวัดใจตัว CEO เองเหมือนกัน ว่าจะโลภมากหรือเปล่า จะไปราคาแพงที่ Serie ไหน A, B, C หรือ D แล้วทำไมต้องแพง แพงด้วยเหตุผลอะไร Financial Service ที่เป็นตัวการันตี Valuation มันมีขอบเขตของมัน แต่ในขอบเขตนี้ ตั้งแต่ 5-10 คุณกระโดดได้ คุณจะเอาเท่าไหร่ก็ได้ 5, 6 หรือ 10 ก็ได้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของคุณ ขึ้นอยู่กับ “ใจ” ของคุณ
สำหรับ Start Up … แพงที่สุดไม่ได้แปลว่าดีที่สุด เพราะการสักแต่กอบโกยเข้ามาจะกลายเป็นแรงกดดันให้กับคุณ ถ้าคุณแพงแบบไม่มีเหตุผลในรอบนี้ รอบหน้าก็จะไม่มีใครเอา เตรียมม้วนเสื่อกันได้เลย
มูลค่าของ Flash
- รอบ A – C เพิ่มขึ้นรอบละ 5 – 10 เท่า
- C ขึ้นไปก็เพิ่มน้อยลง เหลือประมาณ 2 – 3 เท่า
- Series D ขึ้นไปจะเพิ่มน้อยมาก เพราะมูลค่าบริษัทเยอะมากแล้ว เพิ่มนิดเดียวก็เป็นมูลค่ามหาศาล (ตอนนี้มูลค่าบริษัท 30,000 ล้าน เพิ่มไม่ต้องถึง 1 เท่า เอาแค่ 40% ก็กลายเป็น 40,000 ล้านแล้ว!!!)